ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผู้ตรวจสำนักนายกฯ ติดตามการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม และภารกิจถ่ายโอนอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
วันนี้ (15 ม.ค.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายชั่งทอง โอภาสศิริวิทย์ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขต 17 กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับนายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และหน่วยงานราชการที่เกี่ยว เพื่อติดตามแผนงาน/โครงการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2551 ของจังหวัดภูเก็ต ว่า มีการติดตามใน 3 เรื่อง เรื่องแรกเป็นเรื่องของการถ่ายโอนภารกิจฯให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เนื่องจากนโยบายในปี 2551 มีความแตกต่างจากปี 2550 ในหลายเรื่อง โดยรัฐบาลได้กระจายเงินมาให้ท้องถิ่นเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะช่วยเหลือประชาชนอย่างไร เช่น เบี้ยยังชีพ อาหารกลางวัน เรื่องเกี่ยวกับเด็ก เป็นต้น
จากการหารือเบื้องต้น พบว่า ไม่มีปัญหาและสอดคล้องกับความต้องการของประชาชน เนื่องจากท้องถิ่นจะเป็นผู้ที่ทราบปัญหาเป็นอย่างดี แต่ก็ได้ฝากท้องถิ่นจังหวัดติดตามการใช้จ่ายของแต่ละโครงการด้วย
เรื่องที่ 2 การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม มีการติดตามในเรื่องของปัญหาลุ่มน้ำ ซึ่งภูเก็ตไม่มีปัญหา เนื่องจากได้มีการจัดเตรียมแหล่งน้ำไว้สำหรับการอุปโภคบริโภคมากพอ ส่วนปัญหาขยะและมลพิษอื่นๆ ทราบว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการจัดทำโครงการ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนในด้านการบริหารจัดการ และได้มีการหารือภาพรวมของจังหวัดเกี่ยวกับการจำกัดขยะ ซึ่งเป็นปัญหาเนื่องจากมีปริมาณมาก และเตาเผาที่มีอยู่ไม่เพียงพอรองรับ
รวมถึงปัญหาที่เกิดจากโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งยังไม่มีโดยตรง แต่ก็ได้สั่งการให้มีการเฝ้าระวังไว้ด้วย และอื่นๆ โดยเฉพาะการเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม ที่เกี่ยวข้องกับเยาวชนได้เน้นย้ำให้เข้าไปดูแลการบริหารจัดการที่เหมาะสม การดูแลโรงเรียนขนาดเล็กซึ่งอาจจะมีจำนวนครูไม่เพียงพอกับชั้นเรียนซึ่งจะต้องมีการอย่างไร ที่จะทำให้เด็กมีมาตรฐานการศึกษาเท่าเทียมกับโรงเรียนอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม นายชั่งทอง กล่าวว่า ภาพใหญ่ที่มีการพูดคุยกัน นับว่าได้มีการพูดคุยกับทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และได้มีการหารือกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการพัฒนาจังหวัดที่จะต้องผลักดันต่อ ซึ่งมีเรื่องของการท่องเที่ยว เกี่ยวกับการขยายท่าอากาศยานในช่วง 4-5 ปีข้างหน้า เพื่อรองรับปริมาณนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น ในปีที่ผ่านมาพบว่า มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเพิ่มสูงกว่า 5 ล้านคน
รวมถึงโครงการอื่นๆ ที่มีการศึกษาไว้เดิม เช่น โครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเล เพื่อรองรับการเติบโตที่จะเกิดขึ้นในช่วง 5-10 ปีนี้ การจัดการสิ่งแวดล้อมไม่ว่าจะเป็นเรื่องของขยะ น้ำเสีย หรืออื่นๆ ซึ่งจะต้องมีการหารือกันต่อไป มีการปรึกษาหารือหรือประสานกับกระทรวงทบวงกรมอื่นๆ เช่น การพัฒนา เพิ่มเติม รวมถึงผลักดัน
วันนี้ (15 ม.ค.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายชั่งทอง โอภาสศิริวิทย์ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขต 17 กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับนายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และหน่วยงานราชการที่เกี่ยว เพื่อติดตามแผนงาน/โครงการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2551 ของจังหวัดภูเก็ต ว่า มีการติดตามใน 3 เรื่อง เรื่องแรกเป็นเรื่องของการถ่ายโอนภารกิจฯให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เนื่องจากนโยบายในปี 2551 มีความแตกต่างจากปี 2550 ในหลายเรื่อง โดยรัฐบาลได้กระจายเงินมาให้ท้องถิ่นเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะช่วยเหลือประชาชนอย่างไร เช่น เบี้ยยังชีพ อาหารกลางวัน เรื่องเกี่ยวกับเด็ก เป็นต้น
จากการหารือเบื้องต้น พบว่า ไม่มีปัญหาและสอดคล้องกับความต้องการของประชาชน เนื่องจากท้องถิ่นจะเป็นผู้ที่ทราบปัญหาเป็นอย่างดี แต่ก็ได้ฝากท้องถิ่นจังหวัดติดตามการใช้จ่ายของแต่ละโครงการด้วย
เรื่องที่ 2 การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม มีการติดตามในเรื่องของปัญหาลุ่มน้ำ ซึ่งภูเก็ตไม่มีปัญหา เนื่องจากได้มีการจัดเตรียมแหล่งน้ำไว้สำหรับการอุปโภคบริโภคมากพอ ส่วนปัญหาขยะและมลพิษอื่นๆ ทราบว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการจัดทำโครงการ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนในด้านการบริหารจัดการ และได้มีการหารือภาพรวมของจังหวัดเกี่ยวกับการจำกัดขยะ ซึ่งเป็นปัญหาเนื่องจากมีปริมาณมาก และเตาเผาที่มีอยู่ไม่เพียงพอรองรับ
รวมถึงปัญหาที่เกิดจากโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งยังไม่มีโดยตรง แต่ก็ได้สั่งการให้มีการเฝ้าระวังไว้ด้วย และอื่นๆ โดยเฉพาะการเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม ที่เกี่ยวข้องกับเยาวชนได้เน้นย้ำให้เข้าไปดูแลการบริหารจัดการที่เหมาะสม การดูแลโรงเรียนขนาดเล็กซึ่งอาจจะมีจำนวนครูไม่เพียงพอกับชั้นเรียนซึ่งจะต้องมีการอย่างไร ที่จะทำให้เด็กมีมาตรฐานการศึกษาเท่าเทียมกับโรงเรียนอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม นายชั่งทอง กล่าวว่า ภาพใหญ่ที่มีการพูดคุยกัน นับว่าได้มีการพูดคุยกับทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และได้มีการหารือกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการพัฒนาจังหวัดที่จะต้องผลักดันต่อ ซึ่งมีเรื่องของการท่องเที่ยว เกี่ยวกับการขยายท่าอากาศยานในช่วง 4-5 ปีข้างหน้า เพื่อรองรับปริมาณนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น ในปีที่ผ่านมาพบว่า มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเพิ่มสูงกว่า 5 ล้านคน
รวมถึงโครงการอื่นๆ ที่มีการศึกษาไว้เดิม เช่น โครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเล เพื่อรองรับการเติบโตที่จะเกิดขึ้นในช่วง 5-10 ปีนี้ การจัดการสิ่งแวดล้อมไม่ว่าจะเป็นเรื่องของขยะ น้ำเสีย หรืออื่นๆ ซึ่งจะต้องมีการหารือกันต่อไป มีการปรึกษาหารือหรือประสานกับกระทรวงทบวงกรมอื่นๆ เช่น การพัฒนา เพิ่มเติม รวมถึงผลักดัน