xs
xsm
sm
md
lg

แฉพิธี “สั่งตาย” เคยโผล่เล่นงานเลือกตั้ง ส.ท.- “สุรชัย” ออกโรงเตือนสัญญาณการเมืองท้องถิ่นเดือด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นครศรีธรรมราช - นักการเมืองท้องถิ่นแฉพิธี “สั่งตาย” เคยโผล่เล่นงาน ส.ท.เทศบาลดังยกทีม 17 คนฝังป่าช้าวัดโบราณ “วัดถ้ำเขาแดง” เชื่อคนสั่งการหมอผีทีมเดียวกัน “สุรชัย” ออกโรงเตือนสัญญาณการเมืองท้องถิ่นเดือด ร้องมหาดไทย ตำรวจส่งกำลังคุม

กรณีพระภิกษุวัดยางทอง และชาวบ้าน ม.10 ต.โมคลาน อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ได้พบจุดการทำพิธีกรรม “สั่งตาย” ซึ่งมีการประกอบพิธีในป่าช้าของวัดยางทอง โดยมีผู้ที่ถูกระบุชื่อสั่งตาย คือ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ นายพิชัย บุณยเกียรติ อดีต ส.ว.นครศรีธรรมราช ว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.นครศรีธรรมราช นายคมกฤช บุณยเกียรติ อดีตรองนายก อบจ.นครศรีธรรมราช และนายศุภชัย วิเชียรทอง ส.อบจ.เขต อ.ร่อนพิบูลย์ โดยมีอุปกรณ์ในการทำพิธีตามความเชื่อโบราณ คือ “กระเบื้องร้าง บาตรร้าย” หรือกระเบื้องจากวัดร้าง และบาตรชำรุดของพระภิกษุ รวมทั้งใบหูกวาง หรือ “ใบโดน” เขียนชื่อของบุคคลทั้งหมดโดยมีการเขียนการสั่งตายไว้ประกบทุกชื่อ

โดยมีการใช้ตะปูตอกโลง 7 ตัวตอกตรึงภาพของบุคคลทั้ง 4 รายตรึงไว้กับพื้นดินในป่าช้าของวัดยางทอง โดยมีพระสุรินทร์ ยืนยันว่า พิธีกรรมดังกล่าวนั้นเป็นความเชื่อตามแบบโบราณ ที่เรียกว่า “เอาตาย” หรือ “สั่งตาย” กับผู้ที่ถูกระบุชื่อ และมั่นใจว่าจะมีการทำพิธีรวมทั้งหมดถึง 7 วัด และต่อมา นายพิชัย บุณยเกียรติ พร้อมด้วยครอบครัวตระกูล “บุณยเกียรติ” ได้ทำพิธีที่วิหารหลวงวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ต่อหน้าพระศรีศากยมุณี พระประธานโบราณ ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (7 ก.พ.) อดีตผู้สมัครสมาชิกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งหนึ่งใน อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งไม่ขอเปิดเผยนามได้ติดต่อผู้สื่อข่าวและแจ้งว่าการทำพิธีในลักษณะเช่นนี้นั้นตนเองพร้อมด้วยทีมผู้สมัครในตำแหน่งผู้บริหาร 5 คน และสมาชิกอีก 12 คน รวม 17 คน ได้ถูกทำพิธีแบบนี้เช่นเดียวกันแต่ครั้งนั้น อาจจะเรียกว่าไม่ได้เป็นการสั่งตาย เพราะไม่ได้มีคำสั่งตายติดอยู่กับชื่อ แต่กรรมวิธีและอุปกรณ์ที่ใช้เหมือนกันทั้งหมด

“เหตุการณ์นั้นได้เกิดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม 2549 ในป่าช้าวัดถ้ำเขาแดง ใน อ.ร่อนพิบูลย์ ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่โบราณหลายร้อยปีแล้วเช่นกัน ครั้งนั้นมีชาวบ้านที่อยู่ใกล้วัดมาบอกแล้ว เมื่อไปดูปรากฏว่าถูกทำแบบนี้ ก่อนการเลือกตั้งประมาณ 4-5 วัน และโดยปกตินั้นทีมงานผู้สมัครและผู้บริหารได้รับคะแนนนิยมสูงมาก แต่ไม่ทราบว่าจะเกี่ยวกันหรือไม่ หลังจากพบว่าถูกทำพิธีแล้วไม่ได้ไปแก้เคล็ดหรือทำพิธีอะไรปรากฏว่าทีมผู้สมัครทั้งบริหารและสมาชิกสอบตกทั้งหมดอย่างเหลือเชื่อ ซึ่งเชื่อว่ากลุ่มคนที่ไปทำพิธีนั้นน่าจะเป็นกลุ่มเดียวกัน วิธีการเดียวกันและมีความเกี่ยวข้องกัน”

นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ หรือ “สุรชัย แซ่ด่าน” อดีตผู้สมัครนายก อบจ.นครศรีธรรมราช อดีตผู้สมัคร ส.ว.ปี 2549 และอดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 นครศรีธรรมราช พรรคประพลังประชาชน กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นลางบอกเหตุความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นกับจังหวัดนครศรีธรรมราชในอนาคตอันใกล้นี้อย่างแน่นอน ตนยอมรับว่ารู้สึกหวาดหลัวและหวั่นไหวกับการเลือกตั้ง ส.อบจ.นครศรีธรรมราช ที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ เป็นอย่างมาก พอทราบข่าวว่าทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ออกมาให้ข้อมูลระบุความรุนแรงมากที่สุดที่ตำรวจจับตา และติดตามอย่างใกล้ชิดยิ่งเพิ่มความหวั่นไหวและหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น จนเมื่อมาทราบการใช้วิธีการเอาชนะกันของคู่ต่อสู้จากคอกเดียวกันด้วยวิธีการสรกปกโดยใช้คุณไสยหรือมนต์ดำ ทำให้ตนเป็นห่วงภาพลักษณ์และอนาคตของเมืองนครศรีธรรมราชมากขึ้น

“ในการเลือกตั้งครั้งก่อนที่ผมลงแข่งขันและแม้เสียงจะดีมากในช่วงแรก แต่ในที่สุดตนพ่ายแพ้เพราะหมดกระสุนในช่วงท้าย ในครั้งนั้นผมและทีมงานใช้เงินไป 3 ล้าน แต่ฝ่ายตรงข้ามบางทีมใช้เงินถึง 30-40 ล้านบาท และหลายเรื่องมีพยานหลักฐานชัดเจนนำไปสู่การร้องเรียนกับ กกต.และ ปปช.แต่จนถึงขณะนี้เรื่องก็ไม่มีอะไรคืบหน้า ซึ่งแม้ยังไม่เริ่มออกสตาร์ทแต่บรรยากาศการต่อสู้รุนแรงมาก คอการเมืองคาดว่า จะมีการทุ่มใช้เงินในการเลือกตั้งมากถึง 50 ล้าน 100 ล้าน ผมคิดจะตั้งทีมสู้แต่เมื่อมาเกิดเหตุในลักษณะนี้ต้องหยุดคิดทบทวนและคงไม่กล้าจัดทีมลงแข่งขัน เพราะไม่มีเงินเพียงพอและที่สำคัญเขาตั้งป้อมเล่นกันแรงอาจจะถึงขั้นฆ่ากันก็ได้และการทำเช่นนี้นั้นเพราะไม่สามารถสั่งตายด้วยกระสุนได้ จึงใช้วิธีนี้” นายสุรชัย กล่าว

นายสุรชัย กล่าวต่อว่า เรื่องนี้กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่านิ่งนอนใจ จะต้องหามาตรการในการป้องกันแก้ไขปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากการต่อสู้เลือกตั้ง อบจ.นครศรีธรรมราช หากปล่อยไว้เฉยๆ โดยไม่ทำอะไรสักอย่างความเสียหายจะเกิดขึ้นระบอบประชาธิปไตยของเมืองนครศรีธรรมราชและจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของบ้านเมืองอย่างรุนแรง

“ในวันที่ 18 ก.พ.นี้ผมจะเดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเพื่อรายงานเรื่องนี้ให้ท่านทราบ และขอความกรุณาให้ท่านจัดเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางหรือหน่วยคอมมานโดลงมาประจำในพื้นที่โดยเร็วที่สุด ก่อนที่สถานการณ์จะบานปลายไปมากกว่านี้ และหากมหาดไทยหรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติรวมทั้ง กกต.สามารถควบคุมสถานการณ์และการทุ่มจ่ายเงินให้อยู่ในกรอบปกติได้ ผมจะพิจารณาส่งทีด้วย เพื่อให้เป็นทางเลือกที่ 3 ของคนเมืองนครศรีธรรมราช”


กำลังโหลดความคิดเห็น