ในเวลานี้ เป็นช่วงที่ผลไม้ไทยออกตามฤดูกาล วันนี้ พามารู้จักกับเกษตรกร ผู้ปลูกผลไม้ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นสวนเกษตรแบบผสมผสาน ที่ไม่ว่าจะมีผลไม้ออกมามากแค่ไหนในตลาด ไม่ได้กระทบกับต่อการขาย มีเท่าไหร่ขายหมด ในราคาเจ้าของสวนกำหนดเอง อยากขายเท่าไหร่ลูกค้าก็ยอมจ่าย เช่น ปัจจุบันมะม่วงในตลาดตอนนี้ขายกิโลละ 5 บาท 10 บาท แต่มะม่วงจากไร่นายหญิงปากช่อง แห่งนี้ ขาย 3 กิโล 100 บาท ออกงานโอทอปเมืองทองขายเกลี้ยง มีเท่าไหร่ขายหมด
เคล็ดลับทำเกษตรอย่างไรไม่ต้องกลัวล้นตลาด
มาดูกันว่าสวนแห่งนี้ มีเคล็ดลับอย่างไร ผ่านการบอกเล่า “นางสาวเรไร พุ่มพุด” เจ้าของไร่นายหญิงปากช่อง เกษตรกรคนรุ่นใหม่ ที่ผันตัวมาทำเกษตร เพราะเบื่อกับการทำงานประจำ และรักการปลูกต้นไม้ โดยเธอได้พลิกพื้นที่ ดินของครอบครัว อำเภอปากช่อง จำนวน 20 ไร่ มาทำสวนผสม ตามแนวคิดศาสตร์พระราชา เมื่อประมาณ 7-8 ปี ที่ผ่านมา
เดิมครอบครัวของเธอ ทำเกษตรมาตลอด แต่พื้นที่ตรงนั้น ส่วนใหญ่ชาวบ้านปลูกพืชเชิงเดี่ยว เช่น การปลูกฝ้าย ปลูกปอ ปลูกข้าวโพด ปลูกพริก ฯลฯ และเธอเห็นการทำเกษตรแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก มองเห็นถึงการเอารัดเอาเปรียบของพ่อค้าคนกลาง และราคาพืชผลตกต่ำ โดยที่ไม่สามารถกำหนดราคาได้ พอเธอตัดสินใจมาทำเกษตร ยึดศาสตร์พระราชา ทำเกษตรแบบผสมผสาน ปลูกไม้ผลหลายชนิดในพื้นที่
ทำผลไม้คุณภาพ หน่วยงานวิ่งเข้ามาช่วยหาตลาดให้
เนื่องจากแต่ละชนิดราคาความต้องการในตลาดไม่เท่ากัน และแต่ละตัวจะมีการออกผลผลิตในช่วงเวลาที่ต่างกัน ทำให้มีรายได้ตลอดทั้งปี และมีไม้ผลจำหน่ายตลอดทั้งปีเช่นกัน เพราะการทำตลาดของไร่นายหญิงปากช่อง คุณเรไร เธอเลือกทำตลาดด้วยตัวเอง โดยได้รับการช่วยเหลือจากพาณิชย์จังหวัด หลังจากที่พาณิชย์จังหวัดได้มาชิมผลผลิตของเธอและชื่นชอบในคุณภาพและรสชาติ จึงได้เข้ามาช่วยหาตลาดให้ โดยการไปออกบูท ตามสถานที่ต่างๆ และต่อมาได้เข้าร่วมโครงการโอทอป ตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชน น้อยหน่าปากช่อง ทำให้ได้ออกบูทในงานโอทอปด้วย อีกช่องทางหนึ่ง ดังนั้น เธอจึงต้องมีผลไม้ เพื่อรองรับการออกบูท ตามที่ ทางหน่วยงานจะต้องการให้ไปร่วม
“เรไร” เจ้าของไร่นายหญิงปากช่อง บอกว่า ด้วยเราสร้างแบรนด์ให้กับผลไม้ของเราไปแล้ว ดังนั้น ผลไม้ที่นำมาขายภายใต้แบรนด์ ไร่นายหญิงปากช่อง คัดเฉพาะผลไม้คุณภาพดี เท่านั้น และที่ผ่านมา ที่สวนของเราจะทำสวนแบบคัดเกรด เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ได้มาตรฐาน หรือ การนำผลผลิตจากสวนอื่นๆ มาขาย เราก็ต้องเลือกเช่นกัน ทำให้ที่ผ่านมา เราจะคนกำหนดราคาผลไม้ที่สวนของเราเอง แต่ก็เป็นการกำหนดราคาแบบสมเหตุ สมผล บางครั้งจะเห็นว่า ผลไม้ของเราจะแพงกว่าผลไม้จากสวนอื่นๆ แต่ลูกค้าก็ยังคงเชื่อใจ และยินดีที่จะจ่ายซื้อผลไม้จากสวนของเรา
การทำเกษตรคุณภาพยาก แต่ผลที่ได้คุ้มค่า
อย่างไรก็ดี การทำสวนได้ผลผลิตที่ได้มาตรฐาน ไม่ใช่เรื่องง่าย เราต้องผ่านการลองผิดลองถูก เพราะเราไม่ได้มาจากสายเกษตรโดยตรง เราเพิ่งจะมาเริ่มทำจริงจังเมื่อ 7-8 ปีที่ผ่านมา แต่ด้วยความตั้งใจ และค้นคว้าหาความรู้ ขอคำปรึกษาจากหน่วยงาน และสถาบันการศึกษา รวมถึงกูรู ต่างๆ มีอบรมเรื่องเกษตรที่ไหน เราก็ไปหาความรู้ เพื่อจะได้นำมาปรับใช้กับการทำสวนผสมของเรา จนทำให้เราประสบความสำเร็จในวันนี้ ในวันที่เรากำหนดราคาพืชผลของเราเอง มีตลาดที่แน่นอน ผลผลิตออกมาเท่าไหร่ก็ขายหมด ไม่ต้องเหลือทิ้ง
ฝ้ายเกษตรเขียว 2 น้อยหน่าพันธุ์ใหม่
ลูกใหญ่หวาน สุกช้า เนื้อเยอะขายกิโล 100 บาท
สำหรับผลผลิตที่ไร่ของนายหญิง ปากช่อง ประกอบไปด้วย แก้วมังกร อะโวคาโด้ มะม่วง ฝรั่งไส้แดง เสาวรส และน้อยหน่า สายพันธุ์ฝ้ายเกษตรเขียว 2 เป็นน้อยหน่าที่ปัจจุบันยังเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่มีการปลูกกันน้อยอยู่ ทำให้สามารถทำราคาได้ และความพิเศษ ของน้อยหน่าสายพันธุ์ นี้ คือ มีผลใหญ่ รสชาติหวานนุ่ม ไม่หวานแหลมเหมือนสายพันธุ์เพชรปากช่อง ผลสามารถใหญ่ได้ถึง ลูกละเกือบ 1 กิโลกรัม และน้อยหน่าเปลือกหนา ทำให้สุกแล้วไม่เละ และสุกช้า มีกลิ่นหอม เนื้อร่วนไม่ติดกัน ให้เนื้อเยอะ รสชาติเหมือนน้อยหน่าฝ้าย คนที่ซื้อไปขายต่อ จะไม่ต้องกังวล ว่า จะสุกเนื้อเละ และขายไม่ได้ ยังสุกช้า ทำให้มีเวลาในการขายหลายวัน
ในส่วนของราคาน้อยหน่าฝ้ายเกษตรเขียว 2 ที่สวนของไร่นายหญิงปากช่อง ขายที่กิโลกรัมละ 100 บาท ทั่วไปขายกันที่ 100-150 บาท ที่เราขายได้ราคาถูกกว่าที่อื่น เพราะเราเป็นเจ้าของสวนและมาขายเอง สามารถทำราคานี้ได้ เรไร บอกว่า ที่ราคาน้อยหน่าฝ้ายเกษตรเขียว หรือ เพชรปากช่อง ราคาสูง เพราะมีผลผลิตออกไม่เยอะ ความต้องการของตลาดยังมีอีกมาก ดีมานต์ ซัปพราย ยังไม่สมดุล ประกอบกับ การดูแล และปลูกน้อยหน่าสายพันธุ์ใหญ่ ยังดูแลยาก และถ้าต้องการให้ผลใหญ่ จำเป็นที่จะต้องริดผลให้เหลือน้อย ถึงจะได้น้อยหน่าที่ผลใหญ่ ทั้งหมดเป็นเหตุผลที่ทำให้น้อยหน่าทั้งสองสายพันธุ์ ปากช่อง ของเราราคาค่อนข้างสูง
ขายคุณภาพกำหนดราคาเอง มีเท่าไหร่ขายหมด
เรไร บอกว่า สำหรับผลผลิตที่ไร่ของนายหญิงปากช่อง ทุกตัว คัดเกรดคุณภาพ เช่น ฝรั่งไส้แดง ลูกค้าจะบอกเลยว่า ไปซื้อที่อื่นๆ ไม่ได้เหมือนกับซื้อที่สวนของเรา รสชาติไม่ได้ เนื้อไม่ได้ ทำให้ยังคงสามารถขายฝรั่งในกิโลกรัมละ 70-80 บาทได้ และออกมาเท่าไหร่ก็ขายหมด เช่นเดียวกับผลไม้อื่นๆ ของสวนเรา ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดอีกอย่างหนึ่ง คือ ปีนี้ มีมะม่วงออกเยอะ สวนอื่นๆ ขายไม่ได้ แต่สวนของเราก็ยังขายได้ ล่าสุด ออกงานที่เมืองทอง ในงานโอทอปมิดเยียร์ มะม่วงของเราขาย กิโลกรัมละ 35 บาท มีเท่าไหร่ก็ขายหมด
เรไร ฝากถึงเกษตรกร ว่า ควรหันมาทำเกษตรแบบคุณภาพ เพราะคนที่มีกำลังซื้อ อยากกินผลไม้ที่มีคุณภาพ แม้ว่าจะต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้น ก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายเงิน หรือ ถ้าขายในประเทศไม่ได้ ผลไม้ที่คุณภาพ ยังสามารถส่งไปขายต่างประเทศได้ ในขณะที่ทำผลไม้ที่ไม่ได้คุณภาพ ก็ต้องโดนพ่อค้าคนกลาง กดราคา ส่งออกไปต่างประเทศก็ไม่ได้ การทำเกษตรแบบผสมผสานจะช่วยให้มีผลผลิตที่ไม่ได้มากเกินไปจนล้นตลาด แต่กระจายความเสี่ยง ผลไม้ชนิดนี้ ขายไม่ได้ ก็ยังมีผลไม้ชนิดอื่นๆ หรือไม้ผลอื่นๆ ขายได้ เพราะผลไม้แต่ละชนิด ความชอบของคนไม่เหมือนกัน
สรุป ความสำเร็จของเกษตร ไร่นายหญิงปากช่อง 1.การเลือกสายพันธุ์ผลไม้ว่าจะปลูกอะไร ต้องเป็นสายพันธุ์ให้ผลผลิตคุณภาพดี 2.การดูแลเอาใจใส่เพื่อให้ผลผลิตที่ได้มาตรฐานออกมาเท่านั้น 3.ไม่ปลูกอะไรเยอะเพียงอย่างเดียว แต่ปลูกหลายๆ ชนิด เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง ดูดีมานต์ซัปพราย 4.ขายตรงถึงลูกค้า ผ่านพ่อค้าคนกลางให้น้อยลง 5. แม้ว่าจะกำหนดราคาเอง แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานลูกค้ารับได้
ติดต่อ โทร. 08-1428-8804
Facebook : ไร่นายหญิงปากช่อง
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *