พัทลุง – ส.ส.“ประชาธิปัตย์” เมืองลุงโต้ “หมอเลี้ยบ” พรรคใดแทรกแซง กกต.ให้ย้อนดูคำพิพากษา “ยุบพรรค-จำคุก 3 หนา” ชี้ยังไม่หยุดพฤติกรรม แนะรับผล “ใบเหลือง-ใบแดง” ไม่ได้ให้ไปฟ้องศาลเหมือน “ถาวร เสนเนียม” แทนชุมนุมกัดดัน
นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)) กล่าวถึงกรณี นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน (พปช.) ออกมาระบุว่า พรรคการเมืองที่ได้ใบเหลืองและใบแดงน้อย น่าจะมีการแทรกแซงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มากกว่าพรรคที่ได้ใบเหลืองใบแดงมาก ว่า ตนเห็นว่า พรรค ปชป.ไม่ว่าจะยุคนี้หรือยุคใด และจะได้ใบเหลืองใบแดงเท่าไรก็ไม่มีพฤติกรรมทุจริตการเลือกตั้งและแทรกแซง กกต.แต่อย่างใด
หากยังสงสัยว่ากลุ่มหรือพรรคการเมืองใดมีพฤติกรรมทุจริตการเลือกตั้ง และแทรกแซง กกต.ให้ไปเปิดคำพิพากษาในคดียุบพรรคและคำตัดสินคดีการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของ กกต.ที่ผ่านมาจะทราบข้อเท็จจริงทั้งหมด และพฤติกรรมดังกล่าวน่าถูกใช้อย่างต่อเนื่องต่อมาจนปัจจุบัน
ส่วนกรณีที่หากไม่เชื่อคำวินิจฉัยการให้ใบเหลือง-ใบแดง กกต.ที่ผ่านมานั้นก็อย่าใช้วิธีกดดันและเดินขบวนให้ปลด กกต.ขอเรียกร้องให้ใช้วิธีเดียวกับพรรค ปชป.และนายถาวร เสนเนียม ใช้ คือ ฟ้องให้ศาลมีคำพิพากษาว่า กกต.ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่
ส่วนกรณีการคาดหมายใบเหลือง-ใบแดง 60 ใบ ของเลขาธิการพรรค ปชป.เป็นตัวเลขที่ทุกคนในพรรคก็คาดหมายเช่นเดียวกัน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวมาจากการรวบรวมหลักฐานและรายงานของผู้สมัครของพรรคที่มีผู้แข่งขันเป็นพรรค พปช.ที่น่าจะกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งได้รายงานมาที่พรรค ปชป.และร้องเรียนไปยัง กกต.ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสูงจนน่าตกใจว่าการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งถือเป็นเรื่องธรรมดาของบางพรรคหรือเป็นนโยบาย
นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)) กล่าวถึงกรณี นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน (พปช.) ออกมาระบุว่า พรรคการเมืองที่ได้ใบเหลืองและใบแดงน้อย น่าจะมีการแทรกแซงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มากกว่าพรรคที่ได้ใบเหลืองใบแดงมาก ว่า ตนเห็นว่า พรรค ปชป.ไม่ว่าจะยุคนี้หรือยุคใด และจะได้ใบเหลืองใบแดงเท่าไรก็ไม่มีพฤติกรรมทุจริตการเลือกตั้งและแทรกแซง กกต.แต่อย่างใด
หากยังสงสัยว่ากลุ่มหรือพรรคการเมืองใดมีพฤติกรรมทุจริตการเลือกตั้ง และแทรกแซง กกต.ให้ไปเปิดคำพิพากษาในคดียุบพรรคและคำตัดสินคดีการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของ กกต.ที่ผ่านมาจะทราบข้อเท็จจริงทั้งหมด และพฤติกรรมดังกล่าวน่าถูกใช้อย่างต่อเนื่องต่อมาจนปัจจุบัน
ส่วนกรณีที่หากไม่เชื่อคำวินิจฉัยการให้ใบเหลือง-ใบแดง กกต.ที่ผ่านมานั้นก็อย่าใช้วิธีกดดันและเดินขบวนให้ปลด กกต.ขอเรียกร้องให้ใช้วิธีเดียวกับพรรค ปชป.และนายถาวร เสนเนียม ใช้ คือ ฟ้องให้ศาลมีคำพิพากษาว่า กกต.ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่
ส่วนกรณีการคาดหมายใบเหลือง-ใบแดง 60 ใบ ของเลขาธิการพรรค ปชป.เป็นตัวเลขที่ทุกคนในพรรคก็คาดหมายเช่นเดียวกัน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวมาจากการรวบรวมหลักฐานและรายงานของผู้สมัครของพรรคที่มีผู้แข่งขันเป็นพรรค พปช.ที่น่าจะกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งได้รายงานมาที่พรรค ปชป.และร้องเรียนไปยัง กกต.ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสูงจนน่าตกใจว่าการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งถือเป็นเรื่องธรรมดาของบางพรรคหรือเป็นนโยบาย