ศูนย์ข่าวภูเก็ต -“ธนาคาร แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน)” ขยายสาขามาภูเก็ต เป็นพื้นที่นำร่องในภาคใต้ รุกสินเชื่อเคหะที่มีความต้องการสูงในภูเก็ตขณะนี้ 150 ล้านบาท ด้านเงินฝากปีแรกตั้งเป้าไว้ที่ 500 ล้านบาท มั่นใจเดินไปตามเป้าหมายจากที่ภูเก็ตมีศักยภาพสูงในทุกด้าน ขณะที่ภาพรวมตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อ 40,486 ล้านบาท
นางศศิธร พงศกร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) หรือแอลเอช เปิดเผยว่า ธนาคารได้ขยายสาขามาที่จังหวัดภูเก็ต โดยเปิดให้บริการมาตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา เป็นสาขาที่ 17 และเป็นสาขาแรกในภาคใต้ของธนาคาร โดยจะมีการเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 มิ.ย.นี้ ทั้งนี้เพราะธนาคารมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของจังหวัดภูเก็ตที่มีการเติบโตทางธุรกิจค่อนข้างสูงในทุกๆด้าน จึงได้เปิดสาขาภูเก็ตเพื่อให้เป็นจังหวัดนำร่อง ที่ธนาคารจะทำการขยายการให้บริการของธนาคารในเขตภาคใต้ และคาดว่าจะเปิดสาขาที่ 2 เพิ่มในอีก 6 เดือนนับจากนี้ เพื่อรองรับกาขยายตัวของฐานลูกค้าของธนาคารในอนาคต
สาขาภูเก็ตในปี 2551 ธนาคารได้วางเป้าหมายในเรื่องของเงินฝากไว้ที่ 500 ล้านบาท ซึ่งธนาคารได้จัดโปรโมชันพิเศษสำหรับลูกค้าที่เปิดบัญชีที่สาขาภูเก็ต ด้วยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่สูงกว่าธนาคารอื่นๆ หากลุกค้าเปิดบัญชีออมทรัพย์ 10,000 บาท ขึ้นไป คู่กับบัญชีฝากประจำ 4 เดือน ในวงเงิน 100,000 บาทขึ้นไปจะได้รับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากอีก 0.5% ซึ่ง ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย 4 เดือนของธนาคารอยู่ที่ 2.25% และรายการอื่นอีกมากมาย
ส่วนสินเชื่อ ได้ตั้งเป้าสำหรับสินเชื่อเคหะไว้ที่ 120-150 ล้านบาท ซึ่งที่ธนาคารเน้นปล่อยสินเชื่อด้านเคหะเป็นสำคัญ เนื่องจากกลุ่มผู้ถือหุ้นของธนาคารเป็นกลุ่มผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ และความต้องการสินเชื่อด้านเคหะก็มีสูงด้วย โดยเฉพาะในพื้นที่ภูเก็ตความต้องการสินเชื่อเคหะมีสูงมาก จากการเติบโตในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้านที่อยู่อาศัย แต่อย่างไรก็ตาม ธนาคารก็ยังให้ความสำคัญกับสินเชื่อหมุนเวียน ในธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอีกด้วย
“เท่าที่เปิดให้บริการที่สาขาภูเก็ตมาเมื่อวันที่ 9 พ.ค. ปรากฏว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากชาวภูเก็ตมาใช้บริการฝากเงินถึง 50 ราย วงเงินกว่า 10 ล้านบาท และเชื่อว่าธนาคารจะเป็นทางเลือกใหม่ให้แก่ชาวภูเก็ตทั้งในเรื่องของการฝากเงิน การขอสินเชื่อ และการใช้บริการด้านอื่นๆ”
นางศศิธร ยังกล่าวถึงผลการดำเนินงานของธนาคารในปี 2550 ว่า ธนาคารมีกำไรอยู่ที่ 101 ล้านบาท และคาดว่าในปี 2551 นี้ ธนาคารจะมีกำไรสุทธิเพิ่มเป็น 262 ล้านบาท เติบโตถึง 159% และเมื่อพิจารณาถึงรายได้ของธนาคารจากการดำเนินงานในปี 2549 และ 2550 ธนาคารมีรายได้รวม 887 ล้านบาท และ 1,592 ล้านบาท
ทั้งนี้ คาดว่าในปี 2551 ธนาคารจะมีรายได้รวมเพิ่มเป็น 2,266 ล้านบาท โดยรายได้หลักของธนาคารมาจากดอกเบี้ย ในปี 2550 ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ย 1,464 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 92 ของรายได้รวม และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,172 ล้านบาท ส่วนรายได้จากค่าธรรมเนียมการดำเนินงานในปี 2550 จำนวน 55 ล้านบาท ที่เหลือเป็นรายได้อื่นๆ อีก 72 ล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มอีกไม่น้อยกว่า 50% ในปี 2551 นี้
สำหรับยอดสินเชื่อของธนาคารเพิ่มขึ้นโดยตลอด ปี 2550 ธนาคารมีสินเชื่อรวมเท่ากับ 25,601 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2549 10,403 ล้านบาท เติบโตขึ้น 68.4% และในปี 2551 ธนาคารได้วางเป้าหมายสินเชื่อไว้ที่ 40,486 ล้านบาท ทั้งนี้จากผลการดำเนินงานสิ้นไตรมาส 1 ของปี 2551 ธนาคารมียอดสินเชื่อแล้ว 26,710 ล้านบาท คาดว่าอีก 3 ไตรมาสที่เหลือธนาคารจะสามารถปล่อยสินเชื่อได้ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน โดย 80% เป็นสินเชื่อเคหะ ในปี 2550 ธนาคารมีสินเชื่อเคหะ 20,046 ล้านบาท และคาดว่าในปี 2551 จะเพิ่มเป็น 33,247 ล้านบาท ส่วนสินเชื่อธุรกิจขยายตัวจาก 2,161 ล้านบาท เป็น 2,515 ล้านบาทในปี 2551
ในส่วนของเงินฝาก ธนาคารมีนโยบายในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่จูงใจ ประกอบกับการเปิดสาขาไปแล้วทั้งหมด 15 สาขา สิ้นปี 2550 และจะเปิดสาขาใหม่เพิ่มขึ้นปีละ 10 สาขา จนครบ 50 สาขา โดยกลยุทธ์หลัก คือ เสนออัตราดอกเบี้ยกระแสรายวัน และออมทรัพย์ในอัตราสูง คือ 1.5% และ 2.5 % ตามลำดับ อีกทั้งยังมีบัญชีเงินฝากประจำที่มีเงื่อนไขและอัตราดอกเบี้ยที่จูงใจ
