นครศรีธรรมราช – ชาวบ้านสุดทนถนนสายหลักกลางตลาด อ.หัวไทร จ.นครศรีฯ เป็นหลุมเป็นบ่อน้ำท่วมขังมาตลอดเกือบ 3 ปี รวมตัวประท้วงปล่อยกุ้งลงไปเลี้ยง เพื่อประชดเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มาดูแลช่วยเหลือ
เมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้ (8 พ.ค.) ที่ถนนสายนครศรีธรรมราช-หัวไทร ระหว่าง หมู่ 8 และหมู่ 10 ต.หัวไทร อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช มีชาวบ้าน นำโดย นายวิทยา จุลิรัตน์ชนีกร ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ของหมู่ 8 ต.หัวไทร มารวมตัวกันประท้วงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ไม่สนใจความเดือดร้อนของชาวบ้าน เนื่องจากบริเวณดังกล่าวสองฟากถนนเป็นหลุมเป็นบ่อมานานเกือบ 3 ปี ไม่มีหน่วยงานไหนมาดูแลจนทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนกันเป็นอย่างมาก
เมื่อฝนตกลงมาน้ำจะท่วมขังตลอดเส้นทาง จากตลาดหัวไทรไปทางตัวเมืองนครศรีธรรมราชระยะกว่า 500 เมตร ที่เป็นหลุมเป็นบ่อมีน้ำท่วมขัง โดยชาวบ้านได้นำลูกกุ้งมาปล่อยในบ่อกลางถนนดังกล่าวกว่า 3,000 ตัว เพื่อเป็นเป็นการประท้วง และยังมีการเขียนป้ายประท้วงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า “สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ก่อสร้างท่าเรือน้ำลึก”
นายวิทยา จุลิรัตน์ชะนีกร ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.8 ต.หัวไทร อ.หัวไทร นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ตนเองได้ล่ารายชื่อชาวบ้านทั้ง 2 หมู่บ้าน เพื่อยื่นไปยัง อบต.หัวไทร และอำเภอหัวไทร รวมทั้งจังหวัดเพื่อให้มาบรรเทาความเดือดร้อนแก่ชาวบ้านหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีใครมาสนใจให้การช่วยเหลือ พอชาวบ้านไปสอบถามที่ อบต.หัวไทร ก็บ่ายเบี่ยงว่าไม่อยู่ในความรับผิดชอบของ อบต.ซึ่งตอนนี้เราเดือดร้อนกันอย่างหนัก จึงร้องเรียนไปยังผู้สื่อข่าวเพื่อช่วยเป็นสื่อในการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ยิ่งตอนนี้เป็นช่วงหน้าฝนเราจะเดือดร้อนจริงๆ เพราะบางครั้งผู้ที่ขับรถสัญจรไปมาไม่รู้เส้นทางแล่นรถลงในน้ำที่ท่วมขังจนเกิดอุบัติเหตุมาแล้วหลายครั้ง จึงอยากให้ผู้ที่รับผิดชอบมาจัดการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
อย่างไรก็ตาม ขณะที่ชาวบ้านรวมตัวกันประท้วงปล่อยกุ้งในบ่อกลางถนนนั้น ทางนายสุทัศน์ พูลเสน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหัวไทร ได้ประชุมเพื่อหาทางออกให้กับชาวบ้าน โดยนายสุทัศน์ ระบุว่า ถนนดังกล่าวเป็นถนนสาน 408 เป็นความรับผิดชอบของกรมทางหลวง ซึ่ง อบต.ไม่มีกำลังหรือไม่มีงบประมาณที่จะเข้าก่อสร้างถนนตรงนั้นได้ แต่จะบรรเทาความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านในเบื้องต้นก่อนคือนำรถเข้าไปเกลี่ยดินเพื่อระบายน้ำให้ ทั้งนี้ อบต.เข้าใจในความเดือดร้อนของผู้สัญจรไปมา พร้อมทั้งประสานงานกับอำเภอ จังหวัด รวมทั้งกรมทางหลวงให้เข้ามาดำเนินการภายหลังต่อไป