xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป) อาหารสุขภาพที่สั่งได้เลยไม่ต้องรอนาน “แพชชั่นฟู้ด” เติบโตมากับเดลิเวอรี่ 7 ปีขยาย 2 สาขาใจกลางกรุงฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ของเราลูกค้าจะจดจำเราได้ว่า กินด่วน ส่งด่วนแบบร้อน ๆ เป็นแบบเมนูที่เห็นและก็เข้าใจง่าย เมื่อก่อนเวลาที่เราจะกินอาหารสุขภาพเราต้องเป็นการพรีออร์เดอ ก็เลยอยากจะเอาเหมือนกับจุดช่องว่างตรงนี้มาปรับใช้กับเรา ทำไมต้องรอ? ในเมื่อเราอยากจะกินน่ะ


วันนี้ฉันอยากจะแบบ ‘พุง’ ลดลงอย่างเงี้ย กินได้เลยไหม? กะเพราแบบไม่ใส่น้ำมันอะไรอย่างเงี้ย ก็เลยเป็นที่มาว่ามันจะต้องตอบโจทย์ลูกค้าในเรื่องนี้ หิวเมื่อไหร่ก็สั่งทานได้เลย อยู่ที่ออฟฟิศวันนี้อยากกิน‘คลีน’ เพราะว่าแคนทีนมีแต่อะไรมัน ๆ อะไรแบบนี้ ก็กดสั่งมาได้ที่เราแล้วรออีกไม่กี่อึดใจ(ไม่เกิน 60 นาที) ก็ได้ทานแล้ว” สุวิภา จารุทิกร หรือ คุณซอส เจ้าของแบรนด์อาหารคลีนชื่อร้าน ‘PASSIONFOOD’ ที่ต้องขออนุญาตตั้งฉายาให้ว่าเป็น Survivor สุดปัง! ตัวจริงอีกหนึ่งธุรกิจ หากกล่าวสำหรับห้วงเวลาที่แจ้งเกิดมาในยุคของ Covid-19 แต่ทว่าเป็นอะไรที่เหมือนเกิดถูกที่ ถูกเวลา และด้วยจังหวะที่เหมาะพอดี ทำให้การเติบโต “ไวมาก” แบบก้าวกระโดดมาตั้งแต่เปิดได้เพียงแค่ 6 เดือนแรกเท่านั้นเอง!“คือช่วงนี้คำว่า Longevity เนี่ยมา มาแรงมาก การมีสุขภาพแบบยืนยาว คุณภาพชีวิตที่ดี มีคำว่า Healthspan /Lifespan คืออายุขัยของชีวิตกับ healthspan ที่เป็นความสุขภาพดีแบบยืนยาวนาน 60 /70 ก็ยังเตะบอลกับหลานได้อยู่(หัวเราะ) อะไรพวกนี้ค่ะ เทรนด์แบบนี้มันกำลังมา มันก็เลยทำให้ทุกคนเริ่มดูแลสุขภาพและหนูคิดว่ามันจะเป็นไปเรื่อย ๆ เพราะว่า มันก็จะมีเหมือนกับ คำที่บอกว่าเราอ่ะเดี๋ยวมนุษย์ก็ต้องอยู่ได้แบบถึง 100 ปี มันมีคำนี้ขึ้นมา แล้วเทคโนโลยีมันก็มาแบบ AI ก็มา เทคโนโลยีในการที่ทำให้เรามีชีวิตยืนยาวที่ดีขึ้นก็มาอย่างเงี้ยค่ะ แต่ “อาหาร” เนี่ยเป็นอะไรที่ทดแทนไม่ได้ มนุษย์ยังจะต้องบริโภคอาหารที่เป็นอาหารหลักอยู่”




ทนเสียงของ PASSION ในหัวไม่ไหว ตัดสินใจทิ้งเงินเดือนหลักแสน! เพื่อมาเริ่มธุรกิจ
ก็จริง ๆ จบเทคนิคการแพทย์นะคะ ดูไม่ได้ตรงกับปัจจุบันนี้ที่ทำเลย หนูจบสาขากิจกรรมบำบัด ก็จะเป็นเหมือนกับว่าเอากิจกรรมมารักษาผู้ป่วย แล้วก็แต่ว่าบังเอิญว่าเรารู้สึกว่าชอบ “การค้าขาย” ชอบอาหาร“คุณแม่ทำธุรกิจอาหารมาตั้งแต่เราเด็ก เราก็จะเติบโตมากับครัวกับการที่ต้องมาช่วยแม่โขลกน้ำพริก ช่วยแม่ทำไข่พะโล้อะไรเงี้ยค่ะ แกงส้มทำยังไง อะไรเงี้ยก็จะแบบรู้ว่าต้องทำแบบไหน และก็จุดเริ่มต้นของ ‘PASSIONFOOD’ นะคะ ก็เริ่มจากการที่เราเป็นพนักงานประจำ(เคยทำงานประจำมาก่อน) ตำแหน่งสุดท้ายเนี่ยก็คือเป็นผู้อำนวยการฝ่ายขายอาหารและเครื่องดื่มในโรงแรมที่นึงค่ะ แล้วก็เราก็ลาออกมาทำอยากทำธุรกิจของตัวเองอย่างเงี้ยค่ะ”ซึ่งตอนนั้นเนี่ยเป็นช่วงโควิดฯ พอดี แล้วก็ เราก็เริ่มจากธุรกิจเล็ก ๆ เลยในบ้าน ในโรงรถ ซึ่งหนูก็เชื่อว่าหลายคนคงเริ่มธุรกิจจากในบ้าน/ในโรงรถ ณ ช่วงเวลาตอนนั้น“ยังจำได้เลยว่าเราเริ่มจากแบบ หุงข้าวในหม้อ 1.8 ลิตร หุงใบเล็ก ๆ จากแบบลูกค้า 2-3 คน กลายเป็นแบบ 10 คน 20 คน มันเติบโตจนกลายเป็นว่าเราทำอาหารทีค่ะแบบ 200-300 กล่อง เพื่อส่งให้ลูกค้า แล้วก็ประจวบกับช่วงนั้นน่ะค่ะ Delivery เข้ามาในไทยพอดี เป็นช่วงแรกที่แบบใครขายเดลิเวอรี่เนี่ยก็จะเหมือนกับ เขาเรียกว่ามี “โอกาส”ในการที่จะไปหาลูกค้าได้ก่อนใครอย่างเงี้ยค่ะ มันก็เลยทำให้เราเติบโตแบบมาเรื่อย ๆ”


จริง ๆ เงินเดือนหนูแบบเยอะนะ เป็นหลักแสน และก็แต่ยังไงไม่รู้! มันแบบเอ๊ยมันอยากเป็นเจ้าของธุรกิจตัวเอง ลาออกมาเองไม่ได้เกี่ยวกับการถูกบีบให้ลาออกจากงานเลย ตอนนั้นคือเหมือนกับว่า “ฉันอยากจะเป็นเจ้าของธุรกิจ” เพราะว่าสมัยที่ต้องเอ็นทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยเนี่ย เราอยากเรียนบริหารธุรกิจแต่ว่า “พ่อ” ไม่ยอมพ่อบอกว่า เธอต้องไปสายแพทย์ แต่เราไม่ติดหมอไง(หัวเราะ) เราก็เลยต้องไปเทคนิคการแพทย์เพราะเราสอบติดสาขานี้แทน “อยากจะเริ่มธุรกิจเป็นของตัวเองแล้วหนูชอบเรื่องสุขภาพ มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วแบบ แล้วก็หนูก็จะแบบไม่ได้ไปกินแบบของอะไรที่ไม่ค่อยดีกับสุขภาพเลยค่ะ คือชอบตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว และก็ฝึกทำอาหารมาตั้งนานแล้ว แล้วเราก็รู้สึกว่าเราอยากเอาอะไรที่แบบเราชอบน่ะค่ะมาทำเป็นธุรกิจตัวนี้”หนูเรียนเทคนิคการแพทย์หนูก็จะมีความรู้ว่า มนุษย์คนเราเนี่ยการจะต้องมีสุขภาพดีได้ มันประกอบด้วยอะไรบ้าง มันไม่ใช่แบบ “อาหาร” อย่างเดียวมันก็จะมีเรื่องแบบ “จิตใจ” ใช่ไหม เราก็จะรู้ว่าคน ๆ หนึ่งเนี่ยจริง ๆ การจะมีสุขภาพดีมันประกอบด้วยหลายอย่างมากเลย และก็สิ่งที่เรียนมาก็มาใช้เหมือนกับการบริหารจัดการคนได้ด้วย เพราะว่าเราเรียน “จิตวิทยา” เล็ก ๆ มาด้วย




แต่ว่าช่วงแรก ๆ ก็มีแป๊กเหมือนกันเคยขาย “มีหน้าร้าน” แต่โมเดลธุรกิจตอนนั้นยังไม่ชัด
จริง ๆ ก่อนหน้านี้ก็เคยเปิดขายแบบ “มีหน้าร้าน” อยู่ที่ใต้ถุนตึกเอสซีบี พาร์ค พลาซ่า คิดว่าเป็นตึกสำนักงานใหญ่มากเป็นแบบ สำนักงานใหญ่ของประเทศใช่ไหมเราก็คิดว่าลูกค้าน่าจะเยอะ แต่เราลืมคิดไปว่าพนักงานออฟฟิศ(พนักงานแบงก์ด้วย) เขาทำงานเช้า-เลิกงาน16.00น. เสาร์-อาทิตย์ไม่มาทำงานเลย “เพราะฉะนั้นหนูมีช่วงระยะเวลาขาย 5 วัน แล้วชั่วโมงการขายสั้นมาก มันเลยทำให้รายจ่ายกับรายรับมันไม่บาลานซ์กัน และก็โมเดลธุรกิจตอนนั้นของเราก็คือว่าเรารับของคนอื่นมาขาย เรากินค่าส่วนต่าง 30% เพราะฉะนั้นกำไรมันไม่พอ” เราก็เลยต้องพับเสื่อกลับบ้าน แต่ว่าสิ่งที่ได้ในตอนนั้นคือเราเห็นแล้วว่า “อาหารสุขภาพ” ตลาดมีความต้องการ แล้วเราก็มีการนำร่องมาก่อนแล้วเราเริ่มสร้าง “เพจ” มาตั้งแต่สมัย 7-8 ปีที่แล้ว เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม อะไรที่ฟรีในตอนนั้นเราใช้ทั้งหมดเลย ไลน์โอเอ ไลน์มายช้อปหนูใช้หมดเลย เพื่อที่เหมือนกับว่าให้ลูกค้ารู้จักเรา


แล้วพอมาเข้าสู่ระบบของ “เดลิเวอรี่” ซึ่งมันได้จังหวะกันพอดี ไรเดอร์มารอหน้าบ้าน 20-30 คัน คือมันเป็นแบบนี้ทุกวันเลย จนเรามีปัญหากับเพื่อนบ้าน “เพราะว่า(หัวเราะ) เพราะว่าเราทำแบบเริ่มแบบสตาร์ทอัพใช่ไหมคะ ใช้โรงรถเนี่ยมันไม่ได้มีระบบ hood ดูดอากาศ ไม่ได้มีระบบบำบัดน้ำเสีย แล้วเสียงกระท้งกระทะ มันก็เลยทำให้มีปัญหากับเพื่อนบ้านแถวนั้น เราก็ต้องย้ายมาแบบเป็นออฟฟิศ มาทำบริษัทเป็นแบบเป็นจริงเป็นจังอะไรเงี้ยค่ะ ถ้าอยากเติบโตก็ต้องแบบย้าย”หมายถึงตรงนี้(ออฟฟิศสุขุมวิท71) เพราะว่าบ้านอยู่เส้นนี้เลย เราไม่อยากใช้เวลาเข้าออฟฟิศนาน 5 นาทีมาถึง แล้วก็โซนสุขุมวิทเนี่ยมันยังเป็นโซนที่แบบ เหมือนกับใกล้ย่านของออฟฟิศหรือเป็นเรสซิเด้นท์แอเรียด้วย หมู่บ้านแถวนี้ก็พอมีอะไรอย่างเงี้ยค่ะ เข้าอโศก สุขุมวิท พระราม4 บางนาได้ มันก็เลยเหมือนกับว่าเป็นโลเกชั่นที่ดีมาก ๆ“ประมาณ 6 เดือนค่ะ บริษัทเกิดขึ้นมาในระยะเวลาเพียง 6 เดือน เพราะมันมีเรื่อง “รายได้” เข้ามาที่มันจะเกินแล้วนะ(หัวเราะ) จะเกินแล้วจะยังไง? ก็เลยต้องจดบริษัทแล้วก็ต้องแบบว่า มีระบบบัญชีมีอะไรแบบหน้ามือเป็นหลังมืออะไรเงี้ยค่ะ”แต่ว่าเหนือสิ่งอื่นใดก็ทำด้วยใจรักจริง ๆ ค่ะ เหมือน ๆ ตามชื่อเลยว่า ‘Passion’ รอดไม่รอดไม่รู้! แต่ทำให้ดีไว้ก่อน เดี๋ยวมันก็ไปเอง(หัวเราะ)




“อาหารสุขภาพ” คือคำตอบที่ใช่ ต้องเกาะติด “เทรนด์” ไว้เพื่อไม่ให้ตกขบวน
ทุกอย่างที่มันเติบโตขึ้นมาไม่ว่าจะเป็น ในเรื่องของคนงาน เมื่อก่อนเรามี 5 คน ตอนนี้เรามีพนักงาน 40 ชีวิต(เยอะมาก) แล้วก็เรามีในเรื่องของ “สินค้า”เรื่องเมนูอาหารที่มันจะต้องแบบพัฒนาตลอด “เพราะเทรนด์แต่ละช่วงปีเนี่ย ไม่เหมือนกัน หนูต้องเกาะเทรนด์ด้วยเพื่อที่จะให้หนูไม่หลุดเทรนด์ ลูกค้าไม่กิน “คลีน” ไม่เป็นไรแต่ขอให้ ลูกค้าได้กินอาหารตามเทรนด์แต่เป็นเวอร์ชันสุขภาพ คืออาหารสุขภาพที่คนส่วนใหญ่เข้าใจกันก็คือ รสชาติมันจะต้องจืด เนื้อสัตว์หรือไก่จะต้องเป็นอกไก่เท่านั้น มีแค่ไก่ต้ม ไก่ย่างจิ้มน้ำพริก มีผัก มีข้าว แต่ว่าเราอยากจะทำให้ความสุขภาพดีมันอยู่แบบยั่งยืน กับคน ๆ หนึ่ง และก็เวลาที่เขาอยากจะแบบดูแลสุขภาพหนูอยากให้เขานึกถึงเรา เป็นแบรนด์อาหารแรก”มันก็เลยทำให้เราอยู่ได้มาเป็น 6-7 ปีแล้ว เป็นอาหารสุขภาพที่ปรุงแบบอร่อย กินได้ทุกวัน ได้ทุกวัยเพราะว่าอาหารเรามีหลากหลาย เผ็ด/ไม่เผ็ด คนสูงอายุกินได้แบบคุณแม่สั่งให้ลูกได้ หรือคนวัยทำงานก็ทานได้“กว่าจะออกเมนู เมนูนึงได้ต้องคิดค่อนข้างเยอะ คือซอสจะนึกถึงลูกค้าก่อนว่าถ้าเราออกเมนูนี้มา เขาจะกินไหม ไม่ใช่แบบว่าตามสไตล์ที่เราชอบแต่เราจะคิดว่า ถ้าเราออกเมนูตัวนี้มาลูกค้าจะกินไหม รสชาติอร่อยไหม และก็เราก็จะคำนวณแคลอรี่ให้ด้วยว่าจานนี้ ลูกค้ากินไปได้แคลอรี่ทั้งหมดเท่าไร โปรตีนเยอะไหม มี Fat เท่าไร มีคาร์โบไฮเดรตหรือแป้งเท่าไร อย่างเงี้ยค่ะแล้วก็ มันก็จะเริ่มจากพวกวัตถุดิบทั้งหมดด้วยก็คือต้องแบบ เป็นของดี เนื้อสัตว์ก็คือแบบไม่ติดมันหรือติดมันน้อยที่สุด ทุกอย่าง เครื่องปรุงก็คือของดีหมด”


และก็เข้ามาในร้านเราเนี่ย เรามีทั้งเครื่องดื่ม ของว่าง ผลไม้พร้อมทาน อาหารคาว คือมีครบเลยเข้ามาในร้านเราเนี่ยกดสั่งได้หมดเลย ไม่ต้องไปร้านอื่นแล้วลูกค้าถามเรามาเยอะ ว่าแบบเอ๊ยมีเมนูหรือว่ามีโปรแกรมที่เป็นลด “แป้ง” ไหม? เราก็บอกว่ามี คือนอกจากในเดลิเวอรี่ค่ะซอสมีโปรแกรมแบบ คล้าย ๆ โปรแกรมลดแป้งที่เหมือนกับ “ผูกปิ่นโต” กับร้านทุกวัน ลูกค้าก็สามารถแบบไม่ต้องคิดเลยว่าฉันจะกินอะไรในวันนี้ เราคิดให้แล้วเมนูก็จะเป็นการลดแป้งให้กับลูกค้าจริง ๆ” ลูกค้าที่สั่งเราเนี่ยส่วนใหญ่คนที่รักสุขภาพเขาจะมีความรู้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเราต้องให้ความรู้กับลูกค้าได้


ตอบโจทย์โภชนาการครบจบในมื้อ “ราคา” ไม่ฮาร์ดคอร์ก็มีให้เลือกได้
เมนูมีทั้งอาหารไทยและเทศ เพื่อไม่ให้เบื่อ เรียกได้ว่าเมนูอาหารปกติมีอะไรเมนูของที่นี่ก็จะเอามาทำด้วยแต่ว่าเป็นเวอร์ชั่นของอาหารสุขภาพ “ยกตัวอย่างพาสต้าผัดฉ่าอย่างเงี้ยค่ะ เส้นพาสต้าเนี่ยเราใช้เส้นโปรตีนสูงที่มันไม่มีแป้ง อันนี้คือจะเป็นแบบฮาร์ดคอร์เลย ก็จะเป็นเส้นพาสต้าโปรตีนสูง หรือข้าวตอนนี้ร้านเรา จะเริ่มมีออฟชั่น “ข้าวบุก” แล้วปกติข้าว 1 ทัพพี มันจะให้แคลอรี่ประมาณ 100 กว่านิด ๆ ใช่ไหมคะ แต่ข้าวบุกในปริมาณเท่ากันให้แคลอรี่แค่ 60 เอง ลดลงไปตั้งครึ่งหนึ่ง ลดแป้งด้วยแต่อิ่ม” อิ่มเท่าเดิม และก็ทดสอบมาแล้วว่ามันทำให้น้ำหนักเราลดได้จริง ๆ โดยที่เรายังเอ็นจอยกินข้าวอยู่ เพราะมันเป็นข้าวบุกที่ให้สัมผัสเป็นแบบข้าวเลย “ให้ลูกค้ายังรู้สึกว่าfull fill อยู่ว่าเอ๊ยมันอิ่ม มันอยู่ท้องนะ ไม่ใช่แบบว่าให้ลูกค้ากินน้อยนะคะ การที่จะลดน้ำหนักได้ยั่งยืนน่ะมันต้องกินแบบ มันไม่ต้องอดนะคะแต่ว่ามันต้องครบ เพื่อให้ร่างกายเนี่ยมันไม่ขาดสารอาหาร”

ราคาแพงไหม? เพราะส่วนใหญ่คนก็มักจะเกร็งกับเรื่องของราคาถ้าพูดถึง อาหารสุขภาพคือของ Passion Food เนี่ยราคาจะอยู่กลาง ๆ กินได้ทุกวัน 129 บาทไปจนถึง 299 จะเป็นเมนู “ปลาแซลมอน” นะคะคือความหลากหลายของราคาเนี่ยก็ ก็มีแบบตั้งแต่ราคาประมาณนี้ แต่ว่าในบริษัทเราน่ะค่ะเรามีอาหารคลีนเนี่ย(อาหารสุขภาพ) หลากหลายแบรนด์เพื่อตอบโจทย์คนหลากหลายกลุ่ม หนูมีอาหารสุขภาพอีกแบรนด์หนึ่งชื่อ Guinginclean เป็นแบรนด์ที่ทำมาเพื่อเด็กที่จบใหม่ เงินเดือนน้อยอะไรเงี้ยค่ะเพื่อให้เข้าถึงได้ง่าย ราคา 88 บาทถึง 99 บาท ราคาไม่แพงและก็เขยิบขึ้นมากลุ่มที่มีกำลังซื้อก็จะเป็น PASSIONFOOD นะคะและก็ จะมีอีกแบรนด์หนึ่งที่เราทำเป็นอาหารสุขภาพสำหรับเด็กชื่อ Happy Tummy ก็จะเป็นส่งโรงเรียนค่ะ สมมติว่าโรงเรียนไหนที่ไม่มีครัวก็สามารถใช้เซอร์วิสเราได้”



เติบโตมากับการขายผ่าน DELIVERY กว่า 7 ปีขยาย 2 สาขาใจกลางกรุงเทพฯ
เราไม่มีหน้าร้านนะคะเราขายผ่านเดลิเวอรี่เนี่ย อุปสรรคหรือว่าความ เขาเรียก Challenge แล้วกันค่ะ ความท้าทายก็คือเรื่องของ GP “คือการที่เราจะต้องเสียค่าการตลาดกับ‘แพลตฟอร์ม’ อะไรเงี้ยค่ะ และก็อาจจะเป็นช่วงที่ว่าวัตถุดิบแพง ในแต่ละช่วงเวลา เราก็จะต้องแบบจัดการต้นทุนตรงนี้ให้ดีเพราะว่า ‘กำไร’ เราจะไม่ได้เยอะเหมือนหน้าร้าน ที่แบบไม่ต้องเสียค่า GP อะไรแบบนี้ค่ะ เป็นสิ่งที่ต้องจัดการมาตลอดในการทำธุรกิจ” เราต้องพึ่งพิงเขา คือเราถือว่าเขาเป็นพาร์ทเนอร์หลักของเราเป็นเหมือนกันกับ Business Partner แล้วกันค่ะถ้าไม่มีเขา-ก็ไม่มีเรา ก็เหมือนกับเป็นเพื่อนคู่คิดในธุรกิจแล้วกันช่วยกัน“หนูคิดว่าการที่จะอยู่ในเดลิเวอรี่ได้ค่ะ เราจะต้องคิดราคาให้ถูกต้องตั้งแต่วันแรก เหมือนกับติดกระดุมให้ถูกต้องตั้งแต่เม็ดแรก คิดให้รอบคอบก่อนเพราะว่าถ้าเราใช้ความรู้สึกในการบวกราคาเข้าไปแบบ เออไม่เป็นไรขายในเดลิเวอรี่บวก 9 บาทก็ได้แต่จริง ๆ เราไม่ได้โดนหัก 9 บาท เราโดนหัก 30 บวก ๆ ซึ่งกลยุทธ์ในการคิดราคามันจะต้องถูกต้อง แล้วถ้าคิดราคาถูกแล้วมันแพงไปไหม? กับอาหารที่ลูกค้าได้รับ มันต้องคิดให้รอบคอบอย่างเงี้ยค่ะว่า ประสบการณ์ที่ลูกค้าได้รับกับราคาที่เราบวกอัพ มันโอเคไหม? มันทำให้เขากลับมาซื้อซ้ำได้ไหม” เขาเรียกว่า Customer experience ประสบการณ์ของลูกค้ามันมีไหม? หรือมันแค่ใส่กล่องธรรมดา ถุงหูหิ้วไปจบอย่างเงี้ยค่ะ มันมีอะไรระหว่างทางให้กับลูกค้าไหม? ซอสว่าตรงนี้สำคัญในการที่จะขายราคาในเดลิเวอรี่ได้“ของเราเวลาที่เราปรับ‘ราคา’ ขึ้น เราใช้ด้านมาร์เก็ตติ้งมาช่วย การทำให้โปรดักส์มันดีขึ้นมาช่วย เหมือนกับว่าเมื่อก่อนขายราคาถูก แพ็คเกจจิ้งอาจจะธรรมดาทั่วไปแต่ว่าพอ เราขึ้นราคาเพื่อที่จะขายในแอปเพื่อที่เราจะได้อยู่รอดได้ ไม่ใช่แบบเข้าเนื้อทุก ๆ ปีอะไรอย่างเงี้ยค่ะ เราก็จะมีเรื่องของการคิดคำนวณสารอาหารให้ลูกค้า มี Customer service หลังจากที่ลูกค้าซื้อไปแล้ว”แค่เดลิเวอรี่ยังมี customer service ในการดูแลหลังการขาย คือมันต้องอย่างนั้นเลย(หัวเราะ) มีปัญหาอะไรเคลมได้ ทุกแอดมินได้เลย แล้วแอดมินตอบไว แพ็คเกจจิ้งก็ต้องไม่หก ถุงก็ต้องแบบดูดี ต้องคิดหมดเลย




เมื่อก่อนก็จะมีหลายเจ้า แต่ตอนนี้เรามีพันธมิตรหลักในการทำธุรกิจก็จะมีเดลิเวอรี่เจ้าเดียว ที่เราใช้บริการอยู่ พาเติบโตประมาณนี้ นอกจากนี้ก็ยังมีการทำ “การตลาด” เองควบคู่ไปด้วย“คือเราเองก็ต้องทำเหมือนกันไม่ใช่แบบพึ่งพาเขาอย่างเดียวเพราะว่าเขาเรียกว่า ‘คู่แข่ง’ ในโซเชียลมีเดียมันเยอะใช่ไหมคะ มันต้องเหมือนต้องแอคทีฟตลอดค่ะในฟีด ตอนนี้ก็มีไอจี-อินสตาแกรม มีเฟซบุ๊ก มีติ๊กต่อก ก็มีค่ะส่วนใหญ่จะเป็นการแชร์วิธีการทำเมนู ที่น่าสนใจหรือว่าทริคในการดูแลสุขภาพด้วยอาหารแต่ว่าจะไม่ได้แบบ จะไม่ได้เป็นการให้ความรู้แบบเอ๊ยอันนี้กินดีนะ เพราะว่าลูกค้ารู้อยู่แล้ว แต่ว่าเราอยากจะเอาไอเดียการทำอาหารที่เหมือนกับเอ๊ะเหมือนจะไม่ใช่สุขภาพ แต่มาทำเป็นเฮลตี้ทำยังไง อะไรอย่างเงี้ยค่ะมันก็เลยทำให้ลูกค้าเนี่ยเห็นเราเป็น Expert ด้านนี้ และก็ไว้วางใจในการที่จะสั่งอาหารเรา”

การเติบโตตอนนี้ก็มี 2 สาขา ก็คือ สุขุมวิท 71 และสีลม (วัดแขก) และก็กำลังการผลิตเนี่ยวันนึงก็หลายร้อยบิล (ประมาณ 100-200 บิลอัพ!) ที่มาจากการสั่งออร์เดอ“ครัวเปิด 08.00น.จนถึง 20.00น.(ปิด) บ๊ายบายเข้านอนแล้วนะกู๊ดไนท์(หัวเราะ) เพราะว่าลูกค้าเราไม่กินดึกอยู่แล้ว 20.00น. เราคิดว่าเลทสุดแล้วในการที่ลูกค้าทานอาหาร”ระยะเวลาในการรออาหารหลังจากที่กดสั่งแล้ว หรือไวสุดในการส่งคือ ไม่เกิน 60 นาที แล้วแต่การจราจรแล้วแต่ฝน ถ้าฝนตกเนี่ยจะไม่ค่อยมีไรเดอร์ก็อาจจะรอนานนิดนึงและก็ถ้าเป็นช่วงเร่งด่วนเนี่ยก็อาจจะรอนานนิดนึง แต่จริง ๆ ก็อยู่ในช่วงระยะเวลาไม่เกิน 60 นาที ประมาณนี้




เราจะขายให้ใคร? สำคัญกว่าขายอะไร “โอกาส” ของธุรกิจอาหารสุขภาพ
คุณซอส-สุวิภา จารุทิกร เจ้าของร้านอาหารสุขภาพ ‘PASSIONFOOD’ ยังบอกด้วย เราจะทำอะไร เราจะขายอะไร แต่จริง ๆ เขาบอกว่า “เราจะขายให้ใคร?” สำคัญกว่าขายอะไร ตรงนี้สำคัญกว่าเพราะว่าขายให้ใครเนี่ย มันมีคนรอซื้ออยู่แล้ว อันนี้จะดีกว่า แล้วก็สิ่งที่เราจะออกมาทำไม่ว่าล้มเหลวหรือเจออุปสรรคอะไร เราจะต้องอยู่กับมันให้ได้ตลอด 24 ชม. อยู่ได้ไหม? ถ้าสมมติว่าเราอยู่ได้เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่เรารัก ซอสว่ามันจะทำให้เราอยู่กับมันได้ตลอดไม่ว่าวันนี้ฝนจะตก แดดออก มีปัญหาเราก็จะอยู่กับมันได้ตลอด“สำหรับใครที่อยากจะเข้ามาในธุรกิจอาหารสุขภาพ อาหารคลีนนะคะ ซอสก็เชื่อว่ามันยังมี เขาเรียกว่า ‘ศักยภาพ’ ในการเติบโตอยู่ เพราะว่าผู้เล่นน้อยมันเป็นตลาดกลุ่มเฉพาะ แต่ว่าถ้าจะเข้ามาคุณต้องมีความรู้ด้านนั้นจริง ๆ ที่แบบถ่องแท้เลยว่า คนกินอาหารคลีน คนกินอาหารสุขภาพเนี่ย พฤติกรรมเขาเป็นยังไง เขาชอบอะไร มีอะไรที่ลูกค้าต้องระวัง อันนี้เราต้องรู้ให้แตกฉานก่อนที่จะก้าวเข้ามาในตลาดนี้”ศักยภาพของ ‘PASSIONFOOD’ ในอนาคตหรือว่าการเติบโตเนี่ยซอสว่า เรายังเติบโตได้อีกเรื่อย ๆ คือตอนนี้เรายังได้ลูกค้ากลุ่มในกรุงเทพฯ เท่านั้น แต่อนาคตคิดว่าน่าจะเป็นทั่วประเทศ อาจจะเป็นการออก “อาหารสุขภาพ” ที่สามารถส่งได้ทั่วประเทศ โดยอาหารยังอร่อยอยู่ โดยที่แบบทุกอย่างยังแบบสดใหม่อยู่ อันนี้อาจจะต้องใช้นวัตกรรมหรือเทคโนโลยีในการเข้ามาช่วย“ก็อาจจะเป็นเรื่องของอนาคต ภายในแบบ 3 ปี 5 ปี เพราะว่าอาหารเรามันออกแบบมาเพื่อที่จะทานเลย หรือว่าทานใน 2-3 วัน แบบส่งแบบเดลิเวอรี่ค่ะ ยังไม่ได้ออกแบบมาเพื่อส่งแช่แข็งหรือว่าส่งข้ามจังหวัด”




แล้วก็ที่อยากจะฝากไว้สำหรับผู้ประกอบการยุคใหม่แล้วกันนะคะ การที่เราจะเข้ามาเป็นเจ้าของธุรกิจแล้วเนี่ย มันจะมีภาระในการที่เราต้องเรียนรู้ ถ้าสมมติว่าเราเนี่ยไม่อยากเรียนรู้มันจะพาให้ธุรกิจไปได้ไกลน่ะ ได้ค่อนข้างยาก“การเรียนรู้ในสิ่งที่เราไม่รู้ ซอสว่ามันสำคัญ อย่างเช่นการบริหารจัดการด้าน ‘บัญชี’ การเงิน ภาษี การบริหารจัดการคน เพราะว่ายิ่งคนเยอะปัญหาก็ยิ่งเยอะ เราจะทำยังไงให้แบบเราขับเคลื่อนคน ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยอะไรอย่างเงี้ยค่ะ และก็เรื่องโอเปอเรชั่นต่าง ๆ ในร้านอาหาร การทำ SOP การทำต้นทุนอาหาร อะไรอย่างเงี้ยทำยังไงให้บรรทัดสุดท้ายของธุรกิจมี ‘กำไร’ อันนั้นก็สำคัญ”ก็เลยคิดว่าใครที่จะเข้ามาทำธุรกิจ ต้องมี Passion ในการที่จะเรียนรู้จริง ๆ เอาตัวเองแบบไปเรียนรู้ จนกว่าเราจะรู้แจ้งในเรื่องนั้น ๆ ซอสว่ามันช่วยได้มาก ๆ“คือเรียนรู้ทุกมิติเลยค่ะ พอเรียนรู้ปึ๊บแล้วเรารู้ เราก็จะรู้ทันลูกน้อง ถ้าเราไม่รู้เรื่องนั้นเราจะไม่รู้ทันเขา” หนูว่าเรื่องตัวเลขมันไม่หลอกเรา คือความรู้สึกมันอาจจะหลอกเรานะคะ แต่ตัวเลขไม่เคยหลอกใคร(เจ้านายเก่าสอนมาเราก็เลยใช้หลักการนี้มา) “การทำบัญชีจะช่วยให้เราได้เห็นความเป็นจริงอยู่ตลอด มันขายดีนะ แต่มันมีกำไรด้วย มันก็ไปด้วยกันได้”


อาหารสุขภาพที่สั่งได้เลยไม่ต้องรอนาน “แพชชั่นฟู้ด” เติบโตมากับเดลิเวอรี่ 7 ปีขยาย 2 สาขาใจกลางกรุงฯ ขอบคุณไอเดียดี ๆ สำหรับการทำธุรกิจและแนวคิดเรื่องการเติบโตที่ฝากไปถึงผู้ประกอบการยุคใหม่ซึ่งในฐานะของรุ่นพี่ที่ผ่านประสบการณ์และความสำเร็จอย่างเห็นผลเป็นที่ประจักษ์แล้วในวงกว้างสำหรับ ‘PASSIONFOOD’ และกำลังจะทะยานไปสู่การเติบโตอย่างไม่หยุดนิ่งต่อไป ขอบคุณ “คุณซอส-สุวิภา จารุทิกร’ ซีอีโอคนเก่งที่กรุณาร่วมแบ่งปันเรื่องราวแห่งแรงบันดาลใจที่สำคัญในครั้งนี้



สามารถติดตามหรือสนใจเกี่ยวกับอาหารสุขภาพของร้านช่องทางการติดต่อ FB และ IG : passionfoodbkk
หรือ โทร.092-697-5171


คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด


กำลังโหลดความคิดเห็น