xs
xsm
sm
md
lg

มาก่อนได้เปรียบ! หนุน SME ไทยลุยธุรกิจที่ สปป.ลาว ภาคเกษตรมีโอกาสโต แนะผลิตที่ลาวต้นทุนต่ำกว่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ครบรอบ 35 ปี ธนาคารร่วมพัฒนา (Joint Development Bank : JDB) แนะนักลงทุนและผู้ประกอบการไทยลงทุนทำธุรกิจที่ สปป.ลาว เผยเป็นโอกาสที่สำคัญในการทำธุรกิจ เนื่องด้วยแหล่งเงินทุนที่เข้าถึงง่ายในระดับสากลและเป็นศูนย์กลางสำหรับการลงทุนระหว่างประเทศ ธุรกิจภาคการเกษตรมีแนวโน้มเติบโตได้ดีถ้าหากใช้แหล่งผลิตจาก สปป.ลาว เพราะมีต้นทุนต่ำกว่าไทย


นายเอกะพัน พะพิทัก ประธานสภาผู้ถือหุ้นธนาคารร่วมพัฒนา (Joint Development Bank : JDB) กล่าวว่า สำหรับภาพรวมของ JDB Bank ได้มีการพัฒนาเรื่องเทคโนโลยีให้ก้าวหน้าขึ้นอยู่เสมอ โดยเฉพาะในยุคนี้ที่เป็นยุคดิจิทัล AI และกลายมาเป็นจุดแข็งให้ธนาคารที่นั่งแท่นเป็นที่ปรึกษาด้านการเงิน โดยทางธนาคารสามารถให้บริการได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งในมุมมองของ JDB นั้นเป็นอีกหนึ่งธนาคารที่สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นธนาคารที่ทันสมัย หรือธนาคารดิจิทัล พนักงานน้อยแต่มีระบบขนาด World Wide ทั่วโลก

ธนาคารร่วมพัฒนา หรือ JDB Bank ในปัจจุบันครบรอบ 35 ปี เป็นธนาคารพาณิชย์แห่งแรกของ สปป.ลาว ที่มีบทบาทสำคัญในการเป็นที่ปรึกษาบริการทางการเงินแก่ภาคธุรกิจและประชาชน ซึ่งการเดินทางมาสู่ปีที่ 35 เป็นผลมาจากการได้รับความไว้วางใจและสั่งสมประสบการณ์ในระบบการเงินของประเทศ พร้อมด้วยเป็นธนาคารที่ให้บริการทางการเงินอย่างครบวงจรเชื่อมโยงธุรกิจระหว่างประเทศและการลงทุนระหว่างลาวและประเทศเพื่อนบ้าน


สำหรับในอีก 3-5 ปี JDB Bank มองว่าจะต้องเติบโตได้เป็นอย่างดีเพราะในปัจจุบันลูกค้าให้ความเชื่อมั่นและไว้วางใจเป็นอย่างสูง โดยเฉพาะลูกค้าจากประเทศไทยที่เข้ามาลงทุนทำธุรกิจใน สปป.ลาว รวมถึงประเทศอื่นอย่าง จีน ญี่ปุ่น ยุโรปและรัสเซียต่างก็ให้ความสนใจและมุ่งเป้ามาลงทุนใน สปป.ลาว โดยใช้บริการ JDB Bank ในการลงทุนทางการเงินเป็นหลัก ปัจจุบัน JDB Bank มีบริการ Mobile banking และ Internet banking เพื่อรองรับผู้บริโภคยุคใหม่ พร้อมด้วยบริการเชื่อมต่อทางการเงินอย่าง Digital Asset และ Traditional Financial Asset เพื่อรองรับการเติบโตของประเทศจากการเปิดรถไฟจีนและลาว

ทั้งนี้ การเชื่อมโยงเศรษฐกิจไทย-ลาวนั้น ทางธนาคารมองว่าไทยและลาวเป็นประเทศบ้านพี่เมืองน้องที่มีมาอย่างช้านานและสามารถสื่อสารด้วยภาษาที่เข้าใจกันง่าย ส่งผลให้นักลงทุนจากประเทศไทยสามารถเข้ามาลงทุนใน สปป.ลาว ได้อย่างง่าย โดยมองว่าโอกาสในการลงทุนของผู้ประกอบการไทยมีช่องว่างและสามารถขยายการลงทุนได้อีกมาก รวมถึงคนไทยสามารถสแกนจ่ายในประเทศลาวได้โดยผ่านระบบ Thai-Lao QR ซึ่งทางธนาคารเองได้เปิดบริการ QR Alipay ที่เป็นบริการใหม่รองรับลูกค้า ปัจจุบัน JDB Bank มีทั้งหมด หน่วยบริการ ตู้ ATM 214 ตู้ทั่วประเทศ ครอบคลุมทุกชายแดนที่ติดประเทศเพื่อนบ้านอย่าง ไทย กัมพูชา พม่าและเวียดนาม


นอกจากนี้ นักลงทุนไทยที่ไปลงทุนที่ สปป.ลาว ส่วนใหญ่จะเป็นนักลงทุนที่ทำเกี่ยวกับพลังงาน เหมืองแร่ เกษตรกรรมและการท่องเที่ยว รวมถึงเข้ามาเป็นผู้ประกอบการ SME ขายเสื้อผ้า เครื่องสำอางและอื่นๆ โดยในอดีตนักลงทุนไทยมาเป็นอันดับ 1 ของการเข้ามาลงทุนในลาว แต่ในยุคปัจจุบันเริ่มมีประเทศอื่นให้ความสนใจและเข้ามาลงทุนกันมากขึ้น ส่งผลให้ประเทศไทยตกมาอยู่ที่อันดับ 2

ในอนาคต สปป.ลาว จะกลายเป็น Hub สำหรับนักลงทุนจากต่างประเทศ โดยเปิดรับนักลงทุนต่างชาติจากทั่วมุมโลกเพื่อเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจของ สปป.ลาว ให้เติบโตและเป็นศูนย์กลางของการมุ่งเป้าการลงทุน ซึ่งนักลงทุนจากประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านถือว่าเป็นโอกาสดีที่จะลงทุนทำธุรกิจใน สปป.ลาว เนื่องจาก สปป.ลาว ยังขาดแรงงานและทรัพย์สินทางปัญญา ทำให้การลงทุนที่ลาวเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างมาก ยกตัวอย่างถ้าหากเป็นผู้ประกอบการไทยจะมาลงทุนในลาวและสนใจเงินลงทุนจาก JDB Bank จะต้องมีคุณสมบัติ คือ มีบริษัท มีรายรับ มีตัวตน มีประสบการณ์การทำธุรกิจและมีตลาดรองรับ


ด้าน ดร.วิวัฒน์ กิตติพงศ์โกศล ประธานที่ปรึกษาทีมเศรษฐกิจธนาคารร่วมพัฒนา (Joint Development Bank : JDB) ให้ข้อมูลว่า หลังจากเปิดตัวรถไฟฟ้าความเร็วสูงใน สปป.ลาว เป็นโอกาสสำคัญของผู้ประกอบการไทยในภาคการเกษตรที่ต้องการส่งออกไปยังประเทศจีน การมาของรถไฟฟ้าความเร็วสูงใน สปป.ลาว จึงเป็นบทบาทสำคัญและเป็นตัวกลางในการส่งออกระหว่างประเทศ ซึ่งผู้ประกอบการไทยจำเป็นต้องคิดค้นและผลิตสินค้าเกษตรไทยให้มีคุณภาพและตอบโจทย์ผู้บริโภคในตลาด


สำหรับผู้ประกอบการไทยที่ต้องการหลีกเลี่ยงการแข่งขันที่ค่อนข้างสูงในยุคปัจจุบัน ดร.วิวัฒน์ แนะนำว่าลองมาศึกษาการลงทุนใน สปป.ลาว เนื่องจากประชากรในลาวมีจำนวนประมาณ 7 ล้านคน ซึ่งการลงทุนที่แนะนำคือการลงทุนด้านเกษตรกรรมสามารถมาใช้พื้นที่เพาะปลูกและเข้าถึงแหล่งเงินทุนจาก JDB Bank เพื่อสนองความต้องการและพัฒนาธุรกิจภาคการเกษตรให้เติบโต เพื่อสร้างรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจไทย-ลาว พร้อมส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศได้ ดังนั้น ดร.วิวัฒน์ มองว่าการลงทุนใน สปป.ลาว เป็นอีกหนึ่งโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทยมาลงทุนและใช้ประโยชน์ต่อยอดธุรกิจให้เติบโตได้ในอนาคต

ในปัจจุบันผู้ประกอบการไทยนิยมมาลงทุนทำธุรกิจพลังงานใน สปป.ลาว มากที่สุด ส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทขนาดใหญ่ ส่วนผู้ประกอบการ SME ภาคการเกษตรมีจำนวนค่อนข้างน้อย ซึ่งทาง JDB Bank สามารถเป็นแหล่งเงินทุนให้ผู้ประกอบการ SME ไทยภาคการเกษตรและเป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุนได้เป็นอย่างดี ปัจจุบันค่าเงินใน สปป.ลาว อยู่ในสถานการณ์ค่าเงินตก จึงเป็นโอกาสสำคัญให้กับผู้ประกอบการไทยเป็นอย่างมากในการตัดสินใจมาลงทุนทำธุรกิจใน สปป.ลาว เพราะมีต้นทุนที่ต่ำ ซึ่งผู้ประกอบการไทยจะได้เปรียบเรื่องแหล่งเงินทุนและองค์ความรู้การทำธุรกิจ เนื่องจากผู้ประกอบการไทยมีประสบการณ์การทำธุรกิจจากสิ่งใกล้ตัวพร้อมกับธุรกิจภาคการเกษตรได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ใน สปป.ลาว มีกฎหมายที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งต่างชาติสามารถถือหุ้น 100% ได้


ข้อแนะนำสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยที่ต้องการลงทุนทำธุรกิจใน สปป.ลาว ที่มีจำนวนประชากร 7 ล้านคนโดยประมาณ ธุรกิจการท่องเที่ยวและธุรกิจภาคการเกษตร เป็นธุรกิจที่น่าสนใจสำหรับผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะภาคการเกษตร เนื่องจากประชาชนใน สปป.ลาว นิยมปลูกกินเองในครัวเรือน ไม่สามารถผลิตเป็นเชิงอุตสาหกรรมและเชิงพาณิชย์ได้ นอกจากนี้การเช่าพื้นที่ทำการเกษตรก็สามารถสัมปทานได้ 30 ปี ต่อได้ 2 ปี โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนซื้อเอง ดังนั้นการมาเพาะปลูกใน สปป.ลาว จะคุ้มค่ามากกว่าในไทย แต่ถ้าหากต้องการนำผลิตไปแปรรูปแนะนำว่าแปรรูปที่ไทยจะคุ้มค่ามากกว่า


ทางด้าน น.ส.อัยรินทร์ กิตติพงศ์โกศล ผู้จัดการประจำประเทศไทย ธนาคารร่วมพัฒนา (Joint Development Bank : JDB) เปิดเผยว่า ศูนย์แนะนำการลงทุน JDB Representative Office ประจำประเทศไทย ให้บริการด้านเศรษฐกิจ การเงินและตลาดในประเทศลาว ให้นักลงทุนต่างชาติ เป็นตัวกลางในการประสานงานกับภาครัฐและเอกชนในประเทศลาว ตั้งอยู่ที่ชั้น 24 อาคาร เกษรทาวเวอร์ โดยหากนักลงทุนไทยต้องการคำปรึกษาด้านการเงิน การลงทุน หรือการดำเนินธุรกิจใน สปป.ลาว สามารถเข้ามารับคำแนะนำจากสำนักงานประจำประเทศไทยได้ เพื่อเราจะได้ customize solution ให้เข้ากับสถานการณ์ของลูกค้าแต่ละกลุ่มได้ ซึ่งกลุ่มเป้าหมายนักลงทุนไทยของ JDB Bank ยังคงเป็น SME ผู้ประกอบการเอกชนระดับกลางถึงใหญ่

“เรามองว่าศักยภาพการลงทุนของไทยยังดี มีกำลังซื้อด้านการลงทุนที่ดี ประกอบกับกลุ่มลูกค้าคนไทยค่อนข้างมีศักยภาพ ซึ่งอาจเป็นทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจของตลาดทุนของ 2 ประเทศด้วย โดยสำนักงาน JDB Representative Office ในกรุงเทพฯ จะให้บริการในรูปแบบ Private Banking คือ ให้คำปรึกษากับนักธุรกิจไทยที่อยากลงทุนหรือทำธุรกิจใน สปป.ลาว โดยตั้งเป้าจะเป็นศูนย์กลางประสานงานให้นักธุรกิจได้พบปะเชื่อมสัมพันธ์ เพื่อนำไปสู่การเป็นพันธมิตรทางการค้าระหว่าง 2 ประเทศให้ยั่งยืนและมั่นคง”
น.ส.อัยรินทร์ ระบุ


อย่างไรก็ตามกลุ่มเป้าหมายของศูนย์ที่ไทย จะมุ่งเจาะตลาด SMEs และที่อยากแนะนำคือ ธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร โรงแรม ทัวร์ หรือการจัดกิจกรรมท่องเที่ยวใน สปป.ลาว เพราะการท่องเที่ยวถือเป็นธุรกิจอันดับ 1 ของ สปป.ลาว หรือสินค้าเกี่ยวกับอุปโภคบริโภค ขณะเดียวกันเรายังเป็นธนาคารใหญ่ในลาว มีฐานข้อมูลของลูกค้าและธุรกิจใน สปป.ลาว ดังนั้นหากนักลงทุนไทยสนใจ สามารถให้คำแนะนำจนไปสู่การจับคู่ทางธุรกิจของไทยกับธุรกิจทางลาวให้เติบโตก้าวหน้าได้ในอนาคต และเรายังได้ลงนามความร่วมมือกับธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) เพื่อขับเคลื่อนการค้าการลงทุนไทย-สปป.ลาว โดย EXIM Bank อาจปล่อย Syndicated Loans เพื่อช่วยเหลือนักลงทุนได้มีทางเลือก

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *


กำลังโหลดความคิดเห็น