สุราษฎร์ธานี - ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี เปิดยุทธการรักษาป่า สั่งรื้อถอนยางพารากว่า 120 ไร่ภายในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกรุง ย้ำทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันเพื่อรักษาแหล่งต้นน้ำลำธาร
วันนี้ (14 ก.พ.) นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกรุง เจ้าหน้าที่ อส.กำลังตำรวจจาก สภ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี กำลังทหารจากค่ายวิภาวดีรังสิต จ.สุราษฎร์ธานี รวมกว่า 200 นายบุกรื้อถอนยางพาราอายุกว่า 3 ปี ที่ลักลอบปลูกในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกรุงกว่า 120 ไร่ บริเวณบ้านในช่อง ต.ประสงค์ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี
สำหรับในการดำเนินการรื้อถอนในครั้งนี้เป็นการดำเนินการตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 โดยก่อนหน้าจะมีการรื้อถอนได้ดำเนินการติดประกาศให้ทราบมาเป็นระยะเวลากว่า 2 เดือน สำหรับแปลงที่รื้อถอนในวันนี้เป็นแปลงพื้นที่ที่ถูกบุกรุกขนาดใหญ่กว่า 120 ไร่
ภายหลังจากการตัดฟันต้นยางพาราที่ลักลอบปลูกในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแล้วจะได้ดำเนินการปลูกป่าทดแทนซึ่งจะเป็นไปในลักษณะใดขึ้นอยู่กับทางอุทยานแห่งชาติแก่งกรุงจะดำเนินการ ส่วนทางจังหวัดจะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ซึ่งตนเองมีนโยบายที่จะช่วยเหลือฟื้นฟูรักษาป่าต้นน้ำลำธาร ซึ่งต้องอาศัยการร่วมมือกันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติให้เห็นผลชัดเจน
สำหรับการรื้อถอนพืชผลอาสินที่ลักลอบปลูกในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกรุงตั้งแต่ตุลาคม 2548 ถึง กันยายน 2549 มีจำนวน 37 คดี รวมพื้นที่ที่ต้องดำเนินการรื้อถอนทั้งสิ้น กว่า 500 ไร่ ซึ่งจะได้ทยอยดำเนินการรื้อถอนต่อไป
วันนี้ (14 ก.พ.) นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกรุง เจ้าหน้าที่ อส.กำลังตำรวจจาก สภ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี กำลังทหารจากค่ายวิภาวดีรังสิต จ.สุราษฎร์ธานี รวมกว่า 200 นายบุกรื้อถอนยางพาราอายุกว่า 3 ปี ที่ลักลอบปลูกในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกรุงกว่า 120 ไร่ บริเวณบ้านในช่อง ต.ประสงค์ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี
สำหรับในการดำเนินการรื้อถอนในครั้งนี้เป็นการดำเนินการตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 โดยก่อนหน้าจะมีการรื้อถอนได้ดำเนินการติดประกาศให้ทราบมาเป็นระยะเวลากว่า 2 เดือน สำหรับแปลงที่รื้อถอนในวันนี้เป็นแปลงพื้นที่ที่ถูกบุกรุกขนาดใหญ่กว่า 120 ไร่
ภายหลังจากการตัดฟันต้นยางพาราที่ลักลอบปลูกในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแล้วจะได้ดำเนินการปลูกป่าทดแทนซึ่งจะเป็นไปในลักษณะใดขึ้นอยู่กับทางอุทยานแห่งชาติแก่งกรุงจะดำเนินการ ส่วนทางจังหวัดจะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ซึ่งตนเองมีนโยบายที่จะช่วยเหลือฟื้นฟูรักษาป่าต้นน้ำลำธาร ซึ่งต้องอาศัยการร่วมมือกันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติให้เห็นผลชัดเจน
สำหรับการรื้อถอนพืชผลอาสินที่ลักลอบปลูกในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกรุงตั้งแต่ตุลาคม 2548 ถึง กันยายน 2549 มีจำนวน 37 คดี รวมพื้นที่ที่ต้องดำเนินการรื้อถอนทั้งสิ้น กว่า 500 ไร่ ซึ่งจะได้ทยอยดำเนินการรื้อถอนต่อไป