สุราษฎร์ธานี-“ประมงจังหวัดสุราษฎร์ธานี” ระบุสถานการณ์ชีวิตพะยูน และปลาโลมา ยังน่าเป็นห่วง หลังพบถูกชาวประมงทำร้ายอย่างต่อเนื่อง จนปริมาณลดลงอย่างน่าใจหาย
นายสายันต์ เอี่ยมรอด ประมงจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า จากข้อมูลของกรมประมงที่ได้ทำการสำรวจฝูงพะยูน หรือ “หมูยูน” ที่อาศัยหากินบริเวณพื้นที่อ่าวพุมเรียง อ่าวบ้านดอน และอ่าวดอนสักของจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีประมาณ 3-5 ตัว เมื่อประมาณปี 2546 ขณะน้ำขึ้นพะยูนเพศเมีย อายุประมาณ 5 ปี ได้เข้ามากินหญ้าที่มีอยู่อย่างสมบูรณ์ในบริเวณอ่าวพุมเรียง อ.ไชยา จนติดอวนรังของชาวประมงที่ลักลอบจับสัตว์น้ำบริเวณดังกล่าว แต่โชคดีเจ้าหน้าที่สามารถช่วยชีวิตนำปล่อยกลับลงสู่ทะเลได้อย่างปลอดภัย ต่อมาเมื่อปลายปี 2549 มีพะยูนได้ติดอวนชาวประมงเสียชีวิตที่เกาะพะงันไปอีก 1 ตัว
ปัจจุบันเครื่องมือทำการประมงผิดกฎหมาย เช่น อวนรัง และเฝือกรัง พื้นที่อ่าวพุ่มเรียง ถูกเจ้าหน้าที่ทำการจับกุมรื้อถอนอย่างต่อเนื่องจนจำนวนลดลงมาก ที่เหลืออยู่ยังคงมีกลุ่มอิทธิพลคนมีสี ที่ทำการลักลอบใช้เครื่องมือดังกล่าวจับสัตว์น้ำอยู่บ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้มีการไล่ล่าของกลุ่มที่ชอบบริโภคเนื้อพะยูน รวมทั้งมีความต้องการน้ำตาพะยูน และเขี้ยวพะยูนไปทำคุณไสย์
ทั้งนี้ ทางราชการได้เข้าไปทำความเข้าใจ และขอความร่วมมือกับกลุ่มบุคคลดังกล่าว และชาวประมง พร้อมทั้งผู้นำท้องถิ่นจนกลุ่มเหล่านี้หมดไป พร้อมทั้งเร่งประชาสัมพันธ์ให้เกิดการอนุรักษ์พะยูนอย่างยั่งยืนด้วย เพราะเป็นสัตว์ทะเลหายาก
ส่วนปลาโลมาชนิดต่างๆ ที่มีอยู่จำนวนมากในพื้นที่ดังกล่าว ก็มีการลดจำนวนลงอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน มีตายจากการติดอวนชาวประมง และถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บ และตายขณะเข้าไปกินปลาในอวน ตกประมาณปีละ 1-2 ตัว และล่าสุดเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2551 ที่ผ่านมา มีปลาโลมาสีชมพู เพศผู้ อายุประมาณ 7-8 ปี น้ำหนัก 123 กิโลกรัม ยาว 2.27 เมตร ติดอวนชาวประมงตายไปอีก 1 ตัว
ประมงจังหวัดสุราษฎร์ธานียอมรับว่า เป็นการยากที่จะดูแลเนื่องจากฝูงปลาโลมาเล่านี้ มีความคุ้นเคยใกล้ชิดกับชาวประมงจนเกิดความเชื่อง เมื่อถูกชาวประมงล้อมอวนจับปลา ปลาโลมาจึงเข้ากินปลาที่อยู่ในอวน เมื่อถูกไล่ก็ไม่ยอมหนีจึงเป็นเหตุให้ถูกทำร้าย และตายดังกล่าว
