คณะศิลปศาสตร์ DPU ชูหลักสูตร “ภาษา-วัฒนธรรม-ธุรกิจครบวงจร” ปั้นบัณฑิตเรือธงหนุนอุตสาหกรรม Creative Business ระดับสากล กลยุทธ์ก้าวข้ามกำแพงภาษีเอาชนะสงครามกีดกันการค้าโลก ตอบโจทย์ตลาดงานเลือกอาชีพได้หลากหลาย เสริมทักษะ AI ควบคู่ภาษาศาสตร์ พร้อมยกระดับสู่ผู้ประกอบการยุคใหม่ ช่วยขับเคลื่อนประเทศ
ดร.วริศ ลิ้มลาวัลย์ คณบดีคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) เปิดเผยว่า ในปัจจุบันโลกธุรกิจกำลังเผชิญความท้าทายจากการแข่งขันที่รุนแรง และมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศ ส่งผลให้ ภาษาและวัฒนธรรมกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความได้เปรียบ ทั้งด้านการเจรจา การสื่อสาร และการพัฒนาธุรกิจใหม่ที่ตอบโจทย์ตลาดโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจเชิงสร้างสรรค์ (Creative Business) ที่สามารถก้าวข้ามข้อจำกัดจากนโยบายการขึ้นอัตราการเก็บภาษีและอุปสรรคทางการค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ภาษาและวัฒนธรรมยังทำหน้าที่เป็น Soft Power ที่ช่วยเสริมพลังธุรกิจให้มีเอกลักษณ์ แตกต่าง และเข้าถึงผู้คนได้ในระดับสากล ภาษาจึงไม่ได้เป็นเพียงทักษะเพื่อการสื่อสาร แต่เป็นสะพานเชื่อมไปสู่โอกาสใหม่ ๆ ที่กว้างไกลขึ้น บัณฑิตที่มีพื้นฐานด้านภาษาและความเข้าใจในวัฒนธรรมย่อมมีความได้เปรียบในตลาดแรงงาน และยังสามารถต่อยอดไปสู่การเป็นผู้ประกอบการที่สร้างสรรค์ธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดโลกได้อย่างแท้จริง
ดร.วริศ กล่าวต่อไปว่า คณะศิลปศาสตร์ DPU มุ่งพัฒนาหลักสูตรเพื่อการพัฒนาศักยภาพ (Potential Development) ของนักศึกษาทุกมิติ โดยไม่เพียงสอนภาษา แต่ยังบูรณาการความรู้ด้านธุรกิจ วัฒนธรรม และเทคโนโลยีไว้ในหลักสูตร เพื่อพัฒนาศักยภาพเชิงสร้างสรรค์ และสร้างบัณฑิตที่พร้อมทำงานในโลกยุคใหม่ ให้สามารถต่อยอดสู่การเป็นผู้ประกอบการ Creative Business ได้จริง โดย DPU เปิดสอนหลักสูตรที่ครอบคลุมทั้งภาษาและธุรกิจ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม จัดการเรียนการสอน 4 ภาษา ได้แก่ หลักสูตรภาษาอังกฤษธุรกิจ ภาษาจีนธุรกิจ และภาษาตะวันออกเพื่อธุรกิจ โดยในกลุ่มภาษาตะวันออกเพื่อธุรกิจ แบ่งเป็นหลักสูตรภาษาเกาหลี และ ภาษาญี่ปุ่น ซึ่งอาจารย์ผู้สอนมีทั้งอาจารย์ต่างชาติเจ้าของภาษา และอาจารย์ชาวไทยที่มีประสบการณ์ร่วมจัดการเรียนการสอน ทำให้นักศึกษาได้เรียนรู้ครบถ้วนทั้งภาษา การสื่อสาร และวัฒนธรรมจากเจ้าของภาษาโดยตรงไปพร้อมกัน เป็นการ “ปลุกศักยภาพ เปลี่ยนอนาคต” ให้นักศึกษาในเชิงปฏิบัติ
นอกจากนี้ คณะศิลปศาสตร์ DPU ยังมีหลักสูตรอิสลามศึกษาในรูปแบบออนไลน์ 100% ที่ผู้เรียนสามารถศึกษาได้จากทุกที่ โดยผู้สอนที่เป็นคณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอิสลามศึกษาและศาสนาอิสลาม รวมถึงหัวหน้าหลักสูตรซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านฮาลาล สอดคล้องกับการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหาร การส่งออก และการพัฒนาธุรกิจฮาลาล สำหรับผู้สนใจธุรกิจแขนงนี้
“นักศึกษาที่เข้ามาเรียนจะได้ความรู้ธุรกิจขั้นพื้นฐานควบคู่ไปกับการเรียนภาษา โดยการเรียนการสอนครอบคลุมทักษะฟัง พูด อ่าน เขียน การเป็นล่าม และวิชาเฉพาะทาง เช่น ภาษาเพื่อธุรกิจหรือภาษาเพื่อการบริการ เป็นต้น อีกทั้งยังสามารถเลือกเรียนวิชาโทจากคณะอื่น ๆ เพื่อเสริมศักยภาพด้านธุรกิจ ทำให้การเรียนภาษาไม่ได้จำกัดอยู่แค่การสื่อสารทั่วไป แต่สามารถนำไปใช้ในวัตถุประสงค์เฉพาะด้านได้จริง” ดร.วริศ กล่าว
พร้อมย้ำว่า คณะฯ ยังมีความร่วมมือกับสถาบันพันธมิตรในต่างประเทศ จัดโครงการแลกเปลี่ยนและฝึกปฏิบัติงานในต่างแดน เป็นเวลา 1 ปี เพื่อสร้างประสบการณ์ตรงทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ และยังช่วยสร้างความคุ้นเคยในการสื่อสารระหว่างวัฒนธรรมให้กับนักศึกษาไปพร้อมกัน นอกจากนี้ DPU ยังสนับสนุนให้นักศึกษาได้แสดงศักยภาพ และสร้างเครือข่ายระหว่างประเทศ ผ่านการเข้าร่วมแข่งขันในเวทีระดับนานาชาติ เช่น การประกวดสุนทรพจน์ภาษาต่างประเทศ เห็นได้ว่าหลักสูตรศิลปศาสตร์ของ DPU ช่วยเสริมสร้างความได้เปรียบ และเตรียมความพร้อมให้นักศึกษาก้าวสู่การทำธุรกิจข้ามพรมแดน และต่อยอด Soft Power จากภาษาและวัฒนธรรมได้อย่างแท้จริง
ดร.วริศ กล่าวต่อไปว่า แม้ปัจจุบัน AI จะสามารถแปลภาษาต่าง ๆ ได้ แต่ยังไม่สมบูรณ์และไม่สามารถถ่ายทอดความหมายได้อย่างถูกต้องครบถ้วนทุกบริบท อาจก่อให้เกิดความคลาดเคลื่อนในการสื่อสารได้ ดังนั้นนักภาษาศาสตร์จึงยังคงมีบทบาทสำคัญในการตรวจสอบความถูกต้อง ปรับเนื้อหา และควบคุมการใช้งาน AI ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งนี้ DPU ยังสร้าง Ecosystem การเรียนรู้ร่วมกับ AI เพื่อให้นักศึกษาได้ใช้งานอย่างคุ้นเคย โดยนำ AI เข้ามาบูรณาการในการเรียนการสอน สามารถใช้ AI ฝึกสนทนาภาษาต่างประเทศหรือค้นหาข้อมูลเพื่อแก้โจทย์ตามที่ได้รับมอบหมาย โดยระบบ AI ที่ DPU ใช้จะถูกตั้งกรอบให้ไม่หลุดออกนอกประเด็น มีบทบาทเป็นเพียง “ผู้ช่วย” ให้การเรียนรู้ของนักศึกษามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันผู้เรียนยังคงควบคุมคุณภาพและความถูกต้องของเนื้อหาได้ด้วยตนเอง ถือเป็นแนวทาง Potentialigence ที่ผสมผสานศักยภาพมนุษย์เข้ากับศักยภาพเทคโนโลยี
คณบดีคณะศิลปศาสตร์ DPU กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ AI ยังไม่สามารถสร้างอัตลักษณ์หรือเอกลักษณ์ที่นำไปสู่ความสำเร็จในอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย Soft Power และ Creative Business ได้ โดยเฉพาะในยุคที่เกิดการกีดกันทางการค้า หลายประเทศจึงหันมาส่งออกวัฒนธรรมและผลิตคอนเทนต์ออกสู่ตลาดโลกมากขึ้น เช่น K-pop และ K-drama จากเกาหลี การ์ตูนญี่ปุ่น หรือซีรีส์จากประเทศจีน ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยก้าวข้ามกำแพงทางภาษีและเชื่อมโยงกับผู้บริโภคได้โดยตรง ดังนั้น หลักสูตรศิลปศาสตร์ของ DPU จึงตอบโจทย์กับโลกธุรกิจยุคใหม่ และช่วยสร้างโอกาสให้นักศึกษาเข้าสู่อุตสาหกรรมเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น พร้อมเปิดเส้นทางอาชีพที่หลากหลาย ทั้งด้านการโรงแรม การท่องเที่ยว การเป็นนักแปล หรืองานในโรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องใช้ภาษา ไปจนถึงบริษัทข้ามชาติ ซึ่งหากนักศึกษามีทักษะภาษาและความรู้ด้านธุรกิจที่แข็งแกร่ง จะสามารถต่อยอดอาชีพในโลกยุคใหม่ได้อย่างมั่นใจแม้ว่าในอนาคตอาจมีมาตรการการค้าอื่น ๆ เกิดขึ้นอีกก็ตาม ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ https://www.dpu.ac.th/th/faculty-of-arts