นครศรีธรรมราช - กกต.นครศรีฯ เผยเขต 4 เมืองคอนเห็นควรยกคำร้องซ้ำอีก 2 สำนวนหลังพบมีแนวทางเดียวกันกับคำร้อง “สุรชัย แซ่ด่าน” รับหนักใจท้องถิ่นแข่งดุเงินหนักส่งผลการเมืองระดับชาติแฉซื้อยกครัว
วันนี้ (9 ม.ค.) นายธงชัย วรรณธนะพิศิษฐ์ ผอ.กกต.นครศรีธรรมราช เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการยื่นคำร้องคัดค้าน นายสุรเชษฐ์ มาศดิตถ์ และ น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 4 พรรคประชาธิปัตย์ (รับรองแล้ว) ซึ่งมีการยื่นคำร้องโดยนายชัยสิรัตน์ ตรึกตรอง อดีตผู้สมัครจากพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา และนายชัยนาท ทิพย์รักษา ผู้สมัครจากพรรคเพื่อแผ่นดิน ในเขตเดียวกันในฐานความผิดตามมาตรา 53 วงเล็บ 5 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.-ส.ว.2550 นอกเหนือจากกรณีนายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ อดีตผู้สมัครจากพรรคพลังประชาชนที่ถูก กกต.ได้พิจารณาและสั่งยกคำร้องไปแล้วนั้น
นายธงชัย วรรณธนะพิศิษฐ์ ผอ.กกต.นครศรีธรรมราช กล่าวว่าหลังจากที่ กกต.ได้มีการยกคำร้องสำนวนของนายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์แล้วนั้น ทางชุดสืบสวนสอบสวนสำนวนร้องคัดค้านของ กกต.ได้มีการพิจารณาร่วมกับ กกต.นครศรีธรรมราช โดยใช้แนวทางคำวินิจฉัยที่ กกต.กลางได้สั่งคำร้องในกรณีของนายสุรชัยมาเทียบเคียงแล้วพบว่า ในการร้องของนายชัยสิรัตน์ และนายชัยนาทนั้น เป็นไปในทำนองเดียวกันมีการบันทึกหลักฐานในลักษณะเดียวกันวันเวลาใกล้เคียงกัน ส่วนนี้ กกต.จังหวัดได้วินิจฉัยในชั้นต้นแล้วได้มีความเห็นควรยกคำร้อง
“อย่างไรก็ตาม ในการแนบความเห็นของ กกต.จังหวัดนั้นไม่ได้สิ้นสุดแต่เป็นความเห็นส่งไปยัง กกต.กลางพร้อมด้วยสำนวน ซึ่งขณะนี้ได้ส่งสำนวนทั้งสองกรณีไปแล้ว ส่วน กกต.กลางจะเห็นอย่างไรนั้นเป็นอีกเรื่อง แต่ถ้าเห็นว่าควรเลือกตั้งใหม่นั้นจะต้องยื่นต่อไปยังศาลฎีกา เนื่องจาก ส.ส.ในพื้นที่ที่ถูกร้องคัดค้านทั้งสองคนนั้นได้ผ่านการรับรองจาก กกต.ไปแล้ว” ผอ.กกต.นครศรีธรรมราชกล่าว
นายธงชัย ยังกล่าวถึงการเลือกตั้งท้องถิ่นโดยเฉพาะ อบจ.ที่จะมีขึ้นหลังจากหมดวาระในวันที่ 13 มีนาคม 2550 นี้ว่าจะมีการสรรหา กกต.ท้องถิ่นและ อบจ.จะต้องส่งแผนการเลือกตั้งก่อนครบวาระ 15 วัน เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการเลือกตั้งให้ กกต. ซึ่งในการเลือกตั้ง อบจ.นั้นพบว่ามีแนวโน้มในการแข่งขันสูง ดังนั้นในการดูแลการเลือกตั้งของ กกต.จะต้องละเอียดรอบคอบตามไปด้วย ภาพรวมที่เกิดขึ้นในการเลือกตั้งท้องถิ่นขณะนี้พบว่าน่าวิตกมากมีการใช้เงินสูงมากขึ้น มีการใช้เทคนิค แท็กติก หลายวิธีการตรงนี้ กกต.ได้มีการเตรียมการที่จะเชิญผู้สมัครในทุกระดับของท้องถิ่นมาคุยกัน
“ที่เป็นห่วงเพราะเมื่อท้องถิ่นมีการใช้เงินมาก และหนักหน่วงจะมีผลต่อการเลือกตั้งระดับชาติ ปัญหานี้เป็นปัญหาที่หนักในขณะนี้เราพบว่ามีการแข่งกันในเรื่องเงิน เทคนิคที่ผู้สมัครใช้ละเอียดรอบคอบมากขึ้นในการใช้เงิน ลักษณะของการซื้อเสียงไม่ใช่ซื้อแบบราย คนแต่จะซื้อแบบยกครอบครัวแบบเหมาจ่าย เพราะมีเรื่องของความผูกพันในครอบครัวเข้ามาเกี่ยวข้อง หากจะซื้อรายหัวแค่ 500 บาท ผู้สมัครหรือทีมงานไม่มั่นใจว่าจะลงคะแนนให้หรือไม่ ตรงนี้ต้องรณรงค์อย่างหนักถึงการแก้ปัญหา โดยเฉพาะในสถานศึกษาจะต้องปลูกฝังเยาวชนในเรื่องนี้อย่างหนักหน่วง เพราะถือเป็นภัยความมั่นคงของชาติในอนาคตอย่างหนึ่ง” ผอ.กกต.นครศรีธรรมราชกล่าว
วันนี้ (9 ม.ค.) นายธงชัย วรรณธนะพิศิษฐ์ ผอ.กกต.นครศรีธรรมราช เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการยื่นคำร้องคัดค้าน นายสุรเชษฐ์ มาศดิตถ์ และ น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 4 พรรคประชาธิปัตย์ (รับรองแล้ว) ซึ่งมีการยื่นคำร้องโดยนายชัยสิรัตน์ ตรึกตรอง อดีตผู้สมัครจากพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา และนายชัยนาท ทิพย์รักษา ผู้สมัครจากพรรคเพื่อแผ่นดิน ในเขตเดียวกันในฐานความผิดตามมาตรา 53 วงเล็บ 5 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.-ส.ว.2550 นอกเหนือจากกรณีนายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ อดีตผู้สมัครจากพรรคพลังประชาชนที่ถูก กกต.ได้พิจารณาและสั่งยกคำร้องไปแล้วนั้น
นายธงชัย วรรณธนะพิศิษฐ์ ผอ.กกต.นครศรีธรรมราช กล่าวว่าหลังจากที่ กกต.ได้มีการยกคำร้องสำนวนของนายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์แล้วนั้น ทางชุดสืบสวนสอบสวนสำนวนร้องคัดค้านของ กกต.ได้มีการพิจารณาร่วมกับ กกต.นครศรีธรรมราช โดยใช้แนวทางคำวินิจฉัยที่ กกต.กลางได้สั่งคำร้องในกรณีของนายสุรชัยมาเทียบเคียงแล้วพบว่า ในการร้องของนายชัยสิรัตน์ และนายชัยนาทนั้น เป็นไปในทำนองเดียวกันมีการบันทึกหลักฐานในลักษณะเดียวกันวันเวลาใกล้เคียงกัน ส่วนนี้ กกต.จังหวัดได้วินิจฉัยในชั้นต้นแล้วได้มีความเห็นควรยกคำร้อง
“อย่างไรก็ตาม ในการแนบความเห็นของ กกต.จังหวัดนั้นไม่ได้สิ้นสุดแต่เป็นความเห็นส่งไปยัง กกต.กลางพร้อมด้วยสำนวน ซึ่งขณะนี้ได้ส่งสำนวนทั้งสองกรณีไปแล้ว ส่วน กกต.กลางจะเห็นอย่างไรนั้นเป็นอีกเรื่อง แต่ถ้าเห็นว่าควรเลือกตั้งใหม่นั้นจะต้องยื่นต่อไปยังศาลฎีกา เนื่องจาก ส.ส.ในพื้นที่ที่ถูกร้องคัดค้านทั้งสองคนนั้นได้ผ่านการรับรองจาก กกต.ไปแล้ว” ผอ.กกต.นครศรีธรรมราชกล่าว
นายธงชัย ยังกล่าวถึงการเลือกตั้งท้องถิ่นโดยเฉพาะ อบจ.ที่จะมีขึ้นหลังจากหมดวาระในวันที่ 13 มีนาคม 2550 นี้ว่าจะมีการสรรหา กกต.ท้องถิ่นและ อบจ.จะต้องส่งแผนการเลือกตั้งก่อนครบวาระ 15 วัน เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการเลือกตั้งให้ กกต. ซึ่งในการเลือกตั้ง อบจ.นั้นพบว่ามีแนวโน้มในการแข่งขันสูง ดังนั้นในการดูแลการเลือกตั้งของ กกต.จะต้องละเอียดรอบคอบตามไปด้วย ภาพรวมที่เกิดขึ้นในการเลือกตั้งท้องถิ่นขณะนี้พบว่าน่าวิตกมากมีการใช้เงินสูงมากขึ้น มีการใช้เทคนิค แท็กติก หลายวิธีการตรงนี้ กกต.ได้มีการเตรียมการที่จะเชิญผู้สมัครในทุกระดับของท้องถิ่นมาคุยกัน
“ที่เป็นห่วงเพราะเมื่อท้องถิ่นมีการใช้เงินมาก และหนักหน่วงจะมีผลต่อการเลือกตั้งระดับชาติ ปัญหานี้เป็นปัญหาที่หนักในขณะนี้เราพบว่ามีการแข่งกันในเรื่องเงิน เทคนิคที่ผู้สมัครใช้ละเอียดรอบคอบมากขึ้นในการใช้เงิน ลักษณะของการซื้อเสียงไม่ใช่ซื้อแบบราย คนแต่จะซื้อแบบยกครอบครัวแบบเหมาจ่าย เพราะมีเรื่องของความผูกพันในครอบครัวเข้ามาเกี่ยวข้อง หากจะซื้อรายหัวแค่ 500 บาท ผู้สมัครหรือทีมงานไม่มั่นใจว่าจะลงคะแนนให้หรือไม่ ตรงนี้ต้องรณรงค์อย่างหนักถึงการแก้ปัญหา โดยเฉพาะในสถานศึกษาจะต้องปลูกฝังเยาวชนในเรื่องนี้อย่างหนักหน่วง เพราะถือเป็นภัยความมั่นคงของชาติในอนาคตอย่างหนึ่ง” ผอ.กกต.นครศรีธรรมราชกล่าว