xs
xsm
sm
md
lg

รวบหนุ่มสงขลาลวงสาว 16 อยู่กินเป็นสามีภรรยา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ระนอง -ตำรวจภูธรระนอง จับหนุ่มสงขลา ใช้โทรศัพท์พูดจาล่อลวงนักเรียนสาววัย 16 ปี จากชัยภูมิให้เดินทางไปอยู่กินฉันสามีภรรยานานเกือบเดือน

วันนี้ (30 เม.ย.) พล.ต.ต.อภิรักษ์ หงษ์ทอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระนอง พร้อมด้วย พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ อุ้ยคำ รอง ผกก.กลุ่มงานสืบสวน ภ.จว.ระนอง พ.ต.ท.เรืองเดช สุวรรณพิกุล รอง ผกก.(ป.)สภ.กะเปอร์ พ.ต.ท.เสกสันต์ แก้วสว่าง รอง ผกก.(ป.) สภ.ละอุ่น พ.ต.ท.สุเทพ เกษตรทอง สว.กลุ่มงานสืบสวน ภ.จว.ระนอง และ พ.ต.ต.ชูชีพ อุดมพร สว.สส.สภ.บ้านเดื่อ อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ พร้อมกำลังเข้าจับกุม นายภรประสิทธิ์ ตั่นสกุล อายุ 36 ปี ที่อยู่ตามบัตรประชาชน บ้านเลขที่ 9/9 หมู่ที่ 4 ต.เขารูปช้าง อ.เมือง จ.สงขลา ที่บ้านไม่มีเลขที่ในสวนยางพารา บ้านคอกช้างหมู่ที่ 10 ต.กะเปอร์ อ.กะเปอร์ จ.ระนอง

หลังจากได้รับหนังสือร้องเรียนจาก นางกาญจนาภา กี่หมัน ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง ว่า นายภรประสิทธิ์ ล่อลวงนักเรียนสาวอายุ 16 ปี จากจังหวัดชัยภูมิ ให้มาอยู่กินฉันสามีภรรยานานนับเดือนแล้ว ซึ่งพ่อแม่ของเด็กสาวได้แจ้งความไว้ที่ สภ.มะเดื่อ เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2551

เมื่อตำรวจเดินทางไปถึงที่บ้านดังกล่าว พบ นายภรประสิทธิ์ และ นางสาวเอ๋ (นามสมมติ) อยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว จึงนำตัว นายภรประสิทธิ์ และ นางสาวเอ๋ ไปยังบ้านพัก ผบก.ภ.จว.ระนอง เพื่อสอบปากคำโดยมีนักสังคมสงเคราะห์ จากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดระนอง ร่วมสอบปากคำนางสาวเอ๋ด้วย โดยมีมารดาของนางสาวเอ๋และญาติรอรับบุตรสาวอยู่ก่อนแล้ว และได้ดำเนินคดีกับ นายภรประสิทธิ์ ในข้อหา พาบุคคลอายุเกิน 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี ไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม โดยนำตัวไปดำเนินคดีที่ สภ.บ้านเดื่อ

พล.ต.ต.อภิรักษ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2551 ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง ได้รับหนังสือร้องเรียนผ่านเว็บไซต์ของจังหวัดระนอง จากบิดาของนางสาวเอ๋ ให้ช่วยเหลือบุตรสาวที่ถูกล่อลวงจากจังหวัดชัยภูมิ และทราบว่ามาอยู่ที่จังหวัดระนอง แต่ไม่ทราบว่าอยู่ที่จุดใด กลัวว่าจะถูกหลอกพาไปขายที่มาเลเซีย ผู้ว่าฯจึงนำหนังสือร้องเรียนดังกล่าวให้ตำรวจออกติดตามหานางสาวเอ๋จนพบตัวในที่สุด และอยู่กับนายภรประสิทธิ์

จากการสอบสวน นายภรประสิทธิ์ ให้การว่า ไม่เคยรู้จักกับนางสาวเอ๋มาก่อน แต่ได้พูดคุยติดต่อกันทางโทรศัพท์มือถือเท่านั้น เริ่มมาจากที่เพื่อนของนางสาวเอ๋โทรศัพท์ผิดเบอร์เข้ามาที่เครื่องโทรศัพท์ของเพื่อนตนเอง จากนั้นตนเห็นเพื่อนโทรศัพท์ติดต่อกับเพื่อนของนางสาวเอ๋เป็นประจำทุกวันๆ ละหลายครั้งๆ ละหลายนาที

ตนจึงอยากมีเพื่อนหญิงคุยทางโทรศัพท์บ้าง จึงให้เพื่อนบอกเบอร์โทรศัพท์ของตนให้กับเพื่อนของนางสาวเอ๋ เพื่อนของนางสาวเอ๋ ก็เอาเบอร์โทรของตนให้กับนางสาวเอ๋ หลังจากนั้นประมาณ 3 วัน ตนมาเห็นมีเบอร์ไม่ได้รับสายค้างอยู่ในเครื่องของตน แต่ไม่รู้ว่าเป็นเบอร์โทร.ของใคร จึงโทร.กลับไป ปรากฏว่า เป็นเบอร์ของนางสาวเอ๋ จึงได้โทร.พูดคุยติดต่อกันมาตลอดระยะเวลาประมาณ 3 เดือน และเป็นแฟนกัน ทั้งๆ ที่ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน เพราะโทรศัพท์ที่นางสาวเอ๋ใช้ไม่มีกล้องถ่ายรูป ส่งให้ดูกันไม่ได้

จากนั้น นางสาวเอ๋ โทร.มาบอกว่าจะเปลี่ยนเครื่องโทรศัพท์ใหม่ ตนจึงส่งเงินไปให้ 1,700 บาท เพื่อให้ซื้อเครื่องโทรศัพท์ใหม่ แต่นางสาวเอ๋ไม่ซื้อกลับเก็บเงินดังกล่าวไว้เป็นค่าโดยสารรถแล้วเดินทางจาก จ.ชัยภูมิ เข้ากรุงเทพฯ แล้วขึ้นรถที่สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ มาหาตนถึงที่ระนองเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2551 โดยแต่งตัวในชุดนักเรียน และมีเงินเหลือติดตัวเพียง 50 บาท ตนจึงได้ขับรถกระบะมารับที่ บขส.ระนอง พาไปที่บ้านของตน ซึ่งเป็นสวนยาง

อย่างไรก็ตาม ตนยอมรับว่า รักนางสาวเอ๋จริง ไม่ได้หวังหลอกลวงแต่อย่างใด ซึ่งตนได้ให้เงินนางสาวเอ๋ จำนวน 5,000 บาท เพื่อซื้อเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวใหม่ทั้งหมด

นางติ๋ม (นามสมมติ) มารดานางสาวเอ๋ กล่าวว่า ก่อนที่ลูกสาวจะหายออกจากบ้าน ในวันที่ 1 เมษายน ลูกสาวให้บิดาไปส่งที่โรงเรียน โดยแต่งตัวในชุดนักเรียน เพื่อไปเอาใบรับรองผลการศึกษาชั้น ม.3 แต่หลังจากนั้น ลูกสาวไม่ได้กลับบ้าน บอกว่าไปธุระที่บ้านเพื่อน และไม่สามารถติดต่อได้

บิดา นางสาวเอ๋ จึงไปแจ้งความไว้ที่ สภ.บ้านเดื่อ หลังจากพยายามโทรศัพท์ติดต่อลูกสาวอยู่หลายวันจนกระทั่งสามารถติดต่อได้ และทราบว่ามาอยู่ที่ระนองแล้ว แต่ไม่รู้ว่าอยู่พื้นที่ไหนของจังหวัดจึงให้หลานๆ เขียนหนังสือร้องเรียนลงในเว็บไซต์จังหวัดระนอง ถึงผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อขอความช่วยเหลือ จนกระทั่งพบลูกสาว ซึ่งต้องขอขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนที่ได้ช่วยเหลือลูกสาวไว้ได้

นางติ๋ม กล่าวว่า ปกติลูกสาวเป็นเด็กที่เรียบร้อย ไม่ค่อยพูด และไม่เคยเดินทางไปไหนไกล ๆ ตามลำพัง ตนรู้สึกแปลกใจมากที่ลูกสาวกล้านั่งรถโดยสารจากบ้านที่ชัยภูมิเข้ากรุงเทพฯ และนั่งรถต่อไปถึงจังหวัดระนอง เมื่อเดินทางกลับไปถึงบ้านแล้วก็จะดูแลลูกให้ใกล้ชิดมากขึ้นกว่าเดิม ส่วนเรื่องคดีนั้นก็ให้ตำรวจดำเนินการไปตามกฎหมาย
กำลังโหลดความคิดเห็น