กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดย สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทน. จัดพิธีมอบรางวัล “Product Champion” อาหารพื้นถิ่นและอาหารฟังก์ชั่นในพื้นที่อีสาน 3 จังหวัด ได้แก่ จ.ชัยภูมิ จ.มหาสารคาม และจ.เลย มุ่งหวังสร้างการรับรู้การใช้ประโยชน์จากการฉายรังสีในอาหาร และยกระดับผลิตภัณฑ์อาหารพื้นถิ่นให้ปลอดภัยและได้มาตรฐานต่อไป
มอบรางวัล “Product Champion ปี 2568
นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล “Product Champion ปี 2568” ภายใต้การดำเนินงานของสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (สทน.) ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารพระจอมเกล้า สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.อว. กล่าวว่า การถ่ายทอดเทคโนโลยีการฉายรังสีสู่ผู้ประกอบการเพื่อพัฒนาธุรกิจอาหาร เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอาหารในแต่ละภูมิภาคได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล มีความปลอดภัยสูง และช่วยลดการใช้สารเคมีในกระบวนการผลิตอาหารอีกด้วย การจัดงานในครั้งนี้ จึงเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาค พร้อมทั้งเสริมสร้าง Soft Power ด้านอาหารของประเทศให้มีความโดดเด่นยิ่งขึ้น ในโอกาสนี้ ขอแสดงความยินดีกับผู้ประกอบการทุกท่านที่ได้รับรางวัล ซึ่งได้แสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาสูตรอาหารใหม่ ๆ โดยการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยและปลอดภัยมาใช้เพื่อเสริมศักยภาพธุรกิจ ถือเป็นตัวอย่างของการผสมผสานนวัตกรรมเข้ากับภูมิปัญญาท้องถิ่น สามารถต่อยอดธุรกิจอาหารของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จัดเวทีให้ความรู้เรื่องการฉายรังสีในอาหาร
รองศาสตราจารย์ ดร.ธวัชชัย อ่อนจันทร์ ผู้อำนวยการ สทน. กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2568 นี้ สทน.ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏ 3 แห่ง ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย นำเทคโนโลยีนิวเคลียร์ ด้านการฉายรังสีอาหาร ลงไปส่งเสริมกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ผู้ผลิตอาหารพื้นถิ่น อาหารฟังก์ชัน และกลุ่มผู้ประกอบการ SME โดยจัดเวทีให้ความรู้เรื่องการฉายรังสีในอาหาร พร้อมเปิดรับสมัครผลิตภัณฑ์อาหารพื้นถิ่น และอาหารฟังก์ชั่น เข้าร่วมประกวดโครงการ “Product Champion” ได้ผลการตัดสินทั้ง 3 จังหวัด
รายชื่อผู้ที่ได้รับรางวัล อาหารพื้นถิ่นและอาหารฟังก์ชั่น
จังหวัดชัยภูมิ รางวัลชนะเลิศ – คุณทศพร เลิศคอนสาร / ผลิตภัณฑ์คั่วปลา รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 – คุณอัญชลี ชัยศร / น้ำพริกหม่ำ รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 – คุณเศรษฐพล นิยมพงษ์ / หม่ำเนื้อย่างเตาถ่านพร้อมบริโภค
จังหวัดมหาสารคาม รางวัลชนะเลิศ คุณสมจิต รัตน์รองใต้ / ปั้นสิบ รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 คุณกนกพร เจริญพันธ์ / น้ำยำปลาร้า ตราแม่บุญล้ำ รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 คุณวิวัฒน์อชิตพลชัย ดวงแสง / น้ำจิ้มโชคดีหมูกระทะ
จังหวัดเลย รางวัลชนะเลิศ คุณวัชรา สุริยกุล ณ อยุธยา / กล้วยอบคุณวัชรา รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 คุณพนมพร ภูคำสอน / ผงแกงอ่อม รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 คุณเพ็ญศรี แก้วสมบัติ / ขนมจีนสมุนไพรอบแห้งรสฟักทอง
รางวัลอาหารฟังก์ชัน รางวัลชนะเลิศ คุณไอลัดดา โอ่งกลาง จ.มหาสารคาม / ข้าวกล้องงอกชนิดผงชงดื่ม “ซีโอไรซ์” รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 คุณณัฏฐนรี วงศ์เอี่ยมสิริ จ.ชัยภูมิ / โจ๊กข้าวกล้องงอกรสสาหร่าย/รสเห็ดหอม รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 คุณพัทธนันท์ เกตุบรรลุ จ.มหาสารคาม / ข้าวกล้องงอกผงชงพร้อมดื่ม ตราโสศิริ
กลุ่มขนมไทยบ้านนาโพธิ์
นำขนมไทยฉายรังสีทำลายจุลินทรีย์ดีต่อสุขภาพและยืดอายุการเก็บรักษา
คุณสมจิต รัตน์รองใต้ ผู้นำกลุ่มวิสาหกิจขนมไทยบ้านนาโพธิ์ อ.กุดรัง จ.มหารสารคาม เจ้าของกะหรี่พับครูนิจ และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรแปรรูป กล่าวว่า ก่อนหน้าที่จะเข้าร่วมโครงการเคยได้ยินเกี่ยวกับอาหารฉายรังสี เช่น แหนม ผักผลไม้ หอมใหญ่ แต่ส่วนใหญ่ก็จะส่งออกต่างประเทศ แต่ไม่ทราบว่ากะหรี่พับ หรือขนมปั้นสิบที่เราพัฒนาต่อยอดจากกะหรี่พับจะสามารถฉายรังสีได้ แต่จากที่ได้เข้าร่วมโครงการมีนักวิจยัของ สทน. แนะนำว่าอาหารทุกชนิดสามารถฉายรังสีได้ เนื่องจากอาหารทุกชนิดมีการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ ไม่ว่าจะมาจากกระบวนการผลิต จากผู้ผลิต ผู้สัมผัสอาหาร หรือ แม้กระทั่งแหล่งวัตถุดิบก็มีการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ จึงมีความจำเป็นที่ต้องทำลายจุลินทรีย์ที่เป็นอัตรายต่อสุขภาพให้เหลือน้อยที่สุด
ในส่วนผลิตภัณฑ์เด่นของเราคือปั้นสิบ ซึ่งมีรสชาติดีเป็นที่รู้จักของตลาด เนื่องจากมีความละมุน ถ้าเป็นไส้ถั่วจะสามารถเก็บได้ประมาณ 7 วัน ถ้าเป็นไส้ไก่เก็บได้ 3-5 วัน แต่เราตั้งเป้าหมายว่าอยากจะยืดอายุการเก็บรักษาไว้ให้ได้ประมาณ 1 เดือน แรก ๆ ก็ยังกังวลว่าเมื่อมีการฉายรังสีแล้วจะเก็บสินค้าได้นานขึ้นหรือเปล่า สินค้าจะยังกรอบเหมือนเดิมหรือเปล่า แต่หลังจากที่ได้ทดลองฉายรังสีปรากฏว่าช่วยยืดอายุออกไปได้ 5-10 วัน สินค้าก็ยังคงกรอบ คุณภาพก็ยังอยู่ในระดับที่ผู้บริโภคอยากรับประทาน หลังจากทดลองแล้วทำให้เกิดความมั่นใจมากขึ้น สามารถรับออเดอร์จากพื้นที่ไกลๆ เช่น ภาคเหนือ ภาคใต้ โดยที่ไม่เกิดความสูญเสียระหว่างการขนส่ง ผู้บริโภคก็ได้อาหารที่สะอาด ปลอดภัยต่อสุขภาพ เมื่อเทียบกับต้นทุนการฉายรังสีที่เพิ่มขึ้น ผู้บริโภคที่อยู่ตามเมืองใหญ่รับได้ เขายอมจ่ายเพื่ออาหารที่มีรสชาติอร่อยและมีความปลอดภัย อยากเชิญชวนผู้ประกอบการทุกท่านเข้าร่วมโครงการกับ สทน. เพราะการฉายรังสีมีความปลอดภัยไม่มีรังสีตกค้าง ปลอดภัยต่อผู้บริโภค และสินค้าก็เข้าสู่มาตรฐานที่เป็นสากลมากขึ้น
ยกระดับเมนูพื้นถิ่นคั่วเนื้อ คั่วปลา ตกทอดมากว่า 100 ปี ด้วยเทคโนโลยีฉายรังสี
คุณทศพร เลิศคอนสาร จากอำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ ได้นำผลิตภัณฑ์คั่วเนื้อคั่วปลา ซึ่งเป็นเมนูเชิดชูอาหารถิ่นของจังหวัดชัยภูมิ กล่าวว่า จุดเด่นของคั่วเนื้อคั่วปลาคือการนำเนื้อสัตว์ที่ตากแห้งมาโขลก แล้วนำมาใส่เครื่องสมุนไพรต่างๆโดยจะมีวัตถุดิบหลักคือน้ำมะพร้าว แล้วนำไปคั่ว แต่เนื่องจากมีกะทิเป็นส่วนประกอบจึงทำให้เกิดการเน่าเสียได้ง่าย ถ้าจะเก็บไว้กินก็ต้องเก็บไว้ในช่องฟรีซเท่านั้น เป็นอาหารที่หากินได้เฉพาะในช่วงงานวันบุญเดือนสี่เท่านั้น สำหรับคั่วเนื้อคั่วปลาตนได้รับการถ่ายทอดมาจากรุ่นคุณปู่ ตนจึงอยากทำให้มีอายุในการเก็บผลิตภัณฑ์ได้ยาวนานขึ้น จะทำให้สามารถวางตลาดและทำให้ทุกคนรู้จักได้
ก่อนที่จะเข้าร่วมโครงการก็มีความกังวลอยู่เหมือนกันว่าเมื่อฉายรังสีแล้วจะเกิดการปนเปื้อนหรือไม่ แต่เมื่อมาเข้าร่วมโครงการจึงทราบว่า การฉายรังสีไม่เป็นอันตราย อาหารยังสามารถกินได้ ได้เห็นแหนมฉายรังสี ซึ่งทำให้เราคิดได้ว่า แหนมโดยทั่วไปเชื้อปนเปื้อนมากกว่าอาหารของเรา เพราะฉะนั้นคั่วเนื้อคั่วปลาของเราก็น่าจะฉายรังสีได้ จึงเข้ามาร่วมโครงการ ขณะนี้กำลังทดลองนำคั่วเนื้อคั่วปลามาฉายรังสีว่าจะช่วยยืดอายุอาหารไปได้มากน้อยแค่ไหน ความตั้งใจของผมคืออยากให้ยืดอายุได้ประมาณ 3-6 เดือน อยากเชิญชวนผู้ประกอบการและชาวบ้านที่สนใจเข้าร่วมโครงการของ สทน.เพราะการฉายรังสีเป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ผู้ประกอบการที่ต้องการยืดอายุการเก็บรักษาอาหาร ผมว่าการฉายรังสีมันไม่ได้น่ากลัวเลย น่าจะเป็นประโยชน์ต่ออาหารของเรา เป็นมาตรฐานที่สากลยอมรับด้วย
กล้วยน้ำว้าอบคุณวัชรา แก้ปัญหากล้วยอบดำ ด้วยการฉายรังสี
คุณวัชรา สุริยกุล ณ อยุธยา เจ้าของกล้วยอบคุณวัชรา จากจังหวัดเลย กล่าวว่า เดิมผลิตภัณฑ์เป็นผลิตภัณฑ์ของชุมชน ซึ่งเกิดมาจากแรงบันดาลใจในการที่เอากล้วยน้ำว้ามาแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์โดยได้แรงบันดาลใจมาจากภาพภาพหนึ่ง ซึ่งภาพภาพนั้นคือภาพที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงรับกล้วยทั้งเครือจากชาวบ้าน และพระองค์ทรงถือกล้วยทั้งเครือไว้แล้วก็แย้มพระโอษฐ์ เรามีความรู้สึกเหมือนว่าพระองค์ท่านอยากจะมอบมรดกกล้วยน้ำว้าให้ลูกหลานของเราได้สืบต่อกันไป เราก็เลยเอากล้วยน้ำว้ามาแปรรูปเพราะว่าสามารถหาได้ตามหัวไร่ปลายนาประกอบกับในพื้นที่อำเภอผาขาวเรามีแปลงโคกหนองนา
โดยมีกรมพัฒนาชุมชนมาส่งเสริม ซึ่งในแต่ละแปลงจะปลูกกล้วยน้ำว้าด้วยวิธีการที่ไม่ใช้สาร หรือยาฆ่าแมลงเป็นอาหารปลอดภัยเราก็เลยรับซื้อจากแปลงโคกหนองนาทุกแปลง โดยซื้อในราคาที่แพงกว่าที่ตามตลาดทั่วไปซื้อตลาดทั่วไปซื้อเพื่อช่วยชุมชนช่วยเกษตรกรให้มีรายได้ก็จึงเป็นที่มาของการนํากล้วยน้ำว้ามาแปรรูป แต่เราแปรรูปในรูปแบบที่ไม่เหมือนคนอื่นเราไม่ได้ทำกล้วยตากหรือกล้วยทอดนะครับเราทำเป็นกล้วยอบ ซึ่งใช้ระยะเวลาที่ไม่นานเพียงแค่ 4-5 ชั่วโมง ก็สามารถที่จะมาบรรจุภัณฑ์สามารถเอาไปจําหน่ายได้แล้วมีทั้งหมด 11 แบบ
ตอนที่เข้าร่วมโครงการก็ต้องการให้สทน.ช่วยอยู่ 2-3 ประการนะครับ อันแรกก็คือยืดอายุ และอันที่ 2 คือช่วยทำให้สีเปลี่ยนแปลงน้อยลง เพราะปกติกล้วยตากหรือกล้วยอบยิ่งเก็บไว้นานสีจะยิ่งดำคล้ำลงไปเรื่อย ๆ อันที่ 3 ต้องการที่จะทำให้ตัวจุลินทรีย์ต่าง ๆ ให้หมดไปเพื่อที่จะสามารถทำให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าสินค้าของเราเป็นสินค้าปลอดภัยสำหรับผู้บริโภคอย่างแท้จริงครับ เราก็เลยเข้าร่วมกับทางโครงการนี้นะครับ แล้วก็ตอบโจทย์เราทั้ง 3 ข้อเลย
“ซีโอไรซ์” ข้าวกล้องงอกชนิดผงชงดื่ม
ฉายรังสีกล้านำสินค้าขายนอกชุมชนให้คนทั้งประเทศรู้จัก
คุณไอลัดดา โอ่งกลาง เจ้าของผลิตภัณฑ์ข้าวกล้องงอกชนิดผงชงดื่ม “ซีโอไรซ์” รางวัลชนะเลิศอาหารฟังก์ชั่น จากจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ที่นํามาเสนอคือข้าวกล้องงอกชงดื่ม เป็นข้าวกล้องงอก 10 สายพันธุ์ เราจะคัดพันธุ์ที่มีคุณสมบัติเด่นเด่นมาทำเป็นพร้อมดื่มด้วยการชง เดิมทีผลิตภัณฑ์ของเราจะเป็นเหมือนข้าวสารข้าวเม็ด แต่ด้วยหน่วยงานราชการเข้าไปส่งเสริมให้เกิดการแปรรูป ก็เลยเป็นชงดื่มเพื่อให้สะดวก ไม่ว่าจะเป็นต่อการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุที่ใช้ทานเป็นประจำเป็นอาหารเสริมพอมีโครงการดีดี ทางมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามส่งข้อมูลประชาสัมพันธ์ในกลุ่มให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วม ก็เลยได้เข้ามาร่วมตรงนี้
พอเราไปดูเห็นชื่อโครงการก็ไป เสิร์ซดูข้อมูลเพิ่มเติมก็สนใจว่ามันน่าจะเหมาะกับผลิตภัณฑ์ของเรา เพราะว่าข้าวชงของเราเป็นข้าวชงที่ผู้ทานจะเป็นผู้สูงอายุ เราก็ห่วงเรื่องทางโภชนาการ พอมีเงื่อนไขรังสีเข้ามา ก็ยิ่งสร้างความมั่นใจ ก็เลยตัดสินใจเข้ามาร่วมเพื่อจะได้ตรวจดูว่าผลิตภัณฑ์ของเรามีสิ่งเจือปนมีอะไรปนเปื้อนหรือเปล่า มากน้อยแค่ไหน เพื่อจะสร้างความมั่นใจให้กับตัวเราด้วย แล้วก็ผู้บริโภคด้วย ดังนั้นผู้บริโภคหลักของเราก็คือคนในครอบครัว คุณพ่อคุณแม่ก็ทานอยู่ ก็เลยตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ
โดยตอนแรกเราก็จะมีคําถามเรื่องของการฉายรังสี พอฉายเสร็จมันจะมีสิ่งตกค้างหรือไม่ พอมีโครงการจัดให้ความรู้เกี่ยวกับการฉายรังสีก็เลยเพิ่มความมั่นใจมากยิ่งขึ้น เรื่องของการตลาดด้วยคือปกติแล้วเราจำหน่ายแค่อยู่ในชุมชนแล้วก็ในจังหวัดก็จะมีเพจบ้างทางเพจเฟซบุ๊กและแพลตฟอร์ม ชอปปี้ แต่คนที่กินส่วนใหญ่ก็คือคนในพื้นที่คนที่รู้จัก ก็โอกาสนี้ก็น่าจะเป็นประชาสัมพันธ์ตัวหนึ่งแล้วก็สร้างความมั่นใจให้กับเราในฐานะผู้ประกอบการที่จะก้าวออกมานำสินค้าเราออกมาสู่ตลาดภายนอกทั้งนอกจังหวัดด้วยและก็ถ้ามีโอกาสก็พร้อมที่จะไปต่อ
หลักเกณฑ์ในการคัดเลือก Product Champion อาหารพื้นถิ่นและอาหารฟังก์ชั่น
ด้านนายสุรศักดิ์ สัจจบุตร นักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ชำนาญการพิเศษ สทน. เผยถึงหลักเกณฑ์ที่ใช้คัดเลือก Product Champion อาหารพื้นถิ่นและอาหารฟังก์ชั่นในครั้งนี้ว่า ข้อสำคัญหลักๆผลิตภัณฑ์ที่จะเข้าประกวดมีความเหมาะสมกับการฉายรังสีหรือไม่ ดูจากเชื้อจุลินทรีย์ปนเปื้อน รสชาติ กลิ่น สี มีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ผลิตภัณฑ์ที่เข้าประกวดเป็นอาหารพื้นถิ่น วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นหรือไม่ เป็นภูมิปัญญาดั่งเดิมหรือไม่ และด้านสุขอนามัยเป็นอาหารที่ได้มาตรฐาน ได้รับเครื่องหมาย อย. และ GAP หรือไม่ รูปแบบของผลิตภัณฑ์มีความสวยงาม สะดุดตา มีความคิดสร้างสรรค์แสดงถึงความเป็นพื้นถิ่น แบบนี้ก็จะได้คะแนนมากขึ้น
ทั้งนี้ สทน. ได้เริ่มดำเนินโครงการนี้มาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2564 โดยเริ่มที่ ภาคกลาง ภาคใต้ ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ถึงปัจจุบันมีผู้เข้ารับการอบรมด้านการฉายรังสีอาหาร จำนวนรวม 59,192 ราย มีผลิตภัณฑ์ที่เข้าโครงการประกวด Product Champion จำนวน 934 ผลิตภัณฑ์ มีผลิตภัณฑ์ผ่านการคัดเลือก จำนวน 334 ผลิตภัณฑ์ และ ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดลองฉายรังสี จำนวน 200 ผลิตภัณฑ์
คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด