ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - หาดใหญ่โพล เผย คนใต้แนะรัฐบาล ควรแก้ปัญหาน้ำมันแพงมากกว่าแก้รัฐธรรมนูญ แนะตั้ง ส.ส.ร.ชุดใหม่ขึ้นมาร่าง และทำประชามติ เชื่อหลังแก้จะไม่มีการยุบพรรค แนะสมัครเร่งแก้เศรษฐกิจมากกว่าจ้อทางทีวี
หาดใหญ่โพล โดยสำนักวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ สำรวจความคิดเห็นของประชาชนใน 14 จังหวัดภาคใต้ เรื่อง “รัฐธรรมนูญกับปัญหาบ้านเมือง” โดยเก็บรวบรวมข้อมูลประชาชน จำนวน 996 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 24-26 เมษายน 2551
ผลการสำรวจประเด็นปัญหาที่ควรแก้ไขโดยเร่งด่วน ประชาชน 14 จังหวัดภาคใต้ ต้องการให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาน้ำมันแพง มากที่สุด (ร้อยละ 40.7) รองลงมา เป็นการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และปัญหายาเสพติด คิดเป็นร้อยละ 17.1 และ 16.7 ตามลำดับ มีเพียงร้อยละ 2.1 ที่เห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นปัญหาที่รัฐบาลจะต้องแก้ไขโดยเร่งด่วน
ส่วนความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ ปี 2550 พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ (ร้อยละ 55.5) เห็นควรให้มีการทดลองใช้อย่างน้อย 1 ปี ก่อนข้อแก้ไข รองลงมา เห็นควรทดลองใช้มากกว่า 2 ปีก่อนแก้ไข (ร้อยละ 25.4) และมีเพียงร้อยละ 9.6 ที่เห็นว่าควรแก้ไขรัฐธรรมนูญทันที
ส่วนความคิดเห็นเกี่ยวกับกลุ่มที่มีความเหมาะสม ในการร่างรัฐธรรมนูญ พบว่า ประชาชนร้อยละ 40.6 เห็นว่า ควรตั้งกลุ่ม ส.ส.ร.ชุดใหม่คัดจากผู้ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย เป็นกลุ่มที่มีความเหมาะสมในการยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มากที่สุด รองลงมา เป็นกลุ่มตัวแทน ส.ส.และ ส.ว. และตัวแทนสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร คิดเป็นร้อยละ 21.8 เท่ากัน
ความคิดเห็นเกี่ยวกับการลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ พบว่า ประชาชน 14 จังหวัดภาคใต้ส่วนใหญ่ ต้องการให้มีการลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ก่อนนำไปใช้ คิดเป็นร้อยละ 71.7 และร้อยละ 21.9 ไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และมีเพียงร้อยละ 6.4 ไม่แสดงความคิดเห็น
ส่วนความคิดเห็นเกี่ยวกับผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้น จากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 78.0 เห็นว่าจะไม่มีการยุบพรรคการเมือง รองลงมา ประชาชนเห็นว่า พ.ต.ท.ดร. ทักษิณ ชินวัตร จะกลับมามีอำนาจทางการเมือง นักธุรกิจต่างชาติมีความเชื่อมั่นในการลงทุน และมีความวุ่นวายและเกิดความแตกแยกเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 52.2 47.1 และ 44.6 ตามลำดับ
ประเด็นความคิดเห็นเกี่ยวกับสาระ ที่ควรมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในทัศนะของพรรคพลังประชาชน พบว่า ประชาชน 14 จังหวัดภาคใต้ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับสาระที่พรรคพลังประชาชนกำหนดในการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550และเรียงตามลำดับประเด็นที่ไม่ควรแก้ไขมากที่สุด ได้แก่ ยกเลิกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ให้สามารถปฏิบัติงานต่อได้เพียง 6 เดือน-1 ปี (ร้อยละ 55.3) ให้สำนักงานอัยการสูงสุดกลับไปสังกัดกระทรวงยุติธรรมเหมือนเดิม(ร้อยละ 48.8) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)สามารถดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรี หรือเลขานุการรัฐมนตรีได้ (ร้อยละ 47.8) การทำสนธิสัญญาระหว่างประเทศ เช่น FTA ไม่ต้องได้รับการพิจารณาจากรัฐสภา (ร้อยละ 47.5)
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สามารถดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ได้โดยยังคงสถานภาพ สส. อยู่ (ร้อยละ 44.5) และใช้วิธีการที่กำหนดในรัฐธรรมนูญ 2540 สำหรับการสรรหาคณะกรรมการศาลปกครอง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กับ ยกเลิกคณะกรรมการ กกต.ให้สามารถปฏิบัติงานต่อได้เพียง 180 วัน มีร้อยละของความคิดเห็นเท่ากันที่ร้อยละ 43.4
ส่วนประเด็นที่ประชาชนเห็นด้วย กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ได้แก่ ประเด็นที่เพิ่มจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา เท่ากับจำนวนที่กำหนดในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 และวิธีการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ให้ใช้วิธีการที่กำหนดในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 โดยที่เห็นด้วยที่ร้อยละ 42.5 และ 44.7 ตามลำดับ นอกจากนี้ประชาชนร้อยละ 51.9 เห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 และฉบับปี 2540 ดีพอๆ กัน รองลงมา เห็นว่า รัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2550 ดีกว่าฉบับปี 2540 คิดเป็นร้อยละ 24.9
ด้านความคิดเห็นเกี่ยวกับการบริหารประเทศของรัฐบาลสมัคร พบว่า ประชาชนไม่ต้องการเห็นการ ตอบโต้ข่าวผ่านสื่อมวลชน มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 65.2 รองลงมา คือ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และการแก้ปัญหา 3 จังหวัดภาคใต้ การวางระบบการแก้ปัญหาโลกร้อน การปรับรัฐมนตรีที่ไม่มีผลงาน การติดตามการปฏิบัติงานของข้าราชการและคณะรัฐมนตรี การแก้ปัญหาความยากจนของเกษตร การเป็นตัวตนของตัวเอง และการปรับคณะรัฐมนตรีใหม่ทั้งคณะ คิดเป็นร้อยละ 65.1 58.4 31.9 21.4 16.4 16.1 13.7 และ 11.1 ตามลำดับ
หาดใหญ่โพล โดยสำนักวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ สำรวจความคิดเห็นของประชาชนใน 14 จังหวัดภาคใต้ เรื่อง “รัฐธรรมนูญกับปัญหาบ้านเมือง” โดยเก็บรวบรวมข้อมูลประชาชน จำนวน 996 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 24-26 เมษายน 2551
ผลการสำรวจประเด็นปัญหาที่ควรแก้ไขโดยเร่งด่วน ประชาชน 14 จังหวัดภาคใต้ ต้องการให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาน้ำมันแพง มากที่สุด (ร้อยละ 40.7) รองลงมา เป็นการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และปัญหายาเสพติด คิดเป็นร้อยละ 17.1 และ 16.7 ตามลำดับ มีเพียงร้อยละ 2.1 ที่เห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นปัญหาที่รัฐบาลจะต้องแก้ไขโดยเร่งด่วน
ส่วนความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ ปี 2550 พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ (ร้อยละ 55.5) เห็นควรให้มีการทดลองใช้อย่างน้อย 1 ปี ก่อนข้อแก้ไข รองลงมา เห็นควรทดลองใช้มากกว่า 2 ปีก่อนแก้ไข (ร้อยละ 25.4) และมีเพียงร้อยละ 9.6 ที่เห็นว่าควรแก้ไขรัฐธรรมนูญทันที
ส่วนความคิดเห็นเกี่ยวกับกลุ่มที่มีความเหมาะสม ในการร่างรัฐธรรมนูญ พบว่า ประชาชนร้อยละ 40.6 เห็นว่า ควรตั้งกลุ่ม ส.ส.ร.ชุดใหม่คัดจากผู้ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย เป็นกลุ่มที่มีความเหมาะสมในการยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มากที่สุด รองลงมา เป็นกลุ่มตัวแทน ส.ส.และ ส.ว. และตัวแทนสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร คิดเป็นร้อยละ 21.8 เท่ากัน
ความคิดเห็นเกี่ยวกับการลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ พบว่า ประชาชน 14 จังหวัดภาคใต้ส่วนใหญ่ ต้องการให้มีการลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ก่อนนำไปใช้ คิดเป็นร้อยละ 71.7 และร้อยละ 21.9 ไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และมีเพียงร้อยละ 6.4 ไม่แสดงความคิดเห็น
ส่วนความคิดเห็นเกี่ยวกับผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้น จากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 78.0 เห็นว่าจะไม่มีการยุบพรรคการเมือง รองลงมา ประชาชนเห็นว่า พ.ต.ท.ดร. ทักษิณ ชินวัตร จะกลับมามีอำนาจทางการเมือง นักธุรกิจต่างชาติมีความเชื่อมั่นในการลงทุน และมีความวุ่นวายและเกิดความแตกแยกเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 52.2 47.1 และ 44.6 ตามลำดับ
ประเด็นความคิดเห็นเกี่ยวกับสาระ ที่ควรมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในทัศนะของพรรคพลังประชาชน พบว่า ประชาชน 14 จังหวัดภาคใต้ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับสาระที่พรรคพลังประชาชนกำหนดในการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550และเรียงตามลำดับประเด็นที่ไม่ควรแก้ไขมากที่สุด ได้แก่ ยกเลิกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ให้สามารถปฏิบัติงานต่อได้เพียง 6 เดือน-1 ปี (ร้อยละ 55.3) ให้สำนักงานอัยการสูงสุดกลับไปสังกัดกระทรวงยุติธรรมเหมือนเดิม(ร้อยละ 48.8) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)สามารถดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรี หรือเลขานุการรัฐมนตรีได้ (ร้อยละ 47.8) การทำสนธิสัญญาระหว่างประเทศ เช่น FTA ไม่ต้องได้รับการพิจารณาจากรัฐสภา (ร้อยละ 47.5)
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สามารถดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ได้โดยยังคงสถานภาพ สส. อยู่ (ร้อยละ 44.5) และใช้วิธีการที่กำหนดในรัฐธรรมนูญ 2540 สำหรับการสรรหาคณะกรรมการศาลปกครอง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กับ ยกเลิกคณะกรรมการ กกต.ให้สามารถปฏิบัติงานต่อได้เพียง 180 วัน มีร้อยละของความคิดเห็นเท่ากันที่ร้อยละ 43.4
ส่วนประเด็นที่ประชาชนเห็นด้วย กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ได้แก่ ประเด็นที่เพิ่มจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา เท่ากับจำนวนที่กำหนดในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 และวิธีการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ให้ใช้วิธีการที่กำหนดในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 โดยที่เห็นด้วยที่ร้อยละ 42.5 และ 44.7 ตามลำดับ นอกจากนี้ประชาชนร้อยละ 51.9 เห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 และฉบับปี 2540 ดีพอๆ กัน รองลงมา เห็นว่า รัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2550 ดีกว่าฉบับปี 2540 คิดเป็นร้อยละ 24.9
ด้านความคิดเห็นเกี่ยวกับการบริหารประเทศของรัฐบาลสมัคร พบว่า ประชาชนไม่ต้องการเห็นการ ตอบโต้ข่าวผ่านสื่อมวลชน มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 65.2 รองลงมา คือ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และการแก้ปัญหา 3 จังหวัดภาคใต้ การวางระบบการแก้ปัญหาโลกร้อน การปรับรัฐมนตรีที่ไม่มีผลงาน การติดตามการปฏิบัติงานของข้าราชการและคณะรัฐมนตรี การแก้ปัญหาความยากจนของเกษตร การเป็นตัวตนของตัวเอง และการปรับคณะรัฐมนตรีใหม่ทั้งคณะ คิดเป็นร้อยละ 65.1 58.4 31.9 21.4 16.4 16.1 13.7 และ 11.1 ตามลำดับ
