ศูนย์ข่าวภูเก็ต - รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต เปิดการประชุมติวเข้มผู้ประสานงานจัดหาโลหิตให้ความรู้ความเข้าใจหวังเพิ่มจำนวนผู้บริจาค
วันนี้ (26 ก.พ.) ที่ห้องประชุมโรงแรมคาทีน่าภูเก็ต นางนวรัตน์ รัฐสีมา รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการผู้ประสานงานด้านการจัดหาโลหิตจังหวัดภูเก็ต โดยมีคณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัด ผู้ประสานงานการจัดหาโลหิตในสถาบันการศึกษา หน่วยงานเอกชนและหน่วยงานภาครัฐกว่า 40 คน เข้าร่วม
การประชุมเชิงปฎิบัติการดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ประสานงานมีความรู้ ความเข้าใจถึงความสำคัญของโลหิต และการบริจาคโลหิตอย่างถูกต้อง และสามารถอธิบายกลุ่มเป้าหมายผู้บริจาคโลหิตได้ เป็นการสร้างเครือข่ายจัดหาผู้บริจาคโลหิตในหน่วยงานต่างๆ ในการประชาสัมพันธ์ เชิญชวนให้มีการบริจาคโลหิตในทุกรูปแบบ เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดหาโลหิตบริจาค การคัดกรองผู้บริจาคเพื่อให้ได้โลหิตบริจาคตามเป้าหมาย และยังเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการพัฒนางานบริจาคโลหิตของจังหวัดภูเก็ตให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและได้มาตรฐานสูงสุด
นางนวรัตน์ กล่าวว่า ด้วยเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต มีนโยบายที่จะจัดหาโลหิตที่ได้มาตรฐานและมีปริมาณเพียงพอกับความต้องการของผู้ป่วยในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งจากข้อมูลสถิติการรับบริจาคโลหิตในปี 2550 โลหิตที่ได้รับบริจาคมีปริมาณเพียงพอแก่ความต้องการของผู้ป่วยในจังหวัดภูเก็ต และสามารถนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยในจังหวัดใกล้เคียงได้
แต่อย่างไรก็ตาม การจัดหาโลหิตเพื่อรองรับในยามฉุกเฉินก็นับเป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน ซึ่งเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ได้ร่วมกับเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต จัดการประชุมระดมความคิดเห็นผู้ประสานงานการจัดหาผู้บริจาคโลหิตของหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และรัฐวิสาหกิจ ตามโครงการประชุมเชิงปฎิบัติการผู้ประสานงานด้านการจัดหาโลหิตในภูมิภาค (จังหวัดภูเก็ต) ขึ้น เพื่อเป็นแนวทางในการวางแผนการปฎิบัติงานด้านการประชาสัมพันธ์ในการจัดหาโลหิตบริจาค และสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นางนวรัตน์ ยังกล่าวด้วยว่า งานบริการโลหิตถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการดำรงรักษาชีวิตมนุษย์ เมื่อยามที่ร่างกายสูญเสียโลหิตจากอุบัติเหตุ การผ่าตัด หรือโรคที่จำเป็นต้องรักษาด้วยโลหิต จึงจำเป็นต้องมีการรับบริจาคโลหิตจากผู้บริจาคโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน 100% เพื่อนำไปช่วยเหลือชีวิตผู้ป่วยให้ทันท่วงที ซึ่งประมาณการความต้องการโลหิตของจังหวัดภูเก็ตประมาณ 1,200 ยูนิตต่อเดือน คิดเป็น 14,400 ยูนิตต่อปี ซึ่งโลหิตที่ได้รับบริจาคจะมาจากสถาบันการศึกษา หน่วยงานราชการ และหน่วยงานเอกชน
วันนี้ (26 ก.พ.) ที่ห้องประชุมโรงแรมคาทีน่าภูเก็ต นางนวรัตน์ รัฐสีมา รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการผู้ประสานงานด้านการจัดหาโลหิตจังหวัดภูเก็ต โดยมีคณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัด ผู้ประสานงานการจัดหาโลหิตในสถาบันการศึกษา หน่วยงานเอกชนและหน่วยงานภาครัฐกว่า 40 คน เข้าร่วม
การประชุมเชิงปฎิบัติการดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ประสานงานมีความรู้ ความเข้าใจถึงความสำคัญของโลหิต และการบริจาคโลหิตอย่างถูกต้อง และสามารถอธิบายกลุ่มเป้าหมายผู้บริจาคโลหิตได้ เป็นการสร้างเครือข่ายจัดหาผู้บริจาคโลหิตในหน่วยงานต่างๆ ในการประชาสัมพันธ์ เชิญชวนให้มีการบริจาคโลหิตในทุกรูปแบบ เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดหาโลหิตบริจาค การคัดกรองผู้บริจาคเพื่อให้ได้โลหิตบริจาคตามเป้าหมาย และยังเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการพัฒนางานบริจาคโลหิตของจังหวัดภูเก็ตให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและได้มาตรฐานสูงสุด
นางนวรัตน์ กล่าวว่า ด้วยเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต มีนโยบายที่จะจัดหาโลหิตที่ได้มาตรฐานและมีปริมาณเพียงพอกับความต้องการของผู้ป่วยในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งจากข้อมูลสถิติการรับบริจาคโลหิตในปี 2550 โลหิตที่ได้รับบริจาคมีปริมาณเพียงพอแก่ความต้องการของผู้ป่วยในจังหวัดภูเก็ต และสามารถนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยในจังหวัดใกล้เคียงได้
แต่อย่างไรก็ตาม การจัดหาโลหิตเพื่อรองรับในยามฉุกเฉินก็นับเป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน ซึ่งเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ได้ร่วมกับเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต จัดการประชุมระดมความคิดเห็นผู้ประสานงานการจัดหาผู้บริจาคโลหิตของหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และรัฐวิสาหกิจ ตามโครงการประชุมเชิงปฎิบัติการผู้ประสานงานด้านการจัดหาโลหิตในภูมิภาค (จังหวัดภูเก็ต) ขึ้น เพื่อเป็นแนวทางในการวางแผนการปฎิบัติงานด้านการประชาสัมพันธ์ในการจัดหาโลหิตบริจาค และสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นางนวรัตน์ ยังกล่าวด้วยว่า งานบริการโลหิตถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการดำรงรักษาชีวิตมนุษย์ เมื่อยามที่ร่างกายสูญเสียโลหิตจากอุบัติเหตุ การผ่าตัด หรือโรคที่จำเป็นต้องรักษาด้วยโลหิต จึงจำเป็นต้องมีการรับบริจาคโลหิตจากผู้บริจาคโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน 100% เพื่อนำไปช่วยเหลือชีวิตผู้ป่วยให้ทันท่วงที ซึ่งประมาณการความต้องการโลหิตของจังหวัดภูเก็ตประมาณ 1,200 ยูนิตต่อเดือน คิดเป็น 14,400 ยูนิตต่อปี ซึ่งโลหิตที่ได้รับบริจาคจะมาจากสถาบันการศึกษา หน่วยงานราชการ และหน่วยงานเอกชน