ยะลา – พบศพนักธุรกิจชาวมาเลเซียนอนเสียชีวิตกลางห้องพัก โดยก่อนเกิดเหตุได้เปิดห้องพักกับเพื่อนชาติเดียวกัน พบพิรุธเพื่อนผู้ตายรีบเช็กเอาต์แต่เช้า โดยบอกเพียงว่าผู้ตายยังนอนพักผ่อนอยู่
วันนี้ (22 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. ร.ต.ท.รุสมาน ดีนามอ ร้อยเวร สภ.เบตง จ.ยะลา รับแจ้งจากพนักงานโรงแรมคาเธย์ ถนนจันทโรทัย ตั้งอยู่ย่านธุรกิจใจกลางเมืองในเขตเทศบาลเมืองเบตงว่า มีชาวต่างชาติเสียชีวิตอยู่ในห้องพัก
หลังรับแจ้งจึงรีบรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.ท.โสภณ สายสุรีย์ สว.สส.และแพทย์ชันสูตร ภายในห้อง 207 ชั้น 2 พบศพชายชาวมาเลเซีย อายุ 45 ปี สัญชาติมาเลเซีย นอนหงายเสียชีวิตจมกองเลือดอยู่บนพื้นพรมข้างประตูห้อง สภาพศพสวมกางเกงยีนส์ เสื้อยืดโปโลลายขวาง สภาพศพใบหน้าบวมปูด มีเลือดไหลทางปากและจมูก และที่ศีรษะถูกตีด้วยของแข็งจนแตกหลายแห่ง เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6-8 ชั่วโมง
ตรวจสอบภายในห้องพักพบมีร่องรอยการต่อสู้จนข้าวของตกกระจัดกระจาย และที่ขอบโต๊ะและขอบเสามีคราบเลือดสาดไปทั่ว และกระเซ็นไปติดบนที่นอนและรอบๆ ห้อง ภายในตัวผู้ตายไม่พบเอกสารหรือทรัพย์สินใดๆ เจ้าหน้าที่จึงได้มาทำการเก็บลายนิ้วมือแฝงตามจุดต่างๆ พร้อมกับเก็บเส้นผมที่มือขวาของผู้ตายและบนที่นอนไว้เป็นหลักฐาน เพราะเชื่อว่าน่าจะเป็นของคนร้ายในระหว่างการต่อสู้ ก่อนที่จะนำศพส่งไปพิสูจน์ที่ รพ.เบตง อย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
จากการสอบสวนพนักงานเปิดห้องพักของโรงแรม ทราบว่า ผู้ตายได้เข้ามาเปิดห้องพักกับเพื่อนชายชาวมาเลเซีย 5 คน ตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา และมีกำหนดเช็กเอาต์ในวันที่ 22 มี.ค.นี้ โดยใช้ชื่อและลายเซ็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเลเซีย เป็นคนเปิดห้องพัก แต่หลังจากเกิดเหตุเพื่อนชายทั้งหมดหายตัวไป ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่าน่าจะมีส่วนรู้เห็นกับเหตุฆาตกรรมที่เกิดขึ้นเนื่องจากภายในห้อง 206 ที่เพื่อนผู้ตายเปิด พร้อมกับ จนท.พบร่องรอยการต่อสู้จนพบเก้าอี้ภายในห้องหักเกลื่อน นอกจากนี้ยังพบหยดเลือดภายในห้องและรอยลักษณะลากผู้ตายออกจากห้องด้วย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายน่าจะมีเรื่องกับเพื่อนที่มาด้วยกัน ซึ่งอาจจะเป็นการหักหลังการทางธุรกิจและเรื่องส่วนตัวอะไรบางอย่าง จนถึงขั้นต่อสู้กัน อีกทั้งกลุ่มเพื่อนผู้ตายมีร่างใหญ่ ผู้ตายอาจสู้ไม่ได้ จึงถูกรุมจับโขกกับฝาพนังภายในห้องพักจนสลบแล้วลากมายังห้องที่พบศพ จากนั้นจึงใช้หมอนปิดปากปิดจมูกจนแน่ใจว่าเสียชีวิตจึงกวาดเอาทรัพย์สินและเอกสารส่วนตัวของผู้ตายไปด้วยเพื่ออำพรางคดี
ทั้งนี้ จากเบาะแสเบื้องต้นทราบว่าในคืนวันที่ 21 มี.ค.ใกล้เที่ยงคืนภายในห้องที่เกิดเหตุมีเสียงทะเลาะกันอย่างรุนแรงและทาง รปภ.ได้มาบอกให้เบาเสียงหลังจากนั้นภายในห้องดังกล่าวก็เงียบไปจนในช่วงเช้าเวลา 08.30 น.แม่บ้านซึ่งจะเข้าไปทำความสะอาดภายในห้องตามปกติปรากฏว่า ห้องดังกล่าวถูกขวางด้วยอะไรบางอย่างไม่สามารถเปิดเข้าไปได้จึงได้แจ้ง รปภ.โรงแรม ดันประตูเข้าไปจึงได้พบศพชายดังกล่าว
จากการสอบสวนแม่บ้านโรงแรมทราบว่าก่อนที่จะมาทำความสะอาดชั้น 2 ของโรงแรมที่เกิดเหตุได้พบกับเพื่อนผู้ตายที่มาด้วยกัน และได้บอกกับแม่บ้านว่าห้อง 207 ไม่ต้องเปิด เนื่องจากมีเพื่อนยังนอนอยู่ภายในห้องหลังจากนั้นกลุ่มเพื่อนผู้ตายได้รีบลงไปเช็กเอาต์และได้หายออกไปจากโรงแรมทันที
เจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อสังเกตว่า เพื่อนที่มาด้วยกันอาจจะมีส่วนร่วมลงมือสังหารในครั้งนี้ด้วย ซึ่งจากการตรวจสอบจากทางโรงแรมพบว่ากลุ่มเพื่อนผู้ตายได้มาเปิดห้องพักรวม 4 ห้องและ หลังเกิดเหตุได้มีการเช็กเอาต์ออกไปทันทีและมีการเร่งรีบผิดปกติต่างจากนักท่องเที่ยวทั่วไป
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ประสานไปยังด่านตรวจคนเข้าเมืองทั้งด่านเบตง ด่านปาดังเบซาร์ และด่านจังโหลน อ.สะเดา จ.สงขลา เพื่อตรวจสอบชายชาวมาเลเซียที่มาด้วยกันตามรูปพรรณที่ได้จากคำให้การของพยานแวดล้อม พร้อมกับประสานไปยังสถานกงสุลใหญ่มาเลเซียประจำ จ.สงขลา ซึ่งตั้งอยู่ที่ อ.เมือง จ.สงขลา เพื่อตรวจสอบเช็กประวัติผู้ตายอีกครั้งหนึ่ง โดยเชื่อว่าผู้ตายน่าจะเป็นนักธุรกิจในมาเลเซีย