ตรัง – หลังจากราคาน้ำมันทะยานสูงขึ้นวันต่อวัน ผู้ประกอบการรถโดยสารสองแถวรับจ้าง จังหวัดตรัง มีการหยุดเดินรถแล้ว 50% ส่วนหนึ่งก็นำรถไปดัดแปลงสภาพเพื่อประกอบธุรกิจอื่น
ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดตรัง ได้ออกไปสำรวจบรรยากาศการเดินรถโดยสารรับจ้างต่างๆ หลังจากราคาน้ำมันมีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้ เบนซิน 91 อยู่ที่ลิตรละ 39.42 บาท เบนซิน 95 อยู่ที่ลิตรละ 39.47 บาท ดีเซล อยู่ที่ลิตรละ 38.77 บาท และแก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ลิตรละ 36.52 บาท จึงส่งผลกระทบต่อประชาชนชาวตรังทั้งหมด โดยเฉพาะผู้ประกอบการรถโดยสารสองแถวรับจ้าง ที่ได้มีการหยุดเดินรถไปแล้ว 50%
นายศุภรัตน์ ขวัญนิมิตร คนขับรถโดยสารสองแถวรับจ้าง สายตรัง-น้ำผุด อำเภอเมืองตรัง กล่าวว่า หลังจากที่ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น จนขณะนี้พุ่งขึ้นไปถึงลิตรละ 40 บาทแล้วนั้น ได้ส่งผลให้คนขับรถโดยสารสองแถวรับจ้างหยุดเดินรถแล้วเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากเดิมจะมีสมาชิกรถสองแถว สายตรัง-น้ำผุด จำนวน 41 ราย แต่ขณะนี้กลับเหลือเพียงแค่ 20 รายเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ รถโดยสารสองแถวรับจ้าง สายตรัง-น้ำผุด จึงจำเป็นที่จะต้องปรับราคาค่าโดยสารเพิ่มขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนในการประกอบอาชีพ คนละ 1-3 บาท โดยในส่วนของประชาชนทั่วไปจะปรับขึ้น 3 บาท หรือจากเดิมค่าโดยสารตลอดสายอยู่ที่คนละ 25 บาท เป็น 28 บาท และในส่วนของนักเรียน ก็ปรับขึ้นคนละ 1 บาท หรือจากเดิมคนละ 14 บาท เป็น 15 บาท ซึ่งผู้โดยสารส่วนใหญ่ยอมรับในอัตราค่าโดยสารที่เพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากเข้าใจกับสภาวะเศรษฐกิจในระยะนี้เป็นอย่างดี
นายศุภรัตน์ กล่าวอีกว่า หากราคาน้ำมันยังคงมีการปรับขึ้นต่อไปอีก คาดว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะหยุดเดินรถรับส่งประชาชนทั่วไป โดยจะไปเดินรถเฉพาะในช่วงเช้าและช่วงเย็น เพื่อรับส่งนักเรียน-นักศึกษาเท่านั้น ส่วนช่วงในเวลากลางวันจะหันไปประกอบอาชีพอื่นทดแทน ซึ่งขณะนี้สำหรับผู้ที่หยุดวิ่งรถสองแถวไปแล้ว ได้นำรถไปดัดแปลงสภาพเพื่อประกอบธุรกิจ เกี่ยวกับการรับซื้อไม้ยางพารา แทนการขับรถโดยสาร
อย่างไรก็ตาม นอกจากปัญหาราคาน้ำมันแพงแล้ว รถโดยสารสองแถวรับจ้างยังประสบปัญหาเกี่ยวกับรถป้ายขาวที่วิ่งทับเส้นทาง โดยที่หน่วยงานที่รับผิดชอบไม่เข้ามาตรวจสอบควบคุมดูแลแต่อย่างใด จึงถือเป็นการปล่อยปัญหาทั้งหมดให้กับผู้ประกอบการต้องเผชิญกันเอง