นครศรีธรรมราช – ชาวสวนมังคุดเมืองคอนสุดดีใจ ผลผลิตทะลักออกนอกฤดู ส่งออกญี่ปุ่นรับไม่อั้น เผยราคาสูงถึง กก.ละ 160 บาท หลังปีที่แล้วตกต่ำถึงขีดสุด เหลือแค่ กก.ละ 3 บาท คาดเม็ดเงินกระจายสู่เกษตรร่วม 100 ล้าน
ที่ จ.นครศรีธรรมราช ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในพื้นที่ อ.ท่าศาลา อ.สิชล ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำคลองกลาย มีพื้นที่เกษตรกรรมจำนวนหลายหมื่นไร่ โดยเฉพาะประเภทสวนไม้ผลชนิดต่างๆ
ล่าสุดนั้น พบว่า ได้มีผลผลิตนอกฤดูกาลโดยเฉพาะมังคุด เงาะ ทุเรียน ออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมากแต่มีลักษณะพิเศษ คือ มีผลผลิตเฉพาะพื้นที่ดังกล่าวเท่านั้นส่วนพื้นที่อื่นๆในนครศรีธรรมราช ไม่มีผลผลิตออกมาสู่ตลาดเลย ส่งผลให้ราคารับซื้อสูงมากเป็นประวัติการณ์โดยมังคุดนั้นตกอยู่ที่กิโลกรัมละ 140-170 บาท เงาะกิโลกรัมละ 75-140 บาท ทุเรียนกิโลกรัมละ 55 บาท
นายโกวิทย์ บัวพันธ์ อายุ 36 ปี อยู่ 100 ม.6 ต.สระแก้ว อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ในฐานะประธานศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร ต.สระแก้ว เปิดเผยว่า ในพื้นที่ ต.ตลิ่งชัน ต.กลาย ต.สระแก้ว อ.ท่าศาลา มีการประมาณการผลผลิตเป็นมังคุดนอกฤดูกาลจะออกสู่ตลาดประมาณ 60 ตัน ส่วนชนิดอื่นจะมีเงาะและทุเรียน ออกสู่ตลาดเช่นกันแต่ไม่สามารถประมาณการณ์ได้ว่ามากน้อยแค่ไหน แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นมังคุด
“ช่วงนี้มีการเก็บเกี่ยวแล้วส่งจำหน่ายให้กับผู้รับซื้อซึ่งแข่งขันกับรับซื้อประมาณ 20 รายในพื้นที่ แบ่งออกเป็นจุดราว 20 จุด โดยราคาขณะนี้พบว่าเป็นราคาที่สูงมากเป็นประวัติการณ์เฉพาะมังคุดสูงถึงกิโลกรัมละ 140-170 บาท เงาะกิโลกรัมละ 40-140 บาท ทุเรียนกิโลกรัมละ 46-55 บาท
ปริมาณที่ออกมาสู่จุดรับซื้อในขณะนี้เฉพาะมังคุด ตกราว 1 ตันต่อวัน มูลค่าประมาณ 1.6 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้ที่สูงมากในขณะนี้ เกษตรกรจะเก็บเอามาจำหน่ายแม้ว่าจะได้เพียง 4-5 กิโลกรัมจะมีรายได้เกือบ 1 พันบาทไปแล้ว”
นายโกวิทย์ กล่าวต่อว่า ช่วงนี้เป็นช่วงสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรอย่างแท้จริง โดยฤดูกาลที่ผ่านมาเกษตรกรแทบจะไม่มีรายได้เลย เพราะราคาผลผลิตตกต่ำเป็นประวัติการณ์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และเป็นเกษตรทั้งจังหวัดมังคุดมีราคาต่ำสุดเพียงกิโลกรัมละ 1 บาท ส่วนมังคุดสุกสีดำไม่สามารถขายได้ เงาะต่ำสุดเหลือกิโลกรรัม 1-2 บาท ทุเรียนไม่ถึง 10 บาท
แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ยังมีเกษตรกรที่พลาดท่าเสียทีพ่อค้าแม่ค้าที่มาทำสัญญาแบบเหมาสวนโดยไม่ได้คาดการณ์ว่าราคาผลไม้จะสูงเช่นนี้ บางรายทำสัญญาเหมามังคุดไว้ที่กิโลกรัมละ 40 บาท ในขณะที่ราคาท้องตลาดสูงถึง 140-170 บาท ส่วนต่าง คือ กำไรของพ่อค้าแม่ค้า 2-3 เท่าตัว โดยในสัญญานั้นได้บังคับภาวะจำยอมไว้แล้วว่าหากไม่ขายนั้นจะต้องถูกปรับเป็นเงิน 3 เท่า เช่น เหมาไว้ในราคา 4 แสนบาทจะต้องจ่ายให้กับพ่อค้าถึง 1.2 ล้านบาทเป็นต้นทำให้เกษตรกรเหล่านั้นต้องเสียโอกาส
ตลาดนั้นไม่ได้อยู่ในประเทศไทยเลย มังคุดเหล่านี้จะถูกส่งออกไปยังญี่ปุ่นเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ซึ่งถือว่าขณะนี้เป็นโอกาสทอง โดยมีการคัดคุณภาพสูงสุดโดยที่มีผู้เชี่ยวชาญมาคัดโดยเฉพาะเนื่องจากหากรับซื้อมาแล้วมีน้ำหนักที่หายไปเพราะเน่าเสียแล้วนั่นคือการขาดทุน โดยนายทุนที่มารับซื้อนั้นจะอยู่ที่ จ.ชุมพร และ จ.จันทบุรี เป็นหลัก ซึ่งจากการประมาณนั้นเมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตจนหมดจะสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านละแวกนี้ประมาณไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท
ที่ จ.นครศรีธรรมราช ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในพื้นที่ อ.ท่าศาลา อ.สิชล ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำคลองกลาย มีพื้นที่เกษตรกรรมจำนวนหลายหมื่นไร่ โดยเฉพาะประเภทสวนไม้ผลชนิดต่างๆ
ล่าสุดนั้น พบว่า ได้มีผลผลิตนอกฤดูกาลโดยเฉพาะมังคุด เงาะ ทุเรียน ออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมากแต่มีลักษณะพิเศษ คือ มีผลผลิตเฉพาะพื้นที่ดังกล่าวเท่านั้นส่วนพื้นที่อื่นๆในนครศรีธรรมราช ไม่มีผลผลิตออกมาสู่ตลาดเลย ส่งผลให้ราคารับซื้อสูงมากเป็นประวัติการณ์โดยมังคุดนั้นตกอยู่ที่กิโลกรัมละ 140-170 บาท เงาะกิโลกรัมละ 75-140 บาท ทุเรียนกิโลกรัมละ 55 บาท
นายโกวิทย์ บัวพันธ์ อายุ 36 ปี อยู่ 100 ม.6 ต.สระแก้ว อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ในฐานะประธานศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร ต.สระแก้ว เปิดเผยว่า ในพื้นที่ ต.ตลิ่งชัน ต.กลาย ต.สระแก้ว อ.ท่าศาลา มีการประมาณการผลผลิตเป็นมังคุดนอกฤดูกาลจะออกสู่ตลาดประมาณ 60 ตัน ส่วนชนิดอื่นจะมีเงาะและทุเรียน ออกสู่ตลาดเช่นกันแต่ไม่สามารถประมาณการณ์ได้ว่ามากน้อยแค่ไหน แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นมังคุด
“ช่วงนี้มีการเก็บเกี่ยวแล้วส่งจำหน่ายให้กับผู้รับซื้อซึ่งแข่งขันกับรับซื้อประมาณ 20 รายในพื้นที่ แบ่งออกเป็นจุดราว 20 จุด โดยราคาขณะนี้พบว่าเป็นราคาที่สูงมากเป็นประวัติการณ์เฉพาะมังคุดสูงถึงกิโลกรัมละ 140-170 บาท เงาะกิโลกรัมละ 40-140 บาท ทุเรียนกิโลกรัมละ 46-55 บาท
ปริมาณที่ออกมาสู่จุดรับซื้อในขณะนี้เฉพาะมังคุด ตกราว 1 ตันต่อวัน มูลค่าประมาณ 1.6 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้ที่สูงมากในขณะนี้ เกษตรกรจะเก็บเอามาจำหน่ายแม้ว่าจะได้เพียง 4-5 กิโลกรัมจะมีรายได้เกือบ 1 พันบาทไปแล้ว”
นายโกวิทย์ กล่าวต่อว่า ช่วงนี้เป็นช่วงสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรอย่างแท้จริง โดยฤดูกาลที่ผ่านมาเกษตรกรแทบจะไม่มีรายได้เลย เพราะราคาผลผลิตตกต่ำเป็นประวัติการณ์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และเป็นเกษตรทั้งจังหวัดมังคุดมีราคาต่ำสุดเพียงกิโลกรัมละ 1 บาท ส่วนมังคุดสุกสีดำไม่สามารถขายได้ เงาะต่ำสุดเหลือกิโลกรรัม 1-2 บาท ทุเรียนไม่ถึง 10 บาท
แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ยังมีเกษตรกรที่พลาดท่าเสียทีพ่อค้าแม่ค้าที่มาทำสัญญาแบบเหมาสวนโดยไม่ได้คาดการณ์ว่าราคาผลไม้จะสูงเช่นนี้ บางรายทำสัญญาเหมามังคุดไว้ที่กิโลกรัมละ 40 บาท ในขณะที่ราคาท้องตลาดสูงถึง 140-170 บาท ส่วนต่าง คือ กำไรของพ่อค้าแม่ค้า 2-3 เท่าตัว โดยในสัญญานั้นได้บังคับภาวะจำยอมไว้แล้วว่าหากไม่ขายนั้นจะต้องถูกปรับเป็นเงิน 3 เท่า เช่น เหมาไว้ในราคา 4 แสนบาทจะต้องจ่ายให้กับพ่อค้าถึง 1.2 ล้านบาทเป็นต้นทำให้เกษตรกรเหล่านั้นต้องเสียโอกาส
ตลาดนั้นไม่ได้อยู่ในประเทศไทยเลย มังคุดเหล่านี้จะถูกส่งออกไปยังญี่ปุ่นเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ซึ่งถือว่าขณะนี้เป็นโอกาสทอง โดยมีการคัดคุณภาพสูงสุดโดยที่มีผู้เชี่ยวชาญมาคัดโดยเฉพาะเนื่องจากหากรับซื้อมาแล้วมีน้ำหนักที่หายไปเพราะเน่าเสียแล้วนั่นคือการขาดทุน โดยนายทุนที่มารับซื้อนั้นจะอยู่ที่ จ.ชุมพร และ จ.จันทบุรี เป็นหลัก ซึ่งจากการประมาณนั้นเมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตจนหมดจะสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านละแวกนี้ประมาณไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท