ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เศรษฐกิจเจ๊ง วินจักรยานยนต์รับจ้างแบกค่าน้ำมันไม่ไหวเปลี่ยนอาชีพเป็นคนงานแพปลา ขณะที่คนระดับกลางขี่เก๋งขนของเก่าขาย นำเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัว
นายนิกร จันทร์แย้ม คนขับรถจักรยานยนต์รับจ้างคิวเตาอิฐ เขตเทศบาลนครสงขลา อ.เมือง จ.สงขลา กล่าวว่า ขณะนี้รถจักรยานยนต์รับจ้างในเขตเทศบาลนครสงขลาได้รับความเดือดร้อนจากราคาน้ำมันที่นับวันจะแพงขึ้นทุกวันโดยน้ำมันเบนซิน 91 ที่สงขลาลิตรละ 35.80 บาท แต่ค่าโดยสารก็ยังเท่าเดิม คือ 20 บาท/คน เติมน้ำมันวันละ 3 ลิตร 100 กว่าบาทวิ่งทั้งวันรายได้ประมาณวันละไม่เกิน 200 บาท ทำให้รายได้ไม่คุ้มกับรายจ่ายในครอบครัว อยากจะปรับราคาค่าโดยสารขึ้นเป็น 25 บาทก็กลัวว่าจะไม่มีประชาชนมาใช้บริการและหันไปใช้บริการรถยนต์โดยสารเล็กหรือรถตุ๊กตุ๊กแทน เพราะราคาถูกกว่า จึงต้องคงราคาเดิมไว้ สำหรับที่คิวเมื่อก่อนมีรถจักรยานยนต์รับจ้างประมาณ 10 กว่าคัน ปัจจุบันเหลือเพียง 4-5 คันเท่านั้น ส่วนใหญ่หันไปประกอบอาชีพอย่างอื่นแทนเพราะสู้ราคาน้ำมันแพงไม่ไหว
โดยบางส่วนได้หันไปประกอบอาชีพรับจ้างตามท่าเทียบเรือประมงสงขลา โดยเข้าทำงานตามแพปลาต่างๆ ช่วยในการขึ้นปลาและคัดแยกขนาดปลาที่จะส่งไปขายยังประเทศมาเลเซีย เนื่องจากมีรายได้ต่อวันดีกว่าการขับรถจักรยานยนต์รับจ้างที่มีรายได้ไม่แน่นอน ส่วนภรรยาหลังจากส่งลูกไปโรงเรียนแล้วก็มาหารายได้ช่วยครอบครัวโดยรับจ้างจากการแล่เนื้อปลาที่แพปลาเพื่อนำส่งขายตามโรงงานต่างๆ ทำให้มีรายได้เป็นกอบเป็นกำสามารถเลี้ยงครอบครัวได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำมันแพง
ด้านตลาดรับซื้อของเก่านางวิไล กาญจนโสรัตน์ เจ้าของกิจการร้านวงษ์พาณิชย์ สาขาหาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งเป็นร้านรับซื้อของเก่าทุกชนิด เปิดเผยว่า ปัจจุบันนี้ได้มีประชาชนจำนวนมากหันนำของเก่ามาขายให้กับร้านขายของเก่ากันมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นโลหะ อะลูมิเนียมพลาสติก ขวดแก้ว กระดาษลังและอื่นๆ โดยเฉพาะที่ร้านนั้น ก่อนหน้าที่จะประสบกับสภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่ ข้าวของแพงอย่างนี้จะมีเพียงกลุ่มลูกค้าเดิมๆเท่านั้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่ยึดอาชีพรับซื้อของเก่าและเก็บของเก่ามาขาย
ตอนนี้ลูกค้าที่มีฐานะปานกลาง เริ่มจะมีเพิ่มมากขึ้น บางรายขับรถยนต์เก๋ง รถยนต์กระบะ มาขายให้กับทางร้านเราก็มี ยิ่งเป็นช่วงปิดภาคเรียนและใกล้เปิดภาคเรียนจะมีมาขายเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่มองว่าในสภาวะเศรษฐกิจอย่างนี้ ข้าวของแพงอย่างนี้ เศษขยะที่พอจะขายได้มีค่าทั้งนั้น ทำให้มีกลุ่มลูกค้าที่นำของเก่ามาขายให้กับทางร้านเพิ่มขึ้น 30 เปอร์เซ็นต์ จากเดิมที่มีแค่เพียงกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น
ขณะเดียวกันยังมองว่า ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าทางร้านของเราได้มีการประชาสัมพันธ์ว่า หากนำมาขายกับทางร้านเราโดยตรง ไม่ผ่านคนกลางที่ไปรับซื้อ จะได้ราคาดีกว่า จึงทำให้มีประชาชนจำนวนมาก นำของเก่า ของเหลือใช้ มาขายตรงกับทางร้านเรามากขึ้น โดยเฉพาะพลาสติก ช่วงนี้จะมีมากเป็นพิเศษ รองลงมาก็พวกขวดแก้ว กระป๋อง โลหะ และอื่นๆ ตามลำดับ
“สภาวะเศรษฐกิจเป็นอย่างนี้ยอมรับว่าน่าเป็นห่วงชาวบ้านมาก เพราะค่าครองชีพสูงขึ้น แต่รายได้เท่าเดิม ด้วยเหตุนี้ทางร้านจึงได้แนะนำลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าที่นำพลาสติกมาขายนั้น ให้ทำการแยกประเภทพลาสติกออกมาแต่ละประเภท คือ พลาสติกขุ่นแยกไว้อีกส่วนหนึ่ง พลาสติกใสแยกไว้อีกส่วนหนึ่ง ซึ่งจะได้ราคาดีกว่าไม่ได้แยกมา ทำให้ลูกค้ามีกำลังใจในการนำสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นขยะไร้ค่ามาทำให้มีค่า โดยการนำมาขายหารายได้เล็กๆ น้อยๆ ในยุคข้าวยากหมากแพง” นางวิไล กล่าว
นายนิกร จันทร์แย้ม คนขับรถจักรยานยนต์รับจ้างคิวเตาอิฐ เขตเทศบาลนครสงขลา อ.เมือง จ.สงขลา กล่าวว่า ขณะนี้รถจักรยานยนต์รับจ้างในเขตเทศบาลนครสงขลาได้รับความเดือดร้อนจากราคาน้ำมันที่นับวันจะแพงขึ้นทุกวันโดยน้ำมันเบนซิน 91 ที่สงขลาลิตรละ 35.80 บาท แต่ค่าโดยสารก็ยังเท่าเดิม คือ 20 บาท/คน เติมน้ำมันวันละ 3 ลิตร 100 กว่าบาทวิ่งทั้งวันรายได้ประมาณวันละไม่เกิน 200 บาท ทำให้รายได้ไม่คุ้มกับรายจ่ายในครอบครัว อยากจะปรับราคาค่าโดยสารขึ้นเป็น 25 บาทก็กลัวว่าจะไม่มีประชาชนมาใช้บริการและหันไปใช้บริการรถยนต์โดยสารเล็กหรือรถตุ๊กตุ๊กแทน เพราะราคาถูกกว่า จึงต้องคงราคาเดิมไว้ สำหรับที่คิวเมื่อก่อนมีรถจักรยานยนต์รับจ้างประมาณ 10 กว่าคัน ปัจจุบันเหลือเพียง 4-5 คันเท่านั้น ส่วนใหญ่หันไปประกอบอาชีพอย่างอื่นแทนเพราะสู้ราคาน้ำมันแพงไม่ไหว
โดยบางส่วนได้หันไปประกอบอาชีพรับจ้างตามท่าเทียบเรือประมงสงขลา โดยเข้าทำงานตามแพปลาต่างๆ ช่วยในการขึ้นปลาและคัดแยกขนาดปลาที่จะส่งไปขายยังประเทศมาเลเซีย เนื่องจากมีรายได้ต่อวันดีกว่าการขับรถจักรยานยนต์รับจ้างที่มีรายได้ไม่แน่นอน ส่วนภรรยาหลังจากส่งลูกไปโรงเรียนแล้วก็มาหารายได้ช่วยครอบครัวโดยรับจ้างจากการแล่เนื้อปลาที่แพปลาเพื่อนำส่งขายตามโรงงานต่างๆ ทำให้มีรายได้เป็นกอบเป็นกำสามารถเลี้ยงครอบครัวได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำมันแพง
ด้านตลาดรับซื้อของเก่านางวิไล กาญจนโสรัตน์ เจ้าของกิจการร้านวงษ์พาณิชย์ สาขาหาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งเป็นร้านรับซื้อของเก่าทุกชนิด เปิดเผยว่า ปัจจุบันนี้ได้มีประชาชนจำนวนมากหันนำของเก่ามาขายให้กับร้านขายของเก่ากันมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นโลหะ อะลูมิเนียมพลาสติก ขวดแก้ว กระดาษลังและอื่นๆ โดยเฉพาะที่ร้านนั้น ก่อนหน้าที่จะประสบกับสภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่ ข้าวของแพงอย่างนี้จะมีเพียงกลุ่มลูกค้าเดิมๆเท่านั้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่ยึดอาชีพรับซื้อของเก่าและเก็บของเก่ามาขาย
ตอนนี้ลูกค้าที่มีฐานะปานกลาง เริ่มจะมีเพิ่มมากขึ้น บางรายขับรถยนต์เก๋ง รถยนต์กระบะ มาขายให้กับทางร้านเราก็มี ยิ่งเป็นช่วงปิดภาคเรียนและใกล้เปิดภาคเรียนจะมีมาขายเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่มองว่าในสภาวะเศรษฐกิจอย่างนี้ ข้าวของแพงอย่างนี้ เศษขยะที่พอจะขายได้มีค่าทั้งนั้น ทำให้มีกลุ่มลูกค้าที่นำของเก่ามาขายให้กับทางร้านเพิ่มขึ้น 30 เปอร์เซ็นต์ จากเดิมที่มีแค่เพียงกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น
ขณะเดียวกันยังมองว่า ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าทางร้านของเราได้มีการประชาสัมพันธ์ว่า หากนำมาขายกับทางร้านเราโดยตรง ไม่ผ่านคนกลางที่ไปรับซื้อ จะได้ราคาดีกว่า จึงทำให้มีประชาชนจำนวนมาก นำของเก่า ของเหลือใช้ มาขายตรงกับทางร้านเรามากขึ้น โดยเฉพาะพลาสติก ช่วงนี้จะมีมากเป็นพิเศษ รองลงมาก็พวกขวดแก้ว กระป๋อง โลหะ และอื่นๆ ตามลำดับ
“สภาวะเศรษฐกิจเป็นอย่างนี้ยอมรับว่าน่าเป็นห่วงชาวบ้านมาก เพราะค่าครองชีพสูงขึ้น แต่รายได้เท่าเดิม ด้วยเหตุนี้ทางร้านจึงได้แนะนำลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าที่นำพลาสติกมาขายนั้น ให้ทำการแยกประเภทพลาสติกออกมาแต่ละประเภท คือ พลาสติกขุ่นแยกไว้อีกส่วนหนึ่ง พลาสติกใสแยกไว้อีกส่วนหนึ่ง ซึ่งจะได้ราคาดีกว่าไม่ได้แยกมา ทำให้ลูกค้ามีกำลังใจในการนำสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นขยะไร้ค่ามาทำให้มีค่า โดยการนำมาขายหารายได้เล็กๆ น้อยๆ ในยุคข้าวยากหมากแพง” นางวิไล กล่าว