นครศรีธรรมราช - ความเคลื่อนไหวโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งนายก อบจ.และ ส.อบจ.นครศรีธรรมราช เข้มข้นพรรคประชาธิปัตย์ “ชินวรณ์-ชำนิ” งัดข้อดวล “พิชัย-วิฑูรย์” งัดข้อกันเอง ส่อมองหน้าไม่ติด ขณะที่มีข่าวลือสะพัดเงิน 50 ล้านเข้าพื้นที่เตรียมทุจริต กกต.สั่งจับตาเข้ม
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความเคลื่อนไหวในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครศรีรรมราช และ ส.อบจ.นครศรีธรรมราชว่า เต็มไปด้วยความตึงเครียด โดยเฉพาะในขั้วการเมืองระหว่างขั้วของนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้ส่งน้องชาย คือ นายพิชัย บุณยเกียรติ ลงสมัครเบอร์ 1
ขณะที่ นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ส.ส.ระบบสัดส่วน โซน 7 พรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ให้การสนับสนุนนายวิฑูรย์ เดชเดโช ผู้สมัครนายก อบจ.หมายเลข 2 อย่างชัดเจน โดยการช่วยขึ้นเวทีปราศรัยในทุกเวทีหาเสียง ซึ่งขั้วของนายชินวรณ์ คือ นายพิชัย บุณยเกียรติ ได้ปราศรัยใหญ่ส่งท้ายในวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่สนามหน้าเมือง และในวันนี้เป็นขั้วของนายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ คือ นายวิฑูรย์ เดชเดโช จะปราศรัยปิดท้าย
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ก่อนหน้านี้นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ได้เชิญผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์หลายคน เช่น นายถาวร เสนเนียม นายอาคม เอ่งฉ้วน เพื่อมาขึ้นเวทีปราศรัยครั้งสุดท้ายที่สนามหน้าเมือง ปรากฏว่า นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ได้ตัดพ้อบนเวทีปราศรัยในทำนองว่าถูกทอดทิ้งจากเพื่อนฝูงในพรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่ยอมมาให้การช่วยเหลือนายวิฑูรย์ เดชเดโช
เกี่ยวกับเรื่องนี้ แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า หลังจากที่นายชำนิได้กล่าวบนเวทีปราศรัยเช่นนั้น ทางนายชินวรณ์รู้สึกถึงความไม่สบายใจของนายชำนิที่ผู้ใหญ่หลายคนในพรรคประชาธิปัตย์มาให้การช่วยเหลือในการหาเสียงให้กับนายพิชัย บุณยเกียรติ น้องชายของนายชินวรณ์
หลังจากที่ทราบเรื่องนายชินวรณ์ได้โทร.ไปแจ้งยกเลิกและขอโทษกับผู้ใหญ่ในพรรคที่จะให้การช่วยเหลือปราศรัยให้กับนายพิชัย เพื่อความสบายใจของนายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ และจะได้เป็นการสู้กันในสนามการเมืองอย่างเต็มที่ระหว่างนายพิชัย บุณยเกียรติ และนายวิฑูรย์ เดชเดโช ทั้งยังเป็นการแข่งขันในการหาเสียงระหว่างนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ และนายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ โดยไม่ต้องมีผู้ใหญ่มาช่วย
นอกจากนี้ยังมีรายงานเพิ่มเติมว่า ในช่วงโค้งสุดท้ายเครือข่ายของนักการเมืองใหญ่รายหนึ่งได้มีการเตรียมเงินสดสูงถึง 50 ล้านบาท เพื่อใช้ในช่วงโค้งสุดท้ายในการเลือกตั้ง ซึ่งมีการติดตามความความเคลื่อนไหวตรงนี้จากฝ่ายตรงข้ามอย่างใกล้ชิดรวมทั้งมีการประสานงานกับ กกต.และฝ่ายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอย่างกระชั้นชิดเช่นกัน เพื่อสกัดการนำเงินก้อนดังกล่าวออกมาใช้ในการเลือกตั้ง
นายธงชัย วรรณธนะพิศิษฐ์ ผู้อำนวยการ กกต.นครศรีธรรมราช กล่าวถึงเรื่องนี้ว่ากระบวนการทุจริตในขณะนี้ยอมรับว่ามีเบาะแสแจ้งเข้ามาในหลายประเด็นโดยเฉพาะในเรื่องของการถ่ายสำเนาบัตรประชาชนและคิดค่าหัวจ่ายค่าหัวกันไปแล้ว ในส่วนของการติดตามนั้นยอมรับว่าเราติดตามได้ยากเพราะไม่สามารถจับได้แบบคาหนังคาเขา เวลานี้ ตชด.นับร้อยนายได้กระจายกันลงพื้นที่ติดตามอย่างใกล้ชิด
ส่วนประเด็นความเคลื่อนไหวเงิน 50 ล้านบาทเพื่อใช้ในการเลือกตั้งครั้งนี้โดยกลุ่มนักการเมืองใหญ่รายหนึ่ง นายธงชัยกล่าวว่ายอมรับว่าเป็นเรื่องที่ต้องติดตามและเป็นเรื่องที่น่ากลัว กกต.จังหวัดเองต้องมีการปรับบทบาทจะต้องเน้นทางการข่าวให้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งการสืบสวนสอบสวนจะต้องใกล้ชิดมากขึ้นเช่นกัน ในโครงสร้างต้องปรับกระบวนการอย่างเร่งด่วน และที่สำคัญนั้นในระยะนี้ กกต.จะประสานงานในมาตรการกดดันให้หนักมากขึ้นเพื่อสกัดการทุจริตในรูปแบบต่างๆ
มีรายงานเพิ่มเติมว่า ในช่วงโค้งสุดท้ายมีการประเมินจากหลายฝ่ายพบว่านายพิชัย บุณยเกียรติ ผู้สมัครหมายเลข 1 มีการดำเนินการทางการเมืองที่มีความได้เปรียบ นายวิฑูรย์ เดชเดโช ผู้สมัครหมายเลข 2 ซึ่งทำให้ในช่วงเวลาที่เหลือมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดจึงเป็นที่มาของการจับตาเป็นพิเศษจาก กกต.นั่นเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความเคลื่อนไหวในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครศรีรรมราช และ ส.อบจ.นครศรีธรรมราชว่า เต็มไปด้วยความตึงเครียด โดยเฉพาะในขั้วการเมืองระหว่างขั้วของนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้ส่งน้องชาย คือ นายพิชัย บุณยเกียรติ ลงสมัครเบอร์ 1
ขณะที่ นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ส.ส.ระบบสัดส่วน โซน 7 พรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ให้การสนับสนุนนายวิฑูรย์ เดชเดโช ผู้สมัครนายก อบจ.หมายเลข 2 อย่างชัดเจน โดยการช่วยขึ้นเวทีปราศรัยในทุกเวทีหาเสียง ซึ่งขั้วของนายชินวรณ์ คือ นายพิชัย บุณยเกียรติ ได้ปราศรัยใหญ่ส่งท้ายในวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่สนามหน้าเมือง และในวันนี้เป็นขั้วของนายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ คือ นายวิฑูรย์ เดชเดโช จะปราศรัยปิดท้าย
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ก่อนหน้านี้นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ได้เชิญผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์หลายคน เช่น นายถาวร เสนเนียม นายอาคม เอ่งฉ้วน เพื่อมาขึ้นเวทีปราศรัยครั้งสุดท้ายที่สนามหน้าเมือง ปรากฏว่า นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ได้ตัดพ้อบนเวทีปราศรัยในทำนองว่าถูกทอดทิ้งจากเพื่อนฝูงในพรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่ยอมมาให้การช่วยเหลือนายวิฑูรย์ เดชเดโช
เกี่ยวกับเรื่องนี้ แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า หลังจากที่นายชำนิได้กล่าวบนเวทีปราศรัยเช่นนั้น ทางนายชินวรณ์รู้สึกถึงความไม่สบายใจของนายชำนิที่ผู้ใหญ่หลายคนในพรรคประชาธิปัตย์มาให้การช่วยเหลือในการหาเสียงให้กับนายพิชัย บุณยเกียรติ น้องชายของนายชินวรณ์
หลังจากที่ทราบเรื่องนายชินวรณ์ได้โทร.ไปแจ้งยกเลิกและขอโทษกับผู้ใหญ่ในพรรคที่จะให้การช่วยเหลือปราศรัยให้กับนายพิชัย เพื่อความสบายใจของนายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ และจะได้เป็นการสู้กันในสนามการเมืองอย่างเต็มที่ระหว่างนายพิชัย บุณยเกียรติ และนายวิฑูรย์ เดชเดโช ทั้งยังเป็นการแข่งขันในการหาเสียงระหว่างนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ และนายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ โดยไม่ต้องมีผู้ใหญ่มาช่วย
นอกจากนี้ยังมีรายงานเพิ่มเติมว่า ในช่วงโค้งสุดท้ายเครือข่ายของนักการเมืองใหญ่รายหนึ่งได้มีการเตรียมเงินสดสูงถึง 50 ล้านบาท เพื่อใช้ในช่วงโค้งสุดท้ายในการเลือกตั้ง ซึ่งมีการติดตามความความเคลื่อนไหวตรงนี้จากฝ่ายตรงข้ามอย่างใกล้ชิดรวมทั้งมีการประสานงานกับ กกต.และฝ่ายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอย่างกระชั้นชิดเช่นกัน เพื่อสกัดการนำเงินก้อนดังกล่าวออกมาใช้ในการเลือกตั้ง
นายธงชัย วรรณธนะพิศิษฐ์ ผู้อำนวยการ กกต.นครศรีธรรมราช กล่าวถึงเรื่องนี้ว่ากระบวนการทุจริตในขณะนี้ยอมรับว่ามีเบาะแสแจ้งเข้ามาในหลายประเด็นโดยเฉพาะในเรื่องของการถ่ายสำเนาบัตรประชาชนและคิดค่าหัวจ่ายค่าหัวกันไปแล้ว ในส่วนของการติดตามนั้นยอมรับว่าเราติดตามได้ยากเพราะไม่สามารถจับได้แบบคาหนังคาเขา เวลานี้ ตชด.นับร้อยนายได้กระจายกันลงพื้นที่ติดตามอย่างใกล้ชิด
ส่วนประเด็นความเคลื่อนไหวเงิน 50 ล้านบาทเพื่อใช้ในการเลือกตั้งครั้งนี้โดยกลุ่มนักการเมืองใหญ่รายหนึ่ง นายธงชัยกล่าวว่ายอมรับว่าเป็นเรื่องที่ต้องติดตามและเป็นเรื่องที่น่ากลัว กกต.จังหวัดเองต้องมีการปรับบทบาทจะต้องเน้นทางการข่าวให้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งการสืบสวนสอบสวนจะต้องใกล้ชิดมากขึ้นเช่นกัน ในโครงสร้างต้องปรับกระบวนการอย่างเร่งด่วน และที่สำคัญนั้นในระยะนี้ กกต.จะประสานงานในมาตรการกดดันให้หนักมากขึ้นเพื่อสกัดการทุจริตในรูปแบบต่างๆ
มีรายงานเพิ่มเติมว่า ในช่วงโค้งสุดท้ายมีการประเมินจากหลายฝ่ายพบว่านายพิชัย บุณยเกียรติ ผู้สมัครหมายเลข 1 มีการดำเนินการทางการเมืองที่มีความได้เปรียบ นายวิฑูรย์ เดชเดโช ผู้สมัครหมายเลข 2 ซึ่งทำให้ในช่วงเวลาที่เหลือมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดจึงเป็นที่มาของการจับตาเป็นพิเศษจาก กกต.นั่นเอง