xs
xsm
sm
md
lg

เปิดบันทึก “ปล้นรถขนเงิน” หวังว่า จะไม่เกิดขึ้นในปี 2551 อีก

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

“หยุด....นี่คือการปล้น หมอบลงไปกับพื้นให้หมด” คำให้การของ นายวินัย เพชรวารี พนักงานบริษัท สยาม แอดมินีสเทรทีฟ เมเนจเม้นท์ จำกัด หรือแซมโก้ ทำหน้าที่หัวหน้าชุดขนเงิน หลังถูก 3 คนร้าย ใช้อาวุธปืนบุกปล้นรถขนเงิน ขณะนำเงินไปส่งให้กับธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ใช้เวลาปฏิบัติการอย่างอุกอาจไม่ถึง 1 นาที ขนเงินสดจำนวน 22.863 ล้านบาท หลบหนีขึ้นรถไป

เหตุระทึกขวัญครั้งนี้ เกิดขึ้นช่วงบ่ายของวันที่ 29 พ.ย. เวลาประมาณ 14.30 น. ขณะที่นายมาณพ มูลดี อายุ 26 ปี และ นายวินัย 2 คู่หูประจำรถขนเงินของบริษัทแซมโก้ขับรถขนเงิน เพื่อนำเงินสดที่ได้รับมาจากธนาคารไทยพาณิชย์สาขาใหญ่มาส่งให้กับธนาคารไทยพาณิชย์สาขาต่าง ๆ รวม 23 แห่ง ตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายตามปกติ

แต่เหตุการณ์ที่ไม่ปกติกำลังจะเกิดขึ้น เมื่อทั้งคู่ ขับรถมาถึงธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าฯ เป็นจุดที่ 15 ทั้งนายวินัยและนายมาณพ ต่างลงจากรถและก้มหน้าก้มตาขนถุงเงินไปส่งตามหน้าที่ จังหวะเดียวกัน 2 คนร้ายที่ซุ่มรอจังหวะอยู่แล้ว เดินเข้ามาด้านหลังใช้อาวุธปืนจี้บังคับให้นายวินัยและนายมาณพ หมอบลงกับพื้น ก่อนคนร้าย รายที่ 3 จะขับรถเก๋งโตโยต้า เอาร์ติส สีบอร์นเงิน ทะเบียน วต – 9036 กทม. ปาดมาจอดบริเวณด้านข้างของรถขนเงิน พร้อมหยิบถุงเงินในรถจำนวน 8 ถุง โยนใส่กระโปรงท้ายของรถ ก่อนที่จะห้อตะบึงออกไปทันที

ด.ต.เด่นชัย ดินนอก ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม สน.จรเข้น้อย เห็นเหตุการณ์ปล้นกลางแดดต่อหน้าต่อตา รีบวิ่งออกมาจากธนาคารและใช้ปืนพกคู่กายยิงสกัดกั้นแก๊งคนร้ายไป 3 นัด แต่ 3 คนร้ายยังดวงแข็งรอดพ้นคมกระสุนจากผู้พิทักสันติราษฎร์ไปได้ โดยตะบึงรถมุ่งหน้าไปทางถนนอ่อนนุช – ลาดกระบัง ด.ต.เด่นชัย จึงรีบวิทยุประสานตำรวจที่อยู่ในพื้นที่ช่วยสกัดจับอีกทาง

กระทั่งคนร้ายขับรถมาถึงหน้าสำนักงานเขตลาดกระบัง ซึ่งเป็นจุดที่ ส.ต.อ.อรัญ แตงอำพล ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม สน.จรเข้น้อย พร้อมเพื่อนตำรวจรวม 5 นาย ตั้งจุดสกัดจับอยู่ โดยไม่ทันตั้งตัวคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงเปิดทางและยิงเข้าใส่ตำรวจทั้ง 5 นาย กระสุนแค่เฉี่ยวลำคอ ส.ต.อ.อรัญ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย รอดพ้นเงื้อมมือมัจจุราชไปอย่างหวุดหวิด

หลังเกิดเหตุ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. พล.ต.ต.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น รอง ผบช.น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.3 เรียกประชุมชุดสืบสวนทั่วพื้นที่นครบาล เพื่อประมวลเหตุการณ์และสั่งสอบสวนบุคคลที่เห็นเหตุการณ์อย่างละเอียดยิบ ก่อนออกภาพสเก๊ตซ์และขออำนาจศาลจังหวัดมีนบุรีอนุมัติหมายจับคนร้ายทั้ง 3 คน สุดท้ายคงต้องติดตามตอนต่อไปว่า “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ แห่งนครบาล” จะสามารถลากตัวคนร้ายแก๊งนี้มาลงโทษตามกฎหมายได้หรือไม่

แต่เมื่อย้อนเหตุการณ์การปล้นรถขนเงินนั้น ครั้งนี้ ไม่ถือเป็นเรื่องแปลกใหม่ที่พึ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก เพราะที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ การปล้นรถขนเงินนั้นเกิดมาแล้วถึง 5 ครั้ง

ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ.2546 คนร้ายได้ปล้นรถขนเงินของบริษัท บริงส์ จำกัด เหตุเกิดที่บริเวณข้างห้างสรรพสินค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ ซึ่งครั้งนั้นตำรวจโชว์ผลงานได้อย่างดีเยี่ยมเมื่อสามารถจับกุมคนร้ายได้ในซอยพหลโยธิน 40 และจากการสอบสวนทำให้รู้ว่าที่แท้ก็เกลือเป็นหนอน เพราะคนร้ายที่ก่อเหตุนั้นเป็นพนักงานของบริษัทดังกล่าวเสียเอง

ครั้งที่สอง เหตุเกิดที่บริเวณ สน.ลุมพินี แต่ครั้งนี้เป็นคิวของ บริษัท แซมโก้ และตำรวจก็แสดงให้เห็นถึงฝีมือที่ไม่ได้มีเพียงขนมจีนอย่างเดียวเท่านั้น และจากการสอบสวนก็เหมือนครั้งแรกที่เกิดขึ้นคือเกลือเป็นหนอน เพราะเป็นพนักงานของบริษัทดังกล่าวอีกเช่นกัน

ครั้งที่สาม ก็ยังรถขนเงินของบริษัทแซมโก้ก็ยังเป็นเป้าหมายหลัก เมื่อ 3 คนร้ายลงมือปล้นรถ ขณะพนักงานกำลังขนเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาพระราม 9 เพื่อนำไปส่งที่สำนักงานใหญ่ ได้เงินไป 3.5 ล้านบาท ก่อนควบกระบะโตโยต้า วีโก้ สีบอร์นเงิน ทะเบียน ปง – 6815 กทม. หลบหนี ไปได้อย่างลอยนวล ครั้งนี้ยังจับกุมคนร้ายไม่ได้ และครั้งที่สี่ คนร้ายได้ก่อเหตุปล้นรถขนเงินของบริษัทแซมโก้ และได้เงินสดไปจำนวน 22.863 ล้านบาท ยังจับคนร้ายไม่ได้อีกเช่นเคย

และเหตุปล้นรถขนเงินที่เกิดขึ้นล่าสุดนั้น บริษัทแซมโก้ ก็ยังคงเป็นเป้าหมายหลัก เพราะการปล้นครั้งนี้ เกลือก็ยังเป็นหนอนอยู่เหมือนเคย ซึ่งล่วงรู้ขั้นตอนการขนเงินอย่างละเอียดจึงทำการปล้นขณะที่พนักงานขับรถกำลังแวะทำธุระส่วนตัวที่ห้องน้ำ ปั้มน้ำมันปิโตรนาส สาขาเสนานิคม ซอยพหลโยธิน 32 กวาดเงินไป 17.1 ล้านบาทและนำรถมาทิ้งไว้บริเวณใกล้ทางเข้าหมู่บ้านปัญญาอินทรา โซนพี 5 ถนนปัญญาอินทรา แต่สุดท้ายตำรวจสามารถติดตามจับกุมได้ยกแก๊ง ทั้ง 5 ราย ซึ่ง 1 ในนั้นสารภาพว่าสาเหตุที่ลงมือเพราะเห็นว่าที่ผ่านมาตำรวจไม่เคยจับคนร้ายได้

“เงิน” ยังถือเป็นพระเจ้าสำหรับมนุษย์ทุกคน แต่การก่ออาชญากรรมโดยการปล้นเพื่อให้ได้เงินมานั้นคงไม่ใช่ทางเลือกที่ดี แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ต้องเป็นหน้าที่ของ “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” ก็ต้องติดตามจับกุมคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายให้ได้ และการวางมาตรการที่เข้มงวดในการป้องกัน ไม่ว่าจะเป็นการติดระบบจีพีเอส ในรถขนเงินทุกคัน หรือกระทั่งการฝังระเบิดขนาดเล็กที่สามารถทำลายตัวเองได้ทันที่ที่เกิดเหตุปล้นขึ้นก็เป็นวิธีที่ควรกระทำ แต่หากทุกคนยึดถือความพอเพียงไม่เกิดความโลภโมโทสัน เหตุการณ์เช่นนี้คงไม่เกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอน




กำลังโหลดความคิดเห็น