ชื่อของเชฟ “ซีตรอง” “วลาสุระ ณ ลำปาง” แชมป์มาสเตอร์เชฟไทยแลนด์ ซีซั่น 6 ถูกจับตามองจากฝีไม้ลายมือในการทำอาหาร โดยเฉพาะเมนูอาหารไทยโบราณ เรียกว่าเชฟซีตรองไม่แพ้ใคร ด้วยรสมือที่ดี และหลังจะได้เห็นผลงานการทำอาหารของเชฟซีตรองในอีกหลายรายการ ของ มาสเตอร์เชฟไทยแลนด์ ที่ เชฟซีตรองได้ให้เข้าร่วมแข่งขัน และล่าสุดที่หลายคนกำลังลุ้นกันอย่างหนักสำหรับโค้งสุดท้ายของ MasterChef The Professional Thailand ว่าตกเป็นของใคร และหนึ่งในนั้นก็มีชื่อ “เชฟซีตรอง” อยู่ด้วย
“เชฟซีตรอง” เปิดพื้นที่แฟนคลับ คนรักอาหารไทย มาลิ้มลองฝีมือของตัวเอง
วันนี้ พามารู้จัก กับธุรกิจร้านอาหารชื่อว่า “สรรพรส สุขุมวิท 20” Timeless Thai Flavors ของ “เชฟซีตรอง” นายวลาสุระ ณ ลำปาง ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท 20 กรุงเทพฯ เป็นร้านอาหารตำรับไทยโบราณ โดยมีเมนูอาหารไทยที่ เชฟซีตรอง บอกว่า ตั้งใจทำด้วยกรรมวิธีในแบบดั้งเดิม และเลือกเครื่องปรุงแบบโบราณ ด้วย
อาหารไทยแท้ ไม่ได้มีเครื่องปรุงแต่งรสเยอะ อร่อยด้วยธรรมชาติ
เชฟซีตรอง บอกว่า เครื่องปรุงหลักที่เชฟใช้ในการทำอาหารที่ร้านสรรพรส เลือกมาใช้เพียงแค่ 3 อย่าง ตามตำรับอาหารไทยโบราณ ได้แก่ เกลือ น้ำตาลมะพร้าว และน้ำปลา ซึ่งเชฟจะต้องไปค้นหาส่วนผสมทั้ง 3 ชนิด จากแหล่งผลิต เช่น น้ำปลา เลือกน้ำปลาจากจังหวัดจันทบุรี เป็นน้ำปลาแท้ ที่เหมาะกับอาหารไทย หรือ น้ำตาลมะพร้าวแหล่งผลิตน้ำตาลมะพร้าวชื่อดังของประเทศ เป็นต้น รวมถึงวัตถุดิบต่างที่เชฟเลือกใช้ คัดเลือกมาจากแหล่งผลิต เช่น ปลากุเลา ตากใบ จ.นราธิวาส หรือ ซีอิ้วจากชุมชนฮกเกี้ยน จ.ระยอง กุ้งแห้งนำมาจากแหล่งผลิต ไม่ผสมสารเคมี จ.นครศรีธรรมราช เป็นต้น
“สังเกตว่าอาหารไทยบางชนิดในปัจจุบันได้มีวิธีการปรุงหรือเพิ่มเติมส่วนประกอบของอาหารผิดเพี้ยนไปจากของดั้งเดิม จึงทำให้รสชาติของอาหารไม่ใช่ตำรับดั้งเดิม และขาดความประณีตที่น่าจะถือว่าเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญของอาหารไทย แต่ที่ร้านสรรพรส สุขุมวิท 20 ของเรานำความประณีตเหล่านั้นกลับสู่อาหาร ในแต่ละจาน แต่ละเมนูของเราจึงมีรสชาติที่มีความเป็นเอกลักษณ์ แบบแท้จริง ดั้งเดิม ที่มี กลิ่นอายและรสสัมผัสของเครื่องเทศของไทย มีความเผ็ดในตัว และมีรสชาติผสมผสานกันในแบบฉบับของเชฟซีตรองจริงๆ” เชฟซีตรอง เขียนไว้บนหน้าเพจ สรรพรส Timeless Thai Flavors
อนุรักษ์อาหารไทยโบราณ หลายเมนูกำลังสูญหาย
สำหรับเมนูที่เสิร์ฟในร้าน จะเป็นเมนูอาหารไทยโบราณที่ต้องการอนุรักษ์เอาไว้ โดยหลายเมนูเชฟเจอมาจากในหนังสือ ซึ่งกำลังจะสูญหาย นำทำเสิร์ฟลูกค้าในร้านสรรพรสของเรา ซึ่งถ้าเป็นเมนูที่ต้องใช้เครื่องแกง เชฟซีตรองลงมือโขลกพริกแกงเอง และบางเมนูจัดเสิร์ฟตามฤดูกาล เช่น ช่วงฤดูร้อนทางร้านจะจัดเสิร์ฟข้าวแช่ตำรับชาววัง เป็นต้น
ส่วน ร้านสรรพรส สุขุมวิท 20 นี้ “เชฟซีตรอง” เปิดให้บริการมาได้ประมาณ 2 เดือน ผลตอบรับออกมาค่อนข้างดี ซึ่งหลายคนที่เคยมาชิมอาหารที่ร้านแห่งนี้ มีการพูดถึงร้านเชฟซีตรองไว้หลายมุมมอง และหนึ่งในนั้น คือ เพื่อนเชฟอย่าง “เชฟจารึก” เขียนไว้หน้าเพจ ของตัวเองว่า ได้รับเชิญจากเชฟซีตรองให้มาชิมอาหาร ซึ่งก็สมกับคำรำลือ ที่ต่างไปลือกันว่าทั่วพระนครว่า เป็นอาหารไทย ในแบบฉบับไทยชาววัง ถึงรสชาติ เหมือนต้นตำรับเครื่องในวังออกมาเลย
กลุ่มลูกค้าคนที่โหยหาอาหารไทยแท้ แบบโบราณ
เชฟซีตรอง บอกว่า ร้านของตัวเองเป็นร้านเล็กๆ ลูกค้าของร้าน ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนไทยที่วัยทำงาน ผู้สูงอายุที่โหยหาอาหารไทย แบบต้นตำรับโบราณที่ไม่ได้ผ่านการปรุงแต่งเยอะ แต่รสชาติที่ได้มาจากความพิถีพิถัน และการเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพ แน่นอนวัตถุดิบทุกตัว สั่งมาจากแหล่งผลิต ไม่ได้หาซื้อจากปากซอย รสชาติที่ได้มาจากรสชาติความสดใหม่ของวัตถุดิบ และรสมือ ไม่ใช่มาจากเครื่องปรุงแต่ง ซึ่งถูกใจ กลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบ ลิ้มรสชาติแบบไทยดั้งเดิมที่หากินได้ยาก ก็จะแวะมากินอาหารที่ร้านอาหารของเรา
หลังจากเปิดมาได้ 1 เดือน ลูกค้าประจำมากขึ้น และลูกค้าใหม่ที่มาจากการบอกต่อเยอะขึ้น ถ้าเป็นวันหยุดลูกค้าเยอะหน่อย อาจจะต้องโทรมาจองโต๊ะก่อน ส่วนวันธรรมดา ลูกค้าหมุนเวียนกันมา มีพื้นที่รองรับลูกค้าได้ ส่วนราคาอาหารอยู่ในระดับเดียวกับ ร้านรสนิยม หรือ ร้านกับข้าวกับปลา ราคาระดับกลาง ๆ ส่วนเมนูยอดนิยมของทางร้านมีหลายเมนู และหนึ่งในนั้น คือ เมนูหมี่กรอบตำรับหม่อมหลวงปอ ฯลฯ
จากทนายความสู่เส้นทางเชฟมืออาชีพ
ประวัติของเชฟซีตรอง ก่อนจะมาเป็นเชฟ ทำงานเป็นทนายความ และเป็นที่ปรึกษากฎหมายธุรกิจมาก่อน และเพิ่งมาทำอาหารและก้าวขึ้นมาเป็นเชฟ หลังจากได้คว้าแชมป์ มาสเตอร์เชฟอาหารไทย ซีซั่นที่ 6 สำหรับการทำอาหารอยู่ในสายเลือด ทำมาตั้งแต่เด็ก ชื่นชอบการทำอาหาร โดยเฉพาะอาหารไทย เพราะที่บ้านคุณแม่ทำอาหารไทยได้อร่อยมาก ส่งต่อมาถึงตัวเอง ทำให้เราหลงรักอาหารไทย และชื่นชอบการทำอาหารไทย
การเข้ามาเป็นเชฟ และทำร้านอาหารในครั้งนี้ เป็นการสานต่อความฝัน ที่อยากจะเป็นเชฟมิชลีน ซึ่งการเปิดร้านอาหาร เป็นสิ่งที่เชฟทุกคน ต้องมี เพราะจะได้มีพื้นที่ให้กับคนที่ต้องการลิ้มรสชาติอาหารฝีมือของเรา ว่า เหมาะสมกับ ความเป็นแชมป์มาสเตอร์เชฟไทยแลนด์หรือไม่
สำหรับเส้นทางกว่าจะมาเป็นเชฟ และมาเป็นแชมป์มาสเตอร์เชฟไทยแลนด์ ต้องบอกว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะตัวเองไม่ได้เรียนมาทางสายนี้ โดยตรง อาศัยประสบการณ์ ความชอบ และศึกษาค้นคว้า ต้องบอกว่า หลังจากสมัคร และออดิชั่นผ่าน ก็ทุ่มเท ค้นหาความรู้จากการอ่านหนังสืออย่างหนัก ไปพร้อมกับการทำงานประจำที่ปรึกษากฎหมายธุรกิจ ด้วย ในแต่ละวันนอนเพียง 3-4 ชั่วโมงเท่านั้น ความสำเร็จในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งได้สานฝันในวัยเด็ก อยากจะเป็นเชฟ และ ส่วนหนึ่งได้มีโอกาสนำตำรับอาหารไทย และรสชาติแบบไทยโบราณ ที่อาจจะหาทานได้ยากในปัจจุบัน กลับมาให้คนไทย และต่างชาติ ได้ลิ้มลองรสชาติ อนุรักษ์อาหารไทยแท้ๆ ให้ยังคงอยู่คู่สังคมไทยตลอดไป และซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทยอย่างแท้จริง
ติดต่อ Facebook : สรรพรส Timeless Thai Flavors
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *