ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ติง “เจ๊มิ่ง” ต้องแก้ปัญหาทั้งระบบ และต้องคำนึงถึงราคาให้เกษตรกรอยู่ได้ ไม่ใช่ปลูกมากจนขายไม่ได้ราคา
นายสมศักดิ์ ปริศนาทันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเดินทางลงปฏิบัติราชการที่ จ.สงขลา กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงพาณิชย์ต้องการส่งเสริมให้มีการปลูกข้าวให้มากขึ้นตามความต้องการของต่างประเทศที่สูงขึ้น โดยเผยว่า กระทรวงพาณิชย์มองจากสภาพความเป็นจริง และมองจากวิกฤตอาหารโลกที่เกิดขึ้น ว่า วันนี้มีความต้องการสูง เป็นผลมาจากการที่ประเทศเพื่อนบ้านของไทย ประกาศงดการส่งออกข้าว หรือลดปริมาณการส่งออกข้าว ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีก็เลยคิดว่าตลาดส่งออกข้าวน่าจะเป็นของไทยต่อไป จึงต้องการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกข้าว โดยยกตัวอย่างตัวเลขจากที่เคยส่งข้าวออกปีหนึ่งประมาณ 9 ล้านตัน และเพิ่มเป็น 12 ล้านตัน จึงสนับสนุนให้เกษตรกรเพิ่มปริมาณการปลูกให้สูงข้าว
แนวทางดังกล่าวกระทรวงเกษตรฯเห็นด้วยในการเพิ่มกำลังการผลิต แต่กระทรวงเกษตรฯเป็นห่วงว่า เมื่อสนับสนุนให้เกษตรเพิ่มปริมาณการปลูกข้าวมากขึ้นหรือเพิ่มการส่งออกมาก จะต้องคำนึงถึงราคาที่จะทำให้เกษตรกรอยู่ได้ด้วย ไม่ใช่เพิ่มการปลูกแล้วขายมาก แต่ขายแล้วเกษตรกรขาดทุน โดยคิดราคาข้าวสารเป็นตัวตั้ง
ทั้งนี้ ตนคิดว่า กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ จะต้องหันหน้ามาปรึกษากันว่าจะส่งออกอย่างไร มากหรือน้อยแค่ไนก็แล้วแต่ ต้องคำนึงถึงความอยู่รอดของเกษตรกรเป็นหลัก รวมถึงรายได้ที่จะเกิดขึ้นกับเกษตรกรด้วยซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ใช่ยอดตั้งเป้าการส่งออกเยอะแต่เกษตรกรกลับอยู่บนภาวะหนี้สิน จนต้องขายที่ทางเหมือนในอดีตจะต้องไม่มีอีกแล้ว
นายสมศักดิ์ ปริศนาทันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเดินทางลงปฏิบัติราชการที่ จ.สงขลา กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงพาณิชย์ต้องการส่งเสริมให้มีการปลูกข้าวให้มากขึ้นตามความต้องการของต่างประเทศที่สูงขึ้น โดยเผยว่า กระทรวงพาณิชย์มองจากสภาพความเป็นจริง และมองจากวิกฤตอาหารโลกที่เกิดขึ้น ว่า วันนี้มีความต้องการสูง เป็นผลมาจากการที่ประเทศเพื่อนบ้านของไทย ประกาศงดการส่งออกข้าว หรือลดปริมาณการส่งออกข้าว ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีก็เลยคิดว่าตลาดส่งออกข้าวน่าจะเป็นของไทยต่อไป จึงต้องการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกข้าว โดยยกตัวอย่างตัวเลขจากที่เคยส่งข้าวออกปีหนึ่งประมาณ 9 ล้านตัน และเพิ่มเป็น 12 ล้านตัน จึงสนับสนุนให้เกษตรกรเพิ่มปริมาณการปลูกให้สูงข้าว
แนวทางดังกล่าวกระทรวงเกษตรฯเห็นด้วยในการเพิ่มกำลังการผลิต แต่กระทรวงเกษตรฯเป็นห่วงว่า เมื่อสนับสนุนให้เกษตรเพิ่มปริมาณการปลูกข้าวมากขึ้นหรือเพิ่มการส่งออกมาก จะต้องคำนึงถึงราคาที่จะทำให้เกษตรกรอยู่ได้ด้วย ไม่ใช่เพิ่มการปลูกแล้วขายมาก แต่ขายแล้วเกษตรกรขาดทุน โดยคิดราคาข้าวสารเป็นตัวตั้ง
ทั้งนี้ ตนคิดว่า กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ จะต้องหันหน้ามาปรึกษากันว่าจะส่งออกอย่างไร มากหรือน้อยแค่ไนก็แล้วแต่ ต้องคำนึงถึงความอยู่รอดของเกษตรกรเป็นหลัก รวมถึงรายได้ที่จะเกิดขึ้นกับเกษตรกรด้วยซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ใช่ยอดตั้งเป้าการส่งออกเยอะแต่เกษตรกรกลับอยู่บนภาวะหนี้สิน จนต้องขายที่ทางเหมือนในอดีตจะต้องไม่มีอีกแล้ว