พัทลุง – พื้นที่ป่าถูกทำลายหนักส่งผลกระทบต่อสัตว์ป่าและการดำรงชีวิตของเงาะป่าซาไก เผ่าสุดท้ายของเทือกเขาบรรทัด ด้านคณะกรรมการสิทธิฯ ลงพื้นที่สำรวจเพื่อให้การช่วยเหลือให้ได้รับความเท่าเทียมทางสังคม อาจารย์เมืองลุงทำการศึกษาเพื่อฟื้นวัฒนธรรมและประสานหน่วยงานรัฐมอบบัตรประชาชนให้ซาไก
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุง ว่า หลังจากพื้นที่ป่าเขาบรรทัด ได้ถูกบุกรุกโดยชาวบ้านด้วยการแผ้วถาง จับจองพื้นที่ เพื่อปลูกยางพารา และล่าสัตว์ ทำให้พื้นที่ป่า และสัตว์นานาชนิดในพื้นที่ จังหวัดพัทลุง สตูลและตรัง ลดลงอย่างน่าเป็นห่วง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบนิเวศน์ และการยังชีพของชาวพื้นเมืองดั้งเดิมที่เรียกกันว่า เงาะป่าซาไก ที่เหลืออยู่ประมาณ 250 คน บนเทือกเขาบรรทัด
โดยเฉพาะในพื้นที่ หมู่ที่ 7 ต.ทุ่งนารี อ.ป่าบอน และท้องที่หมู่ที่ 6 ต.ตะโหมด อ.ตะโหมด จังหวัดพัทลุง เริ่มขาดอาหาร ร่างกายซูบผอม พร้อมมีอัตราการตายที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงด้วยน้ำมือของมนุษย์ โดยทุกวันนี้กลุ่มเงาะป่า ซาไก ต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตตัว เองให้ปรับตัว เข้าสู่สังคมเมืองมากขึ้น
แต่โดยพื้นฐานความเป็นจริงแล้ว แม้ชนกลุ่มนี้จะอยู่ในประเทศไทย มาหลาย 100 ปี และเป็นกลุ่มสุดท้ายที่เหลืออยู่ยังไม่มีสิทธิทางสังคม เหมือนคนไทยทั่วไป ทำให้คณะกรรมการสิทธิ์ ได้ลงพื้นที่หมู่ที่ 7 ต.ทุ่งนารี อ.ป่าบอน จ.พัทลุง เพื่อให้การช่วยเหลือในความเป็นไปได้ทางสังคมมากขึ้น
โดย ดร.สุทิน นพเกตุ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า ในเบื้องต้นทางคณะและทีมงานจะสำรวจความเป็นไปได้ในการช่วยชาวเงาะป่า ซาไก ที่เหลืออยู่บนเทือกเขาบรรทัด และเป็นกลุ่มสุดท้ายของประเทศไทย ในด้านสิทธิขั้นพื้นฐานของความเป็นพลเมืองไทย เพราะพวกเขาอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวมานานหลายร้อยปี แต่ยังไม่มีความเท่าเทียมในสังคม
แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น ในการช่วยเหลือและดูแลจะไม่กระทบต่อระบบนิเวศน์ ชีวิต วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ของพวกเขา ซึ่งหากพวกเขาไม่ร้องขอ หรือรับการช่วยเหลือ ก็จะต้องศึกษาความเปลี่ยนแปลงในการใช้วิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่สงบและเรียบง่ายของพวกเขา ต่อไป
ทางด้าน นางอนงค์ เชาวนกิจ ผอ.เขตพื้นที่การศึกษาจังหวัดพัทลุง ที่กำลังศึกษาและทำโครงการอนุรักษ์ ฟื้นฟู สังคม วัฒธรรมชาวซาไกในพื้นที่ภาคใต้กล่าวว่า ปัจจุบันพบว่า เงาะป่าซาไก ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เทือกเขาบรรทัด จังหวัดพัทลุง ตรัง สตูล ที่เหลืออยู่เผ่าพันธุ์สุดท้ายในประเทศไทย และน่าเป็นห่วงว่า ในอนาคตอันใกล้ถ้าไม่มีการอนุรักษ์ฟื้นฟู คาดว่าอีกไม่นาน เงาะป่าจะสูญหายไปจากประเทศไทย
และยังพบว่า ปัจจุบันนี้ เงาะป่ามีอัตราการตายที่สูงกว่าปกติ อัตราการเกิดน้อย โดยสาเหตุนั้นเชื่อว่าน่าจะมาจากการบุกรุกแผ้วถางป่า และการล่าสัตว์ ที่เป็นแหล่งอาหารของพวกเขา ซึ่งวันนี้ หากทุกภาคส่วนยังมีการปล่อยให้ป่าเขาบรรทัดถูกทำลายลง โดยไม่มีการฟื้นฟู และความจริงจัง จริงใจในการแก้ปัญหาป่า เงาะป่าชาไก ในพัทลุง จะเหลือเป็นเพียงตำนานเท่านั้น
โดยในเบื้องต้นนางอนงค์ กล่าวว่า จะเร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการให้กลุ่มชาวป่า ได้เลข 13 หลักในการทำบัตรประชาชน เพื่อที่จะได้เข้าไปช่วยเหลือฟื้นฟูอย่างเต็มรูปแบบต่อไป