ศูนย์ข่าวภูเก็ต - กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเร่งรณรงค์อนุรักษ์ปะการังในปีปะการังสากลตลอดปี 51 นี้ ทั้งการดึงนักวิชาการ ผู้ประกอบการท่องเที่ยว ร่วมรับทราบปัญหาและแนวทางแก้ไขฟื้นฟูปะการัง เผยภาพรวมปะการังของไทยสมบูรณ์ถึงร้อยละ 60 โดยเฉพาะปะการังน้ำลึกยังสมบูรณ์อยู่มาก
นางนิศากร โฆษิตรัตน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า ในปี 2551 นี้ ได้ถูกกำหนดให้เป็นปีแห่งปะการังสากล โดยครั้งแรกได้กำหนดในปี 2540 เมื่อสิบปีที่แล้ว ตามมติของการประชุม International Coral Reef Initiative ซึ่งบริหารงานภายใต้การสนับสนุนขององค์การสหประชาชาติด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อเพิ่มความตระหนักในเรื่องความสำคัญของระบบนิเวศปะการังและระบบนิเวศที่เกี่ยวข้องทั้งป่าชายเลนและหญ้าทะเล รวมทั้งความสำคัญทางด้านเศรษฐกิจและสังคม สร้างความเข้าใจในเรื่องวิกฤตที่เกิดขึ้นกับแนวปะการังและหาทางแก้ไขเพื่อลดผลกระทบ รวมทั้งทำกิจกรรมต่างๆ อันส่งผลให้เกิดการใช้ประโยชน์จากแนวปะการังอย่างยั่งยืน
โดยในปีนี้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้พร้อมใจกันจัดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อการอนุรักษ์แนวปะการังต่อเนื่องตลอดปี ซึ่งกิจกรรมจะมีทั้งด้านงานวิจัย การตรวจสอบสถานภาพปะการัง การทำความสะอาดแนวปะการัง การให้ความรู้ ให้ข้อมูลประชาสัมพันธ์โดยผ่านสื่อหลากหลายรูปแบบ เป็นต้น
นางนิศากร กล่าวเพิ่มว่า สำหรับประเทศไทยนั้นมีแนวปะการังเป็นทรัพยากรชายฝั่งที่สำคัญ อีกทั้งประเทศไทยมีแนวนโยบายในการสนับสนุนยุทธศาสตร์ต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย และการจัดการแนวปะการัง จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่จะจัดแสดงสื่อให้ความรู้เรื่องระบบนิเวศน์วิทยาแนวปะการังและการอนุรักษ์
โดยในวันที่ 7-9 พ.ค. 2551 นี้ ได้จัดให้มีการสัมมนาเรื่อง “งานวิจัยและการจัดการแนวปะการังในวาระปีแห่งปะการังสากล 2551” ณ.สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ ภุเก็ต สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่ง และป่าชายเลน โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนาประกอบด้วยข้าราชการ พนักงานราชการ ของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมอุทยานแห่งชาติ อาจารย์จากมหาวิทยาลัยต่างๆ รวมทั้งผู้ประกอบการธุรกิจดำน้ำ ประมาณ 70 คน
เพื่อให้นักวิจัย นักบริหารจัดการแนวปะการัง รวมทั้งผู้ประกอบการท่องเที่ยวได้มีโอกาสเสนอผลงาน แลกเปลี่ยนและแสดงความคิดเห็นในด้านการวิจัยและการจัดการ และนำเสนอปัญหาภัยคุกคามที่กำลังเกิดขึ้นและแนวทางแก้ไข ซึ่งต้องมีการบูรณาการของผู้ที่เกี่ยวข้องในทุกๆฝ่าย รวมทั้งจะมีการจัดประกวดาภาพถ่ายการอนุรักษ์ปะการังอีกด้วย
“ตลอดทั้งปีนี้ทางสถาบันฯจะมีการจัดกิจกรรมที่เกี่ยวกับการอนุรักษ์ปะการัง ด้วยการเชิญชวนนักท่องเที่ยวและนักศึกษาเข้ามาศึกษา”
นางนิศากร กล่าวถึงภาพรวมปะการังในประเทศไทยว่า เรามีแนวปะการังชายฝั่งประมาณ 90,000 กว่าไร่ มีบางส่วนที่ไม่สมบุรณ์จากการกระทำของธรรมชาติและน้ำมือของมนุษย์ กรณีของธรรมชาตินั้น
เช่น ปะการังฟอกขาว ที่หินแดงและหินม่วง จากมวลน้ำเย็น ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงของการติดตามผลกระทบที่เกิดขึ้นและน้ำมือของมนุษย์จากหลายสาเหตุด้วยกันไม่ว่าจะเป็นผลกระทบที่เกิดจากการท่องเที่ยว การทิ้งสมอเรือ การทิ้งขยะในทะเล เป็นต้น และสภาพปะการังของไทยอยู่ในสภาพที่เสื่อมโทรมประมาณ 40% และอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ประมาณ 60% ซึ่งจำเป็นที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกันอนุรักษ์ปะการังเป็นการด่วน ด้วยการร่วมมือกับชมรมดำน้ำเชิงอนุรักษ์ เก็บสิ่งแปลกปลอมออกจากปะการัง ให้ความรู้เรื่องการดำน้ำในแนวปะการังที่ถูกวิธี รวมทั้งแนวทางการอนุรักษ์ปะการัง เป็นต้น
ส่วนภาวะโลกร้อนนั้นก็ส่งผลกระทบต่อปะการังอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเมื่อปีที่แล้วก็เกิดปรากฎการณ์ปะการังฟอกขาวขึ้น ที่หินม่วงหินแดงจากกระแสน้ำเย็น ซึ่งกรมฯได้จัดทำแผนงานการวิจัยรองรับภาวะโลกร้อนที่จะส่งผลกระทบต่อปะการังและทรัพยากรทางทะลและชายฝั่งรวมถึงชุมชนตามแนวชายฝั่งด้วย
ด้านนายนิพนธ์ พงศ์สุวรรณ นักวิชาการประมง 8 ว.ผู้เชี่ยวชาญด้านปะการัง สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่ง และป่าชายเลน กล่าวว่า ภาพรวมของปะการังในอันดามันนั้น หากเป็นปะการังน้ำตื้นนั้นในปัจจุบันจะเห็นว่าได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก
ส่วนปะการังน้ำลึกยังมีความสมบูรณ์อยู่ ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นกับปะการังมาจากหลายสาเหตุด้วยกันทั้งในเรื่องของธรรมชาติ ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการท่องเที่ยว โดยปัจจุบันฝั่งอันดามันมีปะการังที่สมบูรณ์อยู่ประมาณ 4 แห่งด้วยกัน คือ ที่หมู่เกาะสุรินทร์ สิมิลัน เกาะอาดังราวี จ.สตูล และเกาะรอก จ.กระบี่ เป็นต้น ส่วนที่เหลือก็อยุ่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์มากนักแต่ก็ไม่ได้เสื่อมโทรมมาก
