ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – ส.ส.สอบตก “กลุ่มสองเลใต้” พรรคพลังประชาชนเสนอแผนดับไฟใต้ก่อน มท.1 ลงพื้นที่ดูปัญหา เสนอให้กำหนดโซนพื้นที่ทั้ง 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่างออกเป็นสองโซน สร้างพื้นที่กันชนระหว่างสงขลากับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
นายสุรศักดิ์ มณี ประธานกลุ่มสองเลใต้ จ.สงขลา พัทลุง และสตูล อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 พรรคพลังประชาชน ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมงานแก้ปัญหาด้านความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของพรรคพลังประชาชน เปิดเผยว่า กลุ่มสองเลใต้เสนอข้อมูลและแนวทางแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อนายกรัฐมนตรี รวมทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้ลงมาติดตามการแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในสัปดาห์นี้ ซึ่งขณะนี้สถานการณ์เริ่มรุนแรงขึ้นอีกครั้ง
โดยประเด็นที่ได้เสนอไปแล้ว คือ การกำหนดโซนพื้นที่ทั้ง 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่างออกเป็นสองโซน โดยโซนแรกคือ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จ.ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และ 4 อำเภอชายแดน จ.สงขลา คือ อ.จะนะ เทพา นาทวี และสะบ้าย้อย ซึ่งเป็นพื้นที่ทีมีปัญหาด้านความมั่นคงจะต้องแก้ทั้งเศรษฐกิจและความไม่สงบควบคู่กันไป
ส่วนโซนที่สองคือตั้งแต่ จ.สงขลา สตูล พัทลุง และตรัง ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจการค้าการท่องเที่ยว จะต้องมุ่งส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว
ทั้งนี้ ในส่วนของมาตรการป้องกันความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และ 4 อำเภอ จ.สงขลานั้นได้เสนอให้ตั้งกันชนใน 3 พื้นที่ คือ ใน จ.สงขลา ควรมีการตั้งด่านตรวจระหว่าง อ.จะนะกับ อ.นาทวี ด่านตรวจระหว่าง อ.เทพากับ อ.สะบ้าย้อย และใน จ.ปัตตานี ตั้งด่านตรวจระหว่าง อ.โคกโพธิ์ กับ อ.หนองจิก โดยมีการสร้างกองกำลังสันติสุขตำบลขึ้นมาดูแลซึ่งมีกำนันเป็นประธานและคัดเลือกราษฎร์ในหมู่บ้านละ 10-20 คนเข้ามาร่วมทำงาน เพื่อดูแลพื้นที่ของตัวเองและตำรวจคอยเป็นพี่เลี้ยง ส่วนบนเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างสงขลากับปัตตานี ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจและทหารเป็นผู้รับผิดชอบ
นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า ได้เสนอแผนด้านการศึกษาให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการไปแล้วเช่นกัน โดยให้บรรจุหลักสูตรศาสนาอิสลามเข้าไปในโรงเรียนของรัฐ เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้ปกครองส่งลูกเข้าเรียน นอกเหนือจากการเข้าเรียนในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม
ในการประชุมของพรรคพลังประชาชนเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาตนได้เสนอ แนวทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของพื้นที่ภาคใต้ซึ่งมีผลพวงมาจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นคือต้องการให้รัฐบาลไทยเจรจากับรัฐบาลมาเลเซีย เพื่อขอใช้ก๊าซจากโรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซีย ใน อ.จะนะ จ.สงขลา แม้ว่าในสัญญาจะให้มาเลเซียใช้ก่อนเป็นระยะเวลา 5 ปีซึ่งขณะนี้ใช้ไปแล้ว 2 ปี แต่เชื่อว่าหากมีการพูดคุยและบอกเหตุผลถึงความจำเป็นและปัญหาเศรษฐกิจในพื้นที่โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เชื่อว่ารัฐบาลมาเลเซียน่าจะเข้าใจ
โดยอาจจะขอแบ่งใช้บางส่วนเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ จ.สงขลา และจังหวัดใกล้เคียง ได้รับประโยชน์จากโรงก๊าซไทยมาเลเซีย แทนที่จะรออีก 3 ปี นอกจากนี้ ปตท.ควรจะขยายสถานีบริการก๊าซเอ็นจีวีเพิ่มขึ้น เพื่อให้สอดรับกับการใช้ก๊าซ ซึ่งหากทำได้ผลพวงจากวิกฤติน้ำมันจะเบาบางลงและจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวม ซึ่งเรื่องนี้ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รมว.คลัง ได้รับไปพิจารณาแล้ว ขณะเดียวกันได้ผลักดันให้นายกรัฐมนตรี นำมาตรการนี้ไปหารือกับรัฐบาลมาเลเซียในโอกาสที่จะเดินทางเยือนมาเลเซียในเร็วๆ นี้
นายสุรศักดิ์ เผยว่า สำหรับในด้านการเกษตรได้ผลักดันในเรื่องของการพัฒนายางพาราทั้งระบบ เช่น การปรับปรุงโรงรมยางซึ่งขณะนี้ถูกทิ้งร้างไปกว่าครึ่งหนึ่ง การตั้งโรงงานอัดยางก้อน และการตั้งโรงงานเฟอร์นิเจอร์เพื่อรองรับวัตถุดิบจากโรงงานอบไม้ยางพาราที่มีอยู่จำนวนมากในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
แต่ส่วนใหญ่จะส่งไปจำหน่ายต่างประเทศ ซึ่งควรที่จะตั้งโรงงานขึ้นมาต่อยอดเพื่อสร้างงานและสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งมาตรการทั้งหมดได้เสนอไปยัง รมว.กระทรวงเกษตรฯแล้วเช่นเดียวกัน