นครศรีธรรมราช – โรคอหิวาต์โผล่เมืองปากพนัง จ.นครศรีฯ คร่าแล้ว 2 ชีวิต พบป่วยอีก 7 ราย สสจ.เต้นสั่งเจ้าหน้าที่ลงสืบสวนโรคมั่นใจคุมได้
ที่ จ.นครศรีธรรมราช วันนี้ (31 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีรายงานการเกิดโรคท้องร่วงอย่างรุนแรงหรืออหิวาต์ตกโรคในพื้นที่ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งมีผู้ป่วยปรากฏอาการแล้วรวมถึง 9 ราย โดย 2 รายจากจำนวนนี้ได้เสียชีวิตลง เนื่องจากท้องร่วงอย่างรุนแรง ซึ่งในการติดตามข้อมูลพบว่า โรคดังกล่าวนั้นได้เกิดขึ้นในพื้นที่ ต.ปากพนังฝั่งตะวันตก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช
ในเรื่องดังกล่าวนั้น นพ.เจริญ วงศ์วรเชษฐ์ ผอ.รพ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ได้มีผู้ป่วยที่ปรากฏอาการท้องร่วงอย่างรุนแรงเกิดขึ้นจริง ตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้ป่วยที่ท้องร่วงรวม 9 คน ซึ่ง 2 คนในจำนวนนี้ได้เสียชีวิตลง หลังจากที่ส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาลศูนย์ คือ ด.ช.ทัศนัย บุญสิน อายุ 2 ขวบ 3 เดือน อยู่ 63 ม.4 ต.ปากพนังฝั่งตะวันตก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ได้เข้ารักษาตัวที่ รพ.ปากพนังเมื่อ 19 ม.ค.2551 หลังจากที่แพทย์วินิจฉัยแล้วจึงได้ส่งต่อไปรักษาต่อยัง รพ.มหาราช นครศรีธรรมราช และมีรายงานต่อมาว่าในวันที่ 20 ม.ค. ด.ช.ทัศนัย ได้เสียชีวิตลงด้วยอาการนี้
คนต่อมาคือ นางรพี เทพอินทร์ทอง อายุ 69 ปี อยู่ 28/1 ม.1 ต.ปากพนังฝั่งตะวันตก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ได้ถูกนำส่งเข้ารักษาตัวที่ รพ.ปากพนัง เมื่อวันที่ 25 ม.ค.2551 หลังจากนั้นได้ส่งต่อไปยัง รพ.มหาราช และทราบว่าได้เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 29 ม.ค.2551
อย่างไรก็ตาม ในทางการสืบสวนโรค ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณะสุขอำเภอปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ได้เข้าติดตามการสืบสวนสอบสวนการเกิดโรค เนื่องจากโรคชนิดนี้ได้สูญหายไปนานมากแล้ว แต่จากการสืบสวนนั้นเป็นที่สังเกตว่า ระบบการขับถ่ายผู้เสียชีวิตรายหลัง คือ นางรพี นั้น ได้ขับถ่ายลงในแม่น้ำปากพนัง ซึ่งอาจจะเป็นเหตุที่ทำให้เชื้อแพร่กระจายทำให้มีผู้ป่วยรวมถึง 9 คน แต่พบว่าจำนวนผู้ป่วยยังไม่เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด
ขณะที่ นพ.นพพร ชื่นกลิ่น สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ล่าสุด เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ออกทำลายเชื้อในย่านที่มีผู้ป่วยโดยใช้น้ำยาไลโซน และใช้สารคลอรีน ขณะเดียวกัน ได้เก็บตัวอย่างน้ำที่ใช้ในการอุปโภคบริโภคของประชาชน รวมทั้งน้ำในแม่น้ำปากพนัง ส่วนในเรื่องของตัวบุคคลที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่ได้เข้าเก็บตัวอย่างอุจจาระ เก็บตัวอย่างอาหารไปเพาะเชื้อตรวจสอบ เพื่อสืบสวนให้ชัดเจนว่าสาเหตุของโรคนั้นมาจากที่ใด โดยใช้หน่วยเฉพาะกิจที่จัดตั้งขึ้นมาเป็นพิเศษ และล่าสุดนั้น ยังไม่มีรายงานถึงผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจึงไม่น่าเป็นห่วง
ที่ จ.นครศรีธรรมราช วันนี้ (31 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีรายงานการเกิดโรคท้องร่วงอย่างรุนแรงหรืออหิวาต์ตกโรคในพื้นที่ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งมีผู้ป่วยปรากฏอาการแล้วรวมถึง 9 ราย โดย 2 รายจากจำนวนนี้ได้เสียชีวิตลง เนื่องจากท้องร่วงอย่างรุนแรง ซึ่งในการติดตามข้อมูลพบว่า โรคดังกล่าวนั้นได้เกิดขึ้นในพื้นที่ ต.ปากพนังฝั่งตะวันตก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช
ในเรื่องดังกล่าวนั้น นพ.เจริญ วงศ์วรเชษฐ์ ผอ.รพ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ได้มีผู้ป่วยที่ปรากฏอาการท้องร่วงอย่างรุนแรงเกิดขึ้นจริง ตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้ป่วยที่ท้องร่วงรวม 9 คน ซึ่ง 2 คนในจำนวนนี้ได้เสียชีวิตลง หลังจากที่ส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาลศูนย์ คือ ด.ช.ทัศนัย บุญสิน อายุ 2 ขวบ 3 เดือน อยู่ 63 ม.4 ต.ปากพนังฝั่งตะวันตก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ได้เข้ารักษาตัวที่ รพ.ปากพนังเมื่อ 19 ม.ค.2551 หลังจากที่แพทย์วินิจฉัยแล้วจึงได้ส่งต่อไปรักษาต่อยัง รพ.มหาราช นครศรีธรรมราช และมีรายงานต่อมาว่าในวันที่ 20 ม.ค. ด.ช.ทัศนัย ได้เสียชีวิตลงด้วยอาการนี้
คนต่อมาคือ นางรพี เทพอินทร์ทอง อายุ 69 ปี อยู่ 28/1 ม.1 ต.ปากพนังฝั่งตะวันตก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ได้ถูกนำส่งเข้ารักษาตัวที่ รพ.ปากพนัง เมื่อวันที่ 25 ม.ค.2551 หลังจากนั้นได้ส่งต่อไปยัง รพ.มหาราช และทราบว่าได้เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 29 ม.ค.2551
อย่างไรก็ตาม ในทางการสืบสวนโรค ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณะสุขอำเภอปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ได้เข้าติดตามการสืบสวนสอบสวนการเกิดโรค เนื่องจากโรคชนิดนี้ได้สูญหายไปนานมากแล้ว แต่จากการสืบสวนนั้นเป็นที่สังเกตว่า ระบบการขับถ่ายผู้เสียชีวิตรายหลัง คือ นางรพี นั้น ได้ขับถ่ายลงในแม่น้ำปากพนัง ซึ่งอาจจะเป็นเหตุที่ทำให้เชื้อแพร่กระจายทำให้มีผู้ป่วยรวมถึง 9 คน แต่พบว่าจำนวนผู้ป่วยยังไม่เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด
ขณะที่ นพ.นพพร ชื่นกลิ่น สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ล่าสุด เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ออกทำลายเชื้อในย่านที่มีผู้ป่วยโดยใช้น้ำยาไลโซน และใช้สารคลอรีน ขณะเดียวกัน ได้เก็บตัวอย่างน้ำที่ใช้ในการอุปโภคบริโภคของประชาชน รวมทั้งน้ำในแม่น้ำปากพนัง ส่วนในเรื่องของตัวบุคคลที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่ได้เข้าเก็บตัวอย่างอุจจาระ เก็บตัวอย่างอาหารไปเพาะเชื้อตรวจสอบ เพื่อสืบสวนให้ชัดเจนว่าสาเหตุของโรคนั้นมาจากที่ใด โดยใช้หน่วยเฉพาะกิจที่จัดตั้งขึ้นมาเป็นพิเศษ และล่าสุดนั้น ยังไม่มีรายงานถึงผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจึงไม่น่าเป็นห่วง