ชุมพร - สัตวแพทย์ยังคงช่วยเหลือช้าง “พังบุญยืน" ช้างท้องแก่ 14 เดือนอย่างต่อเนื่อง หลังกินหญ้าฉีดพ่นสารเคมี ล่าสุด อาการยังน่าห่วงเนื่องจากเครียด ท้องอืด เจอฝนตกหนักหวั่นปอดปวม เตรียมเจาะเลือดส่งตรวจห้องแล็ปหวั่นลูกแท็ง ตายคาท้อง เจ้าของวอนผู้มีจิตศรัทธาบริจาคอาหารเสริมเพราะราคาแพงไม่มีเงินซื้อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นับเป็นเวลานาน 8 วันแล้วที่ช้าง “พังบุญยืน” อายุ 50 ปี ช้างท้องแก่ 14 เดือนของ นายฉวี ขาวสุข อายุ 57 ปี อาชีพทำสวนมังคุด ปล่อยไปกินหญ้าที่ฉีดพ่นสารเคมี จนล้มป่วยที่บริเวณสวนผลไม้ หมู่ 2 ต.ช่องไม้แก้ว อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร ตั้งแต่วันที่ 12 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
ขณะที่สัตวแพทย์จากมูลนิธิช้างแห่งประเทศไทย จากกรุงเทพมหานคร ยังคงอยู่รักษาอาการอย่างต่อเนื่อง และยังคงมีชาวบ้านที่ทราบข่าวแวะเวียนไปเยี่ยมเยียนดูแลให้กำลังใจแก่ เฝ้าดูอาการของช้างพังบุญยืน และลูกในท้องอย่างต่อเนื่องทุกวัน
สำหรับอาการล่าสุด นายเอกสิทธิ์ ปิยานันท์ สัตวแพทย์ประจำมูลนิธิช้างแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หลังจากใช้รถแบ็กโฮประคองช้างที่นอนอยู่กับพื้นดินนานหลายวันให้ยืนขึ้นได้ โดยใช้เชือกผูกติดกับตัวรอกผยุงไว้กับคานเสาไม้ภายในเต้นท์ที่ชาวบ้านช่วยกันสร้างขึ้นมา โดยใช้เวลานานถึง 10 ชั่วโมง กว่าจะสำเร็จ เนื่องจากช้างมีน้ำหนักตัวถึง 3,800 กก.ทำให้อาการกดทับทางด้านขาวของตัวช้างดีขึ้นตามลำดับ ขาหลังที่บวมแบ่งขยับเขยื้อนไม่ได้ก็เคลื่อนไหว และยืนด้วยตัวเองได้บ้างแล้ว แผลที่เน่าเปื่อยเริ่มทุเลาขึ้น แต่ที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดก็คือ โรคแทรกซ้อน การติดเชื้อ ท้องอืด กรดในกระเพาะ
โดยเฉพาะช่วงนี้มีฝนตกลงมาเป็นระยะๆ ทำให้อากาศชื้น ช้างอาจปอดปวมขึ้นได้ โดยเฉพาะช้างกำลังตั้งท้อง 14 เดือน ซึ่งจะส่งผลกระทบถึงลูกได้ โดยปกติช้างตั้งท้องจนคลอดจะใช้เวลานานประมาณ 22-24 เดือน หรือ 2 ปี แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่สามารถทราบได้ว่าลูกในท้องของช้างพังบุญยืนยังเป็นปกติหรือไม่ จึงต้องเจาะเลือดส่งไปตรวจที่กรุงเทพมหานครก่อน จะทำให้ทราบว่าปลอดภัยหรือไม่อย่างไร
แต่จากการดูอาการของแม่ช้างแล้วคิดว่าลูกในท้องคงไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากนัก สำหรับอาการทั่วไปขณะนี้ถือว่ายังน่าเป็นห่วงอยู่ เนื่องจากช้างมีอาการเครียด ทำให้ท้องเริ่มอืดขึ้นมาอีก ไม่ขับถ่าย อ่อนเพลีย อีกทั้งจากการเจาะตรวจเลือดพบว่าช้างมีสารอาหารโปรตีนในเลือดต่ำมาก เพราะปกติช้างจะกินอาหารวันละประมาณ 200 กก.จึงต้องรักษาเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิดต่อไป
ด้าน นายฉวี ขาวสุข อายุ 57 ปี เจ้าของช้าง กล่าวว่า ดีใจมากที่มีสัตวแพทย์จากมูลนิธิช้างแห่งประเทศไทย มาช่วยรักษา ถ้าเปรียบเทียบอาการของช้างพังบุญยืนกับก่อนหน้านี้นั้น ตนถือว่าอาการยืนดีขึ้นมาก ต้องขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่เห็นความสำคัญของช้าง ซึ่งถือเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมือง หากไม่ได้รับการช่วยเหลือตนคิดว่าช้างคงตายไปนานแล้ว เพราะค่าใช้จ่ายในการรักษาสูงมาก ตนคงไม่มีปัญญาแน่
แต่ปัญหาขณะนี้ คือ ช้างไม่สามารถกินผลไม้ กล้วย หรือหญ้าได้ตามปกติ เพราะจะทำให้ท้องอืด จึงต้องให้กินอาหารเสริมประเภทแร่ธาตุและโปรตีน ซึ่งเป็นอาหารช้างโดยเฉพาะ แต่มีราคาแพงมาก ครอบครัวตนมีอาชีพทำสวนและรับจ้างไม่มีเงินซื้อ ตอนนี้ใช้กล้วยสุกคลุกผสมกับอาหารหมูให้ช้างกินอยู่
จึงอยากวิงวอนถึงผู้มีจิตศรัทธาให้ความช่วยเหลือด้วย ถือว่าช่วยแม่ช้าง และลูกช้างในท้องก็แล้วกัน ตนสัญญาว่าหากช้างเชือกนี้หายเป็นปกติจะไม่ใช้ให้ทำงานอีกต่อไปจะเลี้ยงดูแลเหมือนลูก เพราะเลี้ยงมากว่า 40 ปีมีความผูกพันกันมาก