นราธิวาส – ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ผบ.ฉก. และรอง ผบ.ชภ.9 มอบนโยบายให้ฝ่ายกำลังพุ่งเป้าหมายทำลายเครือข่ายก่อการร้ายต่อเนื่อง เพื่อลดความรุนแรงและลดศักยภาพโจรใต้
เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (10 ม.ค.) ที่ห้องประชุมโรงแรมอิมพีเรียล อ.เมืองนราธิวาส นายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ ผู้ว่าราชการ จ.นราธิวาส พล.ต.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการเฉพาะกิจนราธิวาส พล.ต.ต.ยงยุทธ เจริญวานิช รอง ผบภ.ช.9 ได้ร่วมเป็นประธาน เพื่อมอบนโยบายบูรณาการแนวทาง การปฏิบัติงานความมั่นคงในพื้นที่ จ.นราธิวาส ให้แก่หัวหน้าส่วน นายอำเภอ ผกก. รอง ผกก.ปราบปราม ผบ.พัน ผบ.ร้อย จำนวน 210 นาย ในพื้นที่ 13 อำเภอ ของ จ.นราธิวาส เพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้บังคับบัญชาในแต่ละพื้นที่ได้ปรับการปฏิบัติในเชิงรุก ตามนโยบายเสริมสร้างความสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้
ทางด้าน พล.ต.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการเฉพาะกิจนราธิวาส กล่าวในที่ประชุมว่า ในพื้นที่ จ.นราธิวาส มีการแบ่งโซลหมู่บ้าน เป็น พื้นที่สีเขียว 130 หมู่บ้าน โซนสีเหลือง 58 หมู่บ้าน และโซลสีแดง 18 หมู่บ้าน ซึ่งถือเกณฑ์ 2 ขั้นตอน อาทิ พื้นที่สีเขียว ประชาชนให้ความร่วมมือกับรัฐมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ปกครอง เข้าทำงานได้อย่างสะดวกและมีความปลอดภัยค่อนข้างดี ส่วนพื้นที่เหลืองจะลดหย่อนตามไป
โดยเฉพาะพื้นที่โซนสีแดง ถือเป็นที่เสียงภัยอันตรายต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ ประชาชนยังให้ความร่วมมือกับรัฐน้อยมาก และเป็นพื้นที่เคลื่อนไหวฝ่าย เครือข่ายโจรก่อการร้ายในพื้นที่ ซึ่งที่ในห้วงระยะเวลาเวลาผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย ประกอบด้วย ปกครอง ตำรวจ ทหาร ได้ทำงานร่วมกับและเดินในแนวทางเดียวกัน สามารถเปิดแผนยุทธการป้องกันปราบปราม จู่โจมตรวจค้นในพื้นที่หมู่บ้านเป้าหมายจนสามารถจับกุมแกนนำแนวร่วม และสมาชิกอาร์เคเคได้หลายราย จึงขอให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายยึดแนวทางการทำงานร่วมกันอย่างจริงจัง
ผู้บัญชาการเฉพาะกิจนราธิวาส ยังได้กล่าวอีกว่า แม้สถานการณ์เหตุความไม่สงบจะเบาบางในระยะนี้ แต่ยังไม่สามารถไว้วางใจได้มากนัก เนื่องจากเครือข่ายและองค์กร ของกลุ่มก่อการร้ายยังคงกบดาน และยังมีการเคลื่อนในพื้นที่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะเปิดแผนยุทธการ เพื่อปราบปราม และทำลายเครือข่ายดังกล่าว เพื่อกดดันไม่ให้กลุ่มโจรก่อเหตุความรุนแรงรายวัน และกดดันเพื่อลดศักยภาพการเคลื่อนไหวฝ่ายตรงข้าม โดยเจ้าหน้าที่ระดับ ผู้บังคับการ ผกก.และนายอำเภอ ต้องสนับสนุนหน่วยกำลังที่ส่งเข้าไปทำงานในพื้นที่เสี่ยงอันตราย ด้านงบประมาณ ยุทโธปกรณ์ ให้มากเป็นกรณีพิเศษ
รวมถึงการดึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชรบ. และอรบ.ในพื้นที่หมู่บ้าน โดยคัดกรองให้เข้ามาทำงานร่วมกับฝ่ายทหาร ตำรวจ และปกครองในการรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านทุกแห่ง โดยเฉพาะพื้นที่โซนสีแดง จะต้องนำ ชรบ.และอรบ.มาฝึกทบทวนยุทธวิธี เพื่อทำหน้าที่เชิงรับ ซึ่งในปีที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ฝึกทบทวนให้แก่ ชรบ.และ อรบ.แล้ว 295 หมู่บ้าน และที่สำคัญทุกฝ่ายจะต้องทำงาน ด้านจิตวิทยามวลชนในเชิงรุกให้มากขึ้นกว่าเดิม เพื่อดึงประชาชนให้ความร่วมมือกับทางการ และหากหมู่บ้านใดเริ่มให้ความร่วมมือกับรัฐมากขึ้น เจ้าหน้าที่จะต้องลงพื้นที่เพื่อสร้างเป็นหมู่บ้านเข้มแข็งต่อไป
เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (10 ม.ค.) ที่ห้องประชุมโรงแรมอิมพีเรียล อ.เมืองนราธิวาส นายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ ผู้ว่าราชการ จ.นราธิวาส พล.ต.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการเฉพาะกิจนราธิวาส พล.ต.ต.ยงยุทธ เจริญวานิช รอง ผบภ.ช.9 ได้ร่วมเป็นประธาน เพื่อมอบนโยบายบูรณาการแนวทาง การปฏิบัติงานความมั่นคงในพื้นที่ จ.นราธิวาส ให้แก่หัวหน้าส่วน นายอำเภอ ผกก. รอง ผกก.ปราบปราม ผบ.พัน ผบ.ร้อย จำนวน 210 นาย ในพื้นที่ 13 อำเภอ ของ จ.นราธิวาส เพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้บังคับบัญชาในแต่ละพื้นที่ได้ปรับการปฏิบัติในเชิงรุก ตามนโยบายเสริมสร้างความสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้
ทางด้าน พล.ต.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการเฉพาะกิจนราธิวาส กล่าวในที่ประชุมว่า ในพื้นที่ จ.นราธิวาส มีการแบ่งโซลหมู่บ้าน เป็น พื้นที่สีเขียว 130 หมู่บ้าน โซนสีเหลือง 58 หมู่บ้าน และโซลสีแดง 18 หมู่บ้าน ซึ่งถือเกณฑ์ 2 ขั้นตอน อาทิ พื้นที่สีเขียว ประชาชนให้ความร่วมมือกับรัฐมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ปกครอง เข้าทำงานได้อย่างสะดวกและมีความปลอดภัยค่อนข้างดี ส่วนพื้นที่เหลืองจะลดหย่อนตามไป
โดยเฉพาะพื้นที่โซนสีแดง ถือเป็นที่เสียงภัยอันตรายต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ ประชาชนยังให้ความร่วมมือกับรัฐน้อยมาก และเป็นพื้นที่เคลื่อนไหวฝ่าย เครือข่ายโจรก่อการร้ายในพื้นที่ ซึ่งที่ในห้วงระยะเวลาเวลาผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย ประกอบด้วย ปกครอง ตำรวจ ทหาร ได้ทำงานร่วมกับและเดินในแนวทางเดียวกัน สามารถเปิดแผนยุทธการป้องกันปราบปราม จู่โจมตรวจค้นในพื้นที่หมู่บ้านเป้าหมายจนสามารถจับกุมแกนนำแนวร่วม และสมาชิกอาร์เคเคได้หลายราย จึงขอให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายยึดแนวทางการทำงานร่วมกันอย่างจริงจัง
ผู้บัญชาการเฉพาะกิจนราธิวาส ยังได้กล่าวอีกว่า แม้สถานการณ์เหตุความไม่สงบจะเบาบางในระยะนี้ แต่ยังไม่สามารถไว้วางใจได้มากนัก เนื่องจากเครือข่ายและองค์กร ของกลุ่มก่อการร้ายยังคงกบดาน และยังมีการเคลื่อนในพื้นที่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะเปิดแผนยุทธการ เพื่อปราบปราม และทำลายเครือข่ายดังกล่าว เพื่อกดดันไม่ให้กลุ่มโจรก่อเหตุความรุนแรงรายวัน และกดดันเพื่อลดศักยภาพการเคลื่อนไหวฝ่ายตรงข้าม โดยเจ้าหน้าที่ระดับ ผู้บังคับการ ผกก.และนายอำเภอ ต้องสนับสนุนหน่วยกำลังที่ส่งเข้าไปทำงานในพื้นที่เสี่ยงอันตราย ด้านงบประมาณ ยุทโธปกรณ์ ให้มากเป็นกรณีพิเศษ
รวมถึงการดึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชรบ. และอรบ.ในพื้นที่หมู่บ้าน โดยคัดกรองให้เข้ามาทำงานร่วมกับฝ่ายทหาร ตำรวจ และปกครองในการรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านทุกแห่ง โดยเฉพาะพื้นที่โซนสีแดง จะต้องนำ ชรบ.และอรบ.มาฝึกทบทวนยุทธวิธี เพื่อทำหน้าที่เชิงรับ ซึ่งในปีที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ฝึกทบทวนให้แก่ ชรบ.และ อรบ.แล้ว 295 หมู่บ้าน และที่สำคัญทุกฝ่ายจะต้องทำงาน ด้านจิตวิทยามวลชนในเชิงรุกให้มากขึ้นกว่าเดิม เพื่อดึงประชาชนให้ความร่วมมือกับทางการ และหากหมู่บ้านใดเริ่มให้ความร่วมมือกับรัฐมากขึ้น เจ้าหน้าที่จะต้องลงพื้นที่เพื่อสร้างเป็นหมู่บ้านเข้มแข็งต่อไป