พัทลุง - กลุ่มคนร้าย 6 คน สวมหมวกไหมพรมวางแผนปล้นรถบรรทุก 18 ล้อ รับซื้อน้ำยางเชิดเงิน 6 หมื่นบาท ขณะที่เสมียนบ่อน้ำยางระบุ ปกติใช้เงินหมุนเวียนทุกวันจันทร์ร่วมล้านบาท โดยตำรวจสนธิกำลังร่วมร้อยนายเดินเท้าติดตามเส้นทางการหลบหนี
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุง ว่า พ.ต.ท.พรพิสิฐษ์ หอมบุตร สารวัตรเวร สภ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง รับแจ้งคนร้าย จำนวน 6 คน สวมหมวกไหมพรม อาวุธปืนครบมือ ใช้รถยนต์กระบะ ดักปล้นพ่อค้ารับชื้อนำยางพาราในท้องที่ หมู่ 12 ต.เกาะเต่า อ.ป่าพะยอม หลังรับแจ้งจึงเดินทางรุดสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อ ง โดยในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจพบรถยนต์บรรทุก 18 ล้อหมายเลขทะเบียน 80 – 5095 พัทลุง กระจกด้านซ้ายแตก
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานกองกำกับการตำรวจจังหวัดพัทลุงกำลังตรวจหาลายนิ้วมือจากรถกระบะมิตซูบิซิ หมายเลขทะเบียน บฉ – 2097 ภูเก็ต ซึ่งกลุ่มคนร้ายจำนวน 5 คน ได้จอดรถทิ้งไว้ริมถนนสายในหมู่บ้าน ท้องที่หมู่ 2 ตำบลเขาย่า อำเภอศรีบรรพต จังหวัดพัทลุงแล้ว แยกย้ายกันบุกป่าสวนยางพาราหลบหนี หลังก่อเหตุปล้นรถรับซื้อน้ำยาง 18 ล้อ หมายเลขทะเบียน 80 – 5095 พัทลุง เหตุเกิดบนถนนสายโหล๊ะท่อม-ป่าพะยอม ท้องที่หมู่ 12 ตำบลเกาะเต่า อำเภอป่าพะยอม โดยมี นายทวีป เกื้อคลัง อายุ 41 ปี ขับมากับ นางสาวสุมลรัตน์ เพ็งด้วง เสมียนบ่อน้ำยาง ซึ่งมีนางนิตยา ชูดำ อายุ 41 ปี เป็นเจ้าของกิจการ
นางสาวสุมลรัตน์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุขณะที่ตน และ นายทวีป กำลังใช้รถ 18 ล้อตระเวนรับซื้อน้ำยางในพื้นที่อำเภอป่าพะยอม เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุก็ได้มีรถกระบะมิตซูบิซิของคนร้ายดักอยู่ด้านหน้า โดยทำทีเป็นกลับหัวรถ ทำให้รถ 18 ล้อต้องหยุดกลางถนน ขณะเดียวกัน นั้นได้มีคนร้ายเป็นวัยรุ่นอายุประมาณ 17-25 ปี 3 คน สวมหมวกไหมพรมปิดหน้าออกมาจากป่าข้างทาง และปีนขึ้นมาบนรถพร้อมใช้ค้อนทุบจนกระจกรถด้านที่ตนนั่งแตก และใช้ปืนจี้บังคับข่มขู่เอาเงิน ตนจึงเอาเงินสดจำนวน 6 หมื่นบาทให้ไป
กลุ่มโจรยังได้กุญแจรถพร้อมโทรศัพท์มือถือของตน และของนายทวีปคนขับไปด้วย รวม 2 เครื่อง โดยทุกวันจันทร์ ตนจะต้องถือเงินสดร่วมล้านบาทเพื่อไปจ่ายให้กับลูกค้า แต่วันนี้โชคดีที่เถ้าแก่ยังไม่ได้ไปเบิกที่ธนาคาร ทำให้ถือเงินมาน้อย คนร้ายคงรู้ความเคลื่อนไหวเป็นอย่างดี จึงได้วางแผนบุกปล้นดังกล่าว
ล่าสุด ได้มีการระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจในจังหวัดพัทลุง ร่วม 100นาย ปูพรหมเดินเท้าติดตามคนร้าย ทั้ง 6 คน โดยขอสนับสนุนสุนัขตำรวจจากกองร้อย ตชดที่ 42ทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราชมาเสริมในการติดตามคนร้าย ด้วยตำรวจ คาดว่าคนร้ายน่าจะยังกบดานอยู่ในพื้นที่ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการปิดล้อม
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุง ว่า พ.ต.ท.พรพิสิฐษ์ หอมบุตร สารวัตรเวร สภ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง รับแจ้งคนร้าย จำนวน 6 คน สวมหมวกไหมพรม อาวุธปืนครบมือ ใช้รถยนต์กระบะ ดักปล้นพ่อค้ารับชื้อนำยางพาราในท้องที่ หมู่ 12 ต.เกาะเต่า อ.ป่าพะยอม หลังรับแจ้งจึงเดินทางรุดสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อ ง โดยในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจพบรถยนต์บรรทุก 18 ล้อหมายเลขทะเบียน 80 – 5095 พัทลุง กระจกด้านซ้ายแตก
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานกองกำกับการตำรวจจังหวัดพัทลุงกำลังตรวจหาลายนิ้วมือจากรถกระบะมิตซูบิซิ หมายเลขทะเบียน บฉ – 2097 ภูเก็ต ซึ่งกลุ่มคนร้ายจำนวน 5 คน ได้จอดรถทิ้งไว้ริมถนนสายในหมู่บ้าน ท้องที่หมู่ 2 ตำบลเขาย่า อำเภอศรีบรรพต จังหวัดพัทลุงแล้ว แยกย้ายกันบุกป่าสวนยางพาราหลบหนี หลังก่อเหตุปล้นรถรับซื้อน้ำยาง 18 ล้อ หมายเลขทะเบียน 80 – 5095 พัทลุง เหตุเกิดบนถนนสายโหล๊ะท่อม-ป่าพะยอม ท้องที่หมู่ 12 ตำบลเกาะเต่า อำเภอป่าพะยอม โดยมี นายทวีป เกื้อคลัง อายุ 41 ปี ขับมากับ นางสาวสุมลรัตน์ เพ็งด้วง เสมียนบ่อน้ำยาง ซึ่งมีนางนิตยา ชูดำ อายุ 41 ปี เป็นเจ้าของกิจการ
นางสาวสุมลรัตน์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุขณะที่ตน และ นายทวีป กำลังใช้รถ 18 ล้อตระเวนรับซื้อน้ำยางในพื้นที่อำเภอป่าพะยอม เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุก็ได้มีรถกระบะมิตซูบิซิของคนร้ายดักอยู่ด้านหน้า โดยทำทีเป็นกลับหัวรถ ทำให้รถ 18 ล้อต้องหยุดกลางถนน ขณะเดียวกัน นั้นได้มีคนร้ายเป็นวัยรุ่นอายุประมาณ 17-25 ปี 3 คน สวมหมวกไหมพรมปิดหน้าออกมาจากป่าข้างทาง และปีนขึ้นมาบนรถพร้อมใช้ค้อนทุบจนกระจกรถด้านที่ตนนั่งแตก และใช้ปืนจี้บังคับข่มขู่เอาเงิน ตนจึงเอาเงินสดจำนวน 6 หมื่นบาทให้ไป
กลุ่มโจรยังได้กุญแจรถพร้อมโทรศัพท์มือถือของตน และของนายทวีปคนขับไปด้วย รวม 2 เครื่อง โดยทุกวันจันทร์ ตนจะต้องถือเงินสดร่วมล้านบาทเพื่อไปจ่ายให้กับลูกค้า แต่วันนี้โชคดีที่เถ้าแก่ยังไม่ได้ไปเบิกที่ธนาคาร ทำให้ถือเงินมาน้อย คนร้ายคงรู้ความเคลื่อนไหวเป็นอย่างดี จึงได้วางแผนบุกปล้นดังกล่าว
ล่าสุด ได้มีการระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจในจังหวัดพัทลุง ร่วม 100นาย ปูพรหมเดินเท้าติดตามคนร้าย ทั้ง 6 คน โดยขอสนับสนุนสุนัขตำรวจจากกองร้อย ตชดที่ 42ทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราชมาเสริมในการติดตามคนร้าย ด้วยตำรวจ คาดว่าคนร้ายน่าจะยังกบดานอยู่ในพื้นที่ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการปิดล้อม
