xs
xsm
sm
md
lg

กลุ่มองค์กรชุมชนพิทักษ์สิทธิ์ที่ดินทำกินกระบี่บุกร้องผู้ว่าฯโวย จนท.ฝืนข้อตกลง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กระบี่ - กลุ่มองค์กรชุมชนพิทักษ์สิทธิ์ที่ดินทำกินในจังหวัดกระบี่ รวมตัวบุกศาลากลางจังหวัดร้องผู้ว่าฯกระบี่ โวยแหลกจ้าหน้าที่รัฐไม่ปฎิบัติตามข้อตกลง

เวลา 09.30 น.วันนี้ (15 ก.พ.) ชาวบ้านกลุ่มองค์กรชุมชนพิทักษ์สิทธิ์ที่ดินทำกิน บ้านคลองทราย-ดินแดงน้อย หมู่ที่ 6 ต.หนองทะเล อ.เมือง จ.จังหวัดกระบี่ ประมาณ 30 คน นำโดยนายนิยม อยู่ทอง ประธานกลุ่มองค์กรชุมชนพิทักษ์สิทธิ์ที่ดินทำกิน บ้านคลองทราย-ดินแดงน้อย ได้เดินทางมาที่ศาลากลางจังหวัดกระบี่ เพื่อเข้าร้องเรียนต่อนายศิวะ ศิริเสาวลักษณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เรื่องถูกทางเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องของจังหวัด ไม่ปฎิบัติตามข้อตกลง โดยมีนายธันวาคม เขมะศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ รับเรื่องและร่วมประชุมชี้แจงชาวบ้าน

ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวสืบเนื่องจาก พ.ต.ท.จงรักษ์ พิมพ์ทอง เจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวน สภ.เมืองกระบี่ ได้ประสานมายังกลุ่มฯเรื่องการสั่งฟ้องกรณี นายหมาน ดินแดง และนายนิคม โสภี ซึ่งถูกทางอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จับกุมในข้อหาแผ้วถางบุกรุกป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติบ้านคลองทราย-ดินแดงน้อย ซึ่งคดีอยู่ในระหว่างการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจและเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2550 ทางกลุ่มได้เดินทางมารวมตัวกันที่บริหน้าศาลากลางเพื่อเรียกร้องให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งไม่ฟ้อง เหตุทั้ง 2 ขาดเจตนาในการบุกรุก

ต่อมาทางผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ได้ทำข้อบันทึกตกลงระหว่างกลุ่มฯและตัวแทนของจังหวัด ประกอบด้วย อำเภอเมืองกระบี่ พนักงานสอบสวน อุทยานฯเพื่อหาข้อยุติ โดยให้ทุกฝ่ายร่วมลงตรวจสอบพื้นที่จริง หากพบว่าผู้ถูกจับกุมได้อาศัยทำกินอยู่ก่อนมติครม. 2541 ก็ให้ถือว่าผู้ถูกจับกุมขาดเจตนา เพื่อพิจารณาสั่งไม่ฟ้องต่อไป และให้พนักงานสอบสวนรอผลการตรวจสอบไว้ก่อน และผลการตรวจสอบร่วมกันพบว่าพื้นที่เกิดเหตุมีการปลูกยางเก่าแก่อยู่ก่อนจริง ถึงแม้ว่าจะอยู่ในเขตพื้นที่ป่าสวงนแห่งชาติก็ตาม และจากข้อตกลงดังกล่าวการที่เจ้าหน้าที่เรียกผู้ต้องหามาสอบสวนเพิ่มเติมทำให้ทางกลุ่มเข้าใจว่า ทางเจ้าหน้าที่ไม่ปฎิบัติตามข้อตกลง จึงเดินทางมาร้องเรียนอีกในวันนี้ (15 ก.พ.)

ด้านนายโสภณ สุวรรณคะราช ปลัดอาวุโสฝ่ายป้องกันอำเภอเมืองกระบี่ กล่าวว่า สำหรับคดีความที่ทางกลุ่มฯเรียกร้องให้ยุติการดำเนินคดี ตามข้อตกลงเดิม ไม่สามารถทำได้เพราะเป็นคดีไปแล้ว และการสอบสวนยังไม่สิ้นสุด ต้องปล่อยให้เป็นไปตามขบวนการ

ส่วนจะสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องอยู่ที่นายอำเภอ และพยานหลักฐาน แต่ในเบื้องต้นได้รับรายงานจากนายอำเภอว่า ทางอำเภอยังไม่ได้รับคำร้องจากทางเจ้าพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี และการที่ชาวบ้านได้รับการประสานจากพนักงานสอบสวนให้ผู้ต้องหามารับทราบข้อกล่าวหา ก็ถือว่าเป็นไปตามขบวนการ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ได้มีการพูดคุยหาข้อยุติกันประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ได้ข้อสรุปว่า ทางอำเภอจะประสานกับพนักงานสอบสวนเพื่อคลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้นให้เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม จึงทำให้ทางกลุ่มพอใจและสลายตัวในที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น