“ปกติขาย 299 แต่ลูกค้าไม่เอาตังค์ทอนบาทหนึ่งก็เท่ากับ 300 ราคาเดียว One Price เลยครับ คือวันนี้เราต้องรู้ว่าทาร์เก็ตกรุ๊ปเป็นใคร? 1. นักท่องเที่ยว บางครั้งถือเพื่อใส่ของชั่วครู่ชั่วยาม สัมภาระเยอะแยะเวลาไปโน่นไปนี่ ก็ใช้กระเป๋าลุงยูรนี่แหละ เราต้องราคาขนาดนี้”
ลุงยูร หรือ คุณประยูร พูลขาว เจ้าของผลิตภัณฑ์จักสาน (งานแฮนด์เมด) จากกระจูดที่ลูกค้าในตลาดรู้จักกันเป็นอย่างดีมานานกว่า 20 ปีภายใต้ชื่อแบรนด์ว่า “กระจูดไทย”บอกเล่าถึงจุดขายใหม่ในปัจจุบันซึ่งผลิตภัณฑ์ของลุงยูรเองมีการปรับตัวมาตลอดเพื่อให้สอดรับกับลูกค้าในตลาดที่เปลี่ยนไปด้วย แต่ทว่ายังมีแต้มต่อในเรื่อง “คุณภาพ” ที่ลูกค้าทรงจำและติดลุงยูรมาด้วยการบริการที่ใส่ใจซึ่งยังคงทำให้ไม่ว่าจะผลิตสินค้าแบบใหม่ออกมาก็ขายดีจนหมดเกลี้ยงทุกรอบ ไม่เพียงพอกับความต้องการของลูกค้า!“เมื่อก่อนผมยิ่งใหญ่มากยิ่งใหญ่จริง ๆ คือลูกน้องนี่มีประมาณ10 คน อยู่ละแวกใกล้ ๆ กันผมนี่ไม่ต้องทำอะไรเลย ผมแค่จัดรูปแบบขับรถส่ง ให้กับทีมงานต่าง ๆ เหล่านี้ แต่พอโควิด-19 เกิดขึ้นมาปุ๊บ กลุ่มทีมงานของผมเนี่ยเขากลับไปภูมิลำเนาเพื่อที่ไปต่อสู้ไปตั้งหลักใหม่ เพราะอยู่เมืองหลวงบางครั้งเนี่ยเขาก็มีงานหลักของเขาอยู่เดิมเป็นพวกงานตัดเย็บเสื้อผ้า แล้วก็มีงานลุงยูรซึ่งเขาก็จะแบ่งวันเพื่อมาทำให้ด้วย แต่พอเกิดโควิดฯปุ๊บงานเขาที่มีประจำเนี่ยไม่มี! พอไม่มีงานลุงยูรเสริมก็ไม่พอกับเขาแล้วเขาครอบครัวใหญ่ เขาก็เลยต้องกลับไปภูมิลำเนาเดิม.. ตอนนั้นลุงยูรมีออร์เดอเข้ามาเยอะมาก คือถ้าแบบไม่มีผ้าซับในเลยนะเดือนหนึ่งผมได้ 4,000 ใบ นี่คือเป็นลูกค้าจากไต้หวันนะแบบไม่มีผ้าซับใน ไม่มีหุ้มก้น อันนี้คือเป็นออร์เดอนอก พอเขาไปขายอยู่ประมาณ 3 เดือนเนี่ยก็จะมีออร์เดอเข้ามาแล้ว มีการสั่งพรีออร์เดอเข้ามาก่อน ผมนี่เติบโตมาจากกระจูดเป็นที่ตั้งเลย”
Survivor! ด้วยการนำพาสินค้า จากภูมิปัญญาท้องถิ่นมาสู่เมือง
ทีแรกว่าจะตั้งชื่อว่ากระจูดใต้นะครับแต่ว่าพอกระจูดใต้เนี่ยรู้สึกว่า มันจะเป็น Local เกินไปก็เลยเป็น “กระจูดไทย” ดีกว่า คือตัวผมเองพื้นเพอยู่ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ชะอวดเนี่ยเป็นแหล่ง “กระจูด” เยอะมากแทบจะเรียกว่าลักษณะบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ของกระจูดเลย“ทีนี้ผม เนื่องจากว่าเรียนจบปุ๊บก็เข้ามาทำงานที่กรุงเทพฯ แต่ทีนี้ว่ารายได้จากองค์กรจากบริษัทมันไม่พอกับค่าใช้จ่าย รายได้ไม่พอกับค่าใช้จ่ายก็เลยกลับไปภูมิลำเนาเดิมเข้าไปคุยกับแม่ บอกว่าผมนี่รายได้ไม่เพียงพอนะอยากจะเอาผลิตภัณฑ์กระจูดเนี่ย เมื่อ 20 ปีที่แล้วก็บอกจะมาขายที่กรุงเทพฯ ก็เบื้องต้นก็รับที่สำเร็จรูปมาเลยนะครับ รับมาขายที่นี่ เมื่อก่อน 20 ปีที่แล้วนี่ลูกค้าทั่วไปแทบจะไม่รู้จักต้นกระจูดเลย แต่รู้จักอย่างเดียวคือมันเป็นจักสานชนิดหนึ่ง ทีนี้ความเป็นจักสานงานแฮนด์เมดเนี่ยก็ยังเป็นที่ต้องการของตลาดอยู่ ด้วยความที่ว่ามันทำยากนะแล้วเมื่อก่อนนี้ราคามันจะสูงกว่านี้ครับ ขนาดเมื่อก่อนผมทำไม่มีผ้าซับในเลยเนี่ยราคาก็จะสูงกว่าปัจจุบัน เปิดตลาดครั้งแรกที่ “จตุจักร”เลยครับ คือจตุจักรมันเป็นตลาดที่สากลที่สุดแล้วครับ” ทีนี้พอเอามาปุ๊บเนี่ยตลาดก็ตอบรับดี คนที่รับไปขายต่อก็มี แต่ทีนี้เนื่องจากว่าจากภูมิปัญญาของชาวบ้านที่ภูมิลำเนาผม เขาก็ทำแบบเดิม ๆ ทีนี้ลูกค้าก็เกิดความเบื่อ ความเบื่อผมบอกเอ้ยไม่ได้แล้วงั้นผมต้องเริ่มดีไซน์เองแล้ว
ประมาณ 3 ปียอดก็จะตก ตกลง ๆ ทีนี้ผมก็เริ่มไปขึ้นทะเบียน OTOP จังหวัดนนทบุรี ครั้งแรกก็คัดได้ประมาณ 4 ดาว ทีนี้ว่าพอไปแสดงที่งานโอทอปเนื่องจากว่าตัวผมเองอยู่ จ.นนทบุรี เวลาเขาจัดโซนนิ่งเนี่ยกระจูดมันมาจากนครฯ กับพัทลุงโซนนิ่งก็จะไปอยู่ในกลุ่มโน้นทั้งหมดเลย ลูกค้าแทบจะไม่เจอผมเลยเพราะผมอยู่ใน จ.นนทบุรี เขาไม่ได้จัดโซนนิ่งมาอยู่เดียวกัน ผมก็ไม่ได้ขายไม่เคยได้เลยทั้งที่ผลิตภัณฑ์ผมแปลกกว่าชาวบ้านทั้งหมดนะครับ หลังจากนั้นผมบอกงั้นก็ไม่ต้องไปออกงานที่โอทอปก็เน้นตลาดที่จตุจักรเป็นที่ตั้งดีกว่า “ก็เริ่มลุยอย่างเดียวเลย ตั้งแต่ดีไซน์เอยสีเอยอะไรเงี้ยครับ และก็มีช่วงบูมสุด ๆ ก็มีอยู่ช่วงก่อนหน้านี้ 10 ปี ผมก็ไปแสดงงานที่โตเกียวผมก็มีออร์เดอเข้ามา และก็ส่งไต้หวันครั้งละ 4,000-5,000 ใบ ก็ทำอยู่อย่างนั้นประมาณสัก 3 ปีได้”
ลดไซซ์การผลิตสู้วิกฤต “โควิด-19” ผ่านมาได้แถมครองใจลูกค้าด้วย “คุณภาพ”
โอทอปพรีเมียมโกอินเตอร์ พอผมไปแสดงอยู่ที่โตเกียวก็ลูกค้าไม่ได้อยู่ที่โตเกียวอย่างเดียวลุกค้าจากในโซนอื่นเขาก็ไป แต่ผมที่ไปได้ก็คือจากไต้หวันเขาก็ซื้อกับผมอยู่ประมาณ 3 ปี ผมก็เติบโตจากตรงนั้น “แต่ทีนี้ข้อด้อยของมันก็คือ1.สมมุติว่าลูกค้าสั่งมา10 นิ้วเงี้ย เราไม่สามารถสเป็กได้ 10 นิ้วเลย เพราะว่าต้นกระจูดนี่มันจะไม่บาลานซ์กันทุกเส้น ถอนมาเส้นเล็กบ้างใหญ่บ้างแล้วมาถึงเข้าบล็อกเข้าเบ้ามันเนี่ย มันก็ไม่เสมอ อย่างทางญี่ปุ่นเองเขาจะซีเรียสเรื่องนี้มาก ความสูง ความกว้าง เราทำไปเนี่ยถูกรีเจคท์มาจนรู้สึกเหนื่อยล้า ข้อด้อยของมันอย่างที่ว่าแล้วก็เราขึ้นรูปเองไม่ได้ ต้องชาวบ้านขึ้นรูป ชาวบ้านขึ้นรูปก็ขึ้นตามวิถีของเขาไม่ใช่วิถีเรา ไม่ได้สเป็กอีกทำไปก็ถูกรีเจคท์อยู่เนือง ๆ จนรู้สึกว่าคงจะไม่ได้แล้ว ก็ส่งไปได้สักล็อตสองล็อตเขาก็หยุดการสั่งซื้อจากเรา” พอญี่ปุ่นหยุดสั่งซื้อผมบอกไม่เป็นไรหรอกเรายังมีตลาดรองรับอยู่ ก็คือตลาดจตุจักรนั่นแหละเป็นที่ตั้งอยู่ ผมมีจตุจักรเป็นที่มั่นอยู่ตลอดเลย แล้วลูกค้าเนี่ยจะวอล์คอินเข้ามา ถ้ามาเจอที่นี่ก็ซื้อเลย ถ้าซื้อกลับไปแล้วก็กลับมาซื้อใหม่
เราต้องมีไอเดียแล้วว่า ถ้าเอารูปแบบอย่างเงี้ยมาเราจะไปในทิศทางไหน อย่างถ้าเราสั่งความสูง ความยาว ความกว้าง มาเท่าไรปุ๊บเนี่ยถ้าเราสั่งมา 100 ใบ ถ้าเราไม่คิดว่าเราต้องดีไซน์เนี่ยเท่ากับ เราได้แบบเดียว ทีนี้เรามาทำเช่น จีบข้าง จีบกลาง ทำอย่างเงี้ยบ้างอะไรเงี้ยมันก็จะได้ประมาณ 100 ใบ เราก็จะได้หารออกมาเราจะได้ 4 แบบ ก็จะได้อย่างละ 25 ใบ ไม่ซ้ำกัน“อาจจะเนื่องด้วย material ในท้องถิ่น ที่ไม่เอื้อต่อเขาหรือแม้แต่เครื่องจักร เครื่องจักรของเขาก็เป็นจักรธรรมดา แต่อย่างของลุงยูรเนี่ยมันจะเป็นสเปเชียลใช้งานเฉพาะทาง แต่ละตัวก็ใช้งานเฉพาะทางทั้งนั้นเลย และก็ material ต่าง ๆ เนื่องจากลุงยูรอยู่กรุงเทพฯ มันจะใกล้กับสถานที่ซื้อของพวกนี้ ก็เลยทำให้เราได้เปรียบตรงนั้นนะครับ และของผมนะฮะงานต้องเนี๊ยบทุกชิ้นนะครับ ความบาลานซ์ของหูของสายกระเป๋าต้องเนี๊ยบทุกชิ้น ถ้าไม่บาลานซ์ผมไม่ให้ลูกค้าเลย ตรงนี้ก็คือผมเป็นหลักประกันให้กับลูกค้ามาอย่างยาวนานเลยครับ ขนาดที่ผม LIVE สด มีอยู่ช่วงหนึ่ง ช่วงขณะโควิดฯ ผมบอกเลยว่าถ้าระหว่างการจัดส่ง หรือสินค้าผมมีตำหนิลุกค้าส่งคืนผมเลย ผมเคลม 100%เลย ผมการันตีมาอย่างนี้ตลอดแม้จนถึงทุกวันนี้ ผมก็ยังเป็นอยู่ แม้แต่ลูกค้าของสึกส่งมาลุงยูรบริการซ่อม บริการมาตลอดเลยครับ”และทุกวันนี้ลูกค้าก็ยังติดแต่ว่าเราไม่มีกำลังการผลิตที่จะผลิตให้เยอะตามความต้องการของลูกค้าได้เลย ขณะที่เจ้าอื่นเขาก็ขายออนไลน์กันเต็มไปหมดแต่ขณะลุงยูรยังมี message เข้ามาถามตลอดลุงยูรรุ่นนี้ไม่มี รุ่นนี้ไม่มี แต่ลุงยูรบางครั้งกำลังการผลิตไม่ทัน
ปรับรูปแบบตามไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ จะใบเล็ก-ใหญ่ก็ขายราคาเดียว!
เบื้องต้นมันเกิดจากความลำบากก่อน ความลำบาก รายได้มันต่ำ ทำให้เรามีทีนี้ว่าแรงบันดาลใจมันจะมาจากไหน ในเมื่อไอ้ตัวนี้เราขายได้อยู่ทุกวันเนี่ยแต่เราจะขายเดิม ๆ อยู่ทำไม ลูกค้าเองเขาก็ถามลุงยูรไม่มีแบบใหม่บ้างเหรอ ลุงยูรไม่มีแบบใหม่บ้างเหรอ เจอคำถามซ้ำ ๆ จนเรารู้สึกว่าถ้าเราอยู่อย่างเงี้ย ลูกค้าก็ต้องไปที่อื่นแน่ อย่างเขาซื้อผม 10 ไปซื้อเจ้าอื่น 10 ไปซื้ออีกเจ้าอื่น 10 แต่ทำไมไม่ซื้อผมทีเดียว 30 ล่ะ? ผมก็เลยงั้นผมต้องออกแบบ“ผมเริ่มตั้งหลักเลย ดูทุกอย่างนะครับดูเอกสารต่าง ๆ ไล่ดูจนลูกค้าเริ่มติด ติดถ้าต้องการรูปแบบแปลก ๆ ของกระเป๋านะครับ ต้องลุงยูรเท่านั้น”ทุกวันนี้เลยนะครับ ณ ปัจจุบันเลย 30 ใบ ต่อ 1 สัปดาห์ ตั้งแต่กระบวนการแรกเลยตั้งแต่ process แรกเอากระเป๋าไปชุบน้ำให้มันนิ่ม แล้วก็จับจีบมัน จับจีบเสร็จเพื่อให้มันอยู่ในรูปทรงก็ไปชุบกาว ชุบกาวเสร็จผึ่งแดด ผึ่งแดดเสร็จเคลือบแชล็คให้มันมีความมัน และก็ขณะที่รอ process พวกนี้อยู่กลางคืนก็มานั่งเย็บสายมันเย็บปกทั้งหลายมัน ก็ 30 ใบ ถ้าขายหมดก็ได้ถ้าตีว่า 300 (ปกติขาย299) แต่ลูกค้าไม่เอาตังค์ทอนบาทหนึ่งก็เท่ากับ 300 ก็จะได้ประมาณ 9,000 บาท“ราคาเดียว One Price เลยครับ คืออย่างใบใหญ่เนี่ยทำไมเอ๊ะทำไมใบใหญ่ราคาก็ 299 ใบเล็กก็ 299 ใบใหญ่ลุงยูรก็จะไม่แปะอะไรตรงนี้ไปให้ พอใบเล็กก็จะให้แผ่นหนังตรงนี้ มันต่างกันตรงดีเทลที่ใส่เข้าไป พอลูกค้าบอกทำไมถ้างั้น ไอ้ใบนี้มันมีอันนี้ ไอ้นี้ไม่มี เราก็สามารถที่จะตอบโต้และก็พูดโต้แย้งลูกค้าได้ว่าทำไมราคาเท่ากันฉันก็ซื้อใบใหญ่ทั้งหมดเลยดีกว่า แต่ใบเล็กเนี่ยเราใส่กิมมิคเข้าไปแล้ว”
แต่วันนี้ลุงยูรก็อยู่ในเซฟโซนมากเพราะว่า 1.ยังคิดว่า มันจะเกิดวิกฤตอะไรขึ้นมาอีกบ้างน้อ? เบื้องต้นในวิกฤต “การเงิน” ก็คือกำลังซื้อเริ่มบ้านเรานะ คนบ้านเรานะ ตึงมาก! บ้านเราแทบจะไม่หยิบเลยนะลุงยูรขายได้เนี่ยทาร์เก็ตกรุ๊ปเนี่ยคือ ต่างชาติ ประมาณ90% เพราะฉะนั้นเลยตั้งคำถามว่า จะผลิตเพื่อ เพื่อคนบ้านเรา หรือผลิตเพื่อลูกค้าต่างประเทศ ลูกค้าต่างประเทศกำลังซื้อเขามี ขณะที่ของเราราคามันได้ ก็เน้นไปที่ตรงนั้นดีกว่า ฉะนั้นถ้าลูกค้าบ้านเราอยากเน้นมีผ้าซับใน มีหุ้มก้น มันมีร้านต่าง ๆ ให้เลือกอยู่หลายร้านในจตุจักร เราก็เลยคิดต่างไปเลย
เริ่มจับทางตลาดถูกไม่เน้นสต๊อกแบบเยอะ ข้อดีของ “จตุจักร” คือเป็นตลาดโลก!
คือเนื่องจากลุงยูรเริ่มจับทางถูกว่า ตลาดจตุจักรเนี่ยเราไม่ต้องผลิตสินค้าให้มันหลากหลาย เพราะว่าลูกค้าประเทศไต้หวันบ้าง
ฮ่องกงบ้าง มาครั้งเดียวก็กลับขณะที่เขาซื้อไปแล้ว พอวีคต่อไปเนี่ยลูกค้าอาจจะมาจากเกาหลีมาถึงเห็นสินค้า มันเหมือนสินค้าใหม่ในสายตาของเขา เพราะว่าเขาเพิ่งมาเจอ แต่ถ้าลุงยูรขายอยู่ในตลาดคนไทยอย่างขายอยู่ท่าน้ำนนท์ ลูกค้าถ้าลุงยูรผลิตแบบซ้ำ ๆ อย่างเงี้ยจะไม่มีคนซื้อเลย“แต่นี้การที่ลุงยูรผลิตแบบเดิม ตอนนี้มีอยู่ 4 แบบ เดิม ๆ ทุกสัปดาห์เนี่ย 1.การผลิตเนี่ยเราจะสเปเชียลในเรื่องการผลิต 2.material ต่าง ๆ เราสั่งมาเป็นล็อต ๆ สามารถผลิตได้ตลอดไปเลย แต่ถ้าเมื่อก่อนสั่งกระเป๋ามาแบบหนึ่ง สั่ง material มาแบบหนึ่ง เอ้าขายไม่ได้ค้างสต๊อก! มันจะเป็นอย่างงี้ ทุกวันนี้ ตอนนี้ลุงยูรสั่งไปแล้วนะ 200 ใบ แบบเดิมกันหมดเลยเขาเรียก สอบนั่งถ้าเป็นทรงแบบนี้(พลางยกชิ้นงานขึ้นให้ดู) สั่งไปแล้วถ้าเขามาปุ๊บ material รออยู่แล้วเดิม ๆ เลย ทีนี้เรามาประหยัดในเรื่องของต้นทุนแล้วก็ไอ้ตรงนี้ พอเราสั่งเยอะเนี่ยเขาก็ลดราคาให้เรา เพราะฉะนั้นวันนี้เนื่องจากว่ากำลังการผลิตลุงยูรบริหารจัดการอยู่คนเดียวเนี่ย ก็เลยสโคปกลับมาเล็กลงโดยใช้แบบเดิม ๆ”ข้อได้เปรียบของลุงยูรก็คือ1.มันเป็นตลาดโลก ที่ลูกค้าไม่ซ้ำ ถ้าเราขายอยู่ตลาดเดิม ๆ เนี่ยวันนี้ลุงยูรต้องผลิตแบบมหึมาเลย ก็คือแบบต้อง 20-30 แบบ ซึ่งการผลิต 20-30 แบบมันยากต่อการบริหารจัดการมาก และขณะเดียวกันเจ้าอื่น ๆ ในจตุจักร ถ้าคุณอยากได้แบบอื่นมันมีเจ้าอื่นที่จะตอบสนองคุณอยู่แล้ว ซึ่งตรงนั้นมีหลายเจ้ามากในจตุจักร ทีนี้ถ้าลุงยูรไปทำพวกนั้นก็เท่ากับไปแข่งขันกับเขา และขณะที่แข่งขันกับเขาราคาของเขาก็ไม่ได้จะสูงนัก เราก็เลยอย่าไปแข่งกับเขาดีกว่ามาในทิศทางของตัวเองดีกว่า และวันนี้ก็ยังจะมีอีกคอลเล็คชันหนึ่งน่าจะ ไอ้ตรงนี้ก็ยังคงอยู่แต่รูปแบบใหม่ก็กำลังจะมา
คือวันนี้ถ้าเราผลิตแบบเยอะแยะมากมาย 1.จตุจักรค่าเช่าที่แพงมาก อย่างที่เราไปวางขายในช่วงวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ซึ่งเมื่อก่อนผมเปิดร้านแต่เนื่องจากว่าพื้นที่มันแพงมาก ผมก็เลยมีพื้นที่อยู่เป็นบูธเครื่องดื่มของผม ก็จะใช้พื้นที่ตรงนั้นแหละไปวางจำหน่ายอยู่ตรงนั้น ซึ่งมากก็ไม่ได้ต้องวางในปริมาณที่ไม่น่าเกลียดเกินไป เหมือนการฝากขายประมาณนั้น แต่ถ้าลูกค้าต้องการสินค้าเป็นจำนวนมากก็สามารถบอกได้ ลุงยูรสามารถผลิตได้
ผลิตภัณฑ์มี Storytelling เล่าเรื่อง “ต้นทาง” ของวัตถุดิบ
คือสิ่งที่อยากจะให้ก็คือ 1.อยากให้ชาวบ้าน หลังจากกรีดยางเสร็จหลังจากเก็บพริกขี้หนูเสร็จอย่างเงี้ย หลังจากทำสวนเสร็จก็ได้มีตัวนี้เป็นรายได้เสริมซึ่งเราเนี่ยเป็นหลักประกันให้เขาได้นะว่า 1.ลุงยูรสั่งทั้งปีทั้งชาติและก็จะไม่แปรพักตร์ดูแลเจ้าไหนก็จะดูแลเจ้านั้นไปตลอด เขาก็ฝากความหวังไว้กับเราว่าลุงยูรสั่งฉันคนเดียวนะ สั่งฉันคนเดียวนะ เพราะว่าคนจักสานเขาจะดูแลผู้ผลิตอย่างลุงยูรเป็นเจ้า ๆ ไป ลุงยูรไม่สามารถไปสั่งเจ้าโน้นซึ่งมันต้องคุยกันใหม่แต่นี้ไม่ต้องคุยกันใหม่เพราะว่าตรงนี้เขาจะต้องมีโมลด์ของเขา เขามีโมลด์ของเขาอยู่แล้วไม่ต้องไปทำใหม่ ซึ่งมันทำให้งานจักสานเร็วขึ้น ถ้าเราไปคุยเจ้าอื่นเขาต้องทำโมลด์ใหม่คิดค่าทำอีกการจักสานมันจะเหมือนเจ้านี้อีกหรือเปล่า ก็เลยสั่งเจ้าเดิม ๆ ซึ่งเจ้าเดิม ๆ จะมีคนดูแลอยู่หนึ่งคนก็รับออร์เดอ1 คนก็ไปเก็บจากเพื่อนบ้านอีก 20 คนก็มาส่งลุงยูร“คือลุงยูรค่อนข้างจะพรีเซ็นต์ตัวเองเยอะนะ อย่างเช่นวันสองวันนี้ก็โพสต์ขึ้นเฟซบุ้กแล้ว สร้างสตอรีแล้วเอากระจูดที่มันแปลก ๆ ขึ้นมา แล้วบางครั้งก็เนี่ยนั่งเย็บอยู่อย่างเงี้ยนั่งเงี้ย ๆ ก็โพสต์ขึ้นสตอรี ซึ่งคนอื่นเขาไม่มีอ่ะ เขาไม่มีว่าเรื่องเล่าของผลิตภัณฑ์เขามายังไง ๆ อย่างเงี้ยลุงยูรจะสร้างเรื่องเล่าให้กับโปรดักส์เป็นระยะ ๆ ถ้าลูกค้ากำลังจะลืมเนี่ยก็จะเล่าเลย ถ้าลงปักษ์ใต้เมื่อไหร่ก็จะไปอยู่ในดงกระจูดเลยไปอยู่กับป้านั่งเล่นกับเขา”ถ้าไปปักษ์ใต้ก็จะไปดูตั้งแต่ถอนต้นกระจูด แบกมาใส่ลำเรือ มาคลุกโคลน เน้นรีดเส้น ที่จะสร้างสตอรีว่าลุงยูรอยู่ชะอวดนะตอนนี้มาดูสิ่งจักสานนะป้าคนโน้นป้าคนนี้ก็ไปนั่งคลุกคลีกับเขา “บางครั้งเราอยู่กรุงเทพฯ เราอยู่นนทบุรีเนี่ยเราเหมือนกับว่า รับสินค้าคนอื่นมาขายหรือเปล่า? ไม่เห็นมีสตอรีเลยแต่ลุงยูรบอกว่า ลุงยูรคือของจริงนะ ของจริง อยู่ในดงกระจูดแต่มาแปรรูปที่นี่ พี่ป้าน้าอาที่อยู่ด้วยกันนี่ก็คือญาติ ญาติพี่น้องมานั่งคลุกคลีกันอยู่” ก็พยายามสร้างสตอรี สร้างความเห็นอกเห็นใจว่า กลุ่มชาวบ้านเนี่ยเราสร้างสังคมให้ชาวบ้านเนี่ยลูกเต้าไม่ต้องไปทำงานนอกบ้าน มาอยู่ร่วมกันมาจักสานกระจูดด้วยกัน ป้าสาน แม่สาน พ่อเป็นคนถอนกระจูด ลูกก็กำลังนั่งตัดขอบเส้นกระจูดอะไรเงี้ย คือ1.สร้างสังคม และก็สร้างเศรษฐกิจชุมชน
เตรียมย้ายฐานการผลิตกลับสู่ภูมิลำเนา สร้างงาน& รายได้พร้อมเปิดให้ความรู้ด้วย
ลุงยูร-คุณประยูร พูลขาว เจ้าของแบรนด์ “กระจูดไทย” บอกด้วยว่า สินค้าที่ขายออนไลน์อยู่ในวันนี้มันแทนที่จะแข่งกันเรื่องของ “คุณภาพ” มาแข่งกันเรื่องราคาถูกกว่ากัน ตัดราคากัน แต่ว่ามันเหมือนกันหมดแล้วมาจากแต่ละถิ่นสินค้าก็จะคล้ายกันด้วย material ของท้องถิ่น แต่ของลุงยูรจะมีความต่างแต่วันนี้ “แรงงาน” มันยากมาก! แล้วคนที่จะมี Skill มีทักษะจะมาอยู่ร่วมหัวจมท้ายด้วยกับเราเนี่ยแทบจะไม่มีเลย แต่ว่าวันนี้ลุงยูรก็ปลุกผีตัวเองขึ้นมาอีกแล้วนะคุยกับลูกเมื่อสักพักบอกว่า ขณะที่เรามีเครื่องไม้เครื่องมือเยอะขนาดนี้เราจะปล่อยให้มันเสื่อมสภาพไปไม่ได้ เดี๋ยวพ่อจะลุกขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง จะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ลูกบอกพ่อเอาเลย!“เพียงแต่ว่าวันนี้ผมกำลังอยากจะได้ คือไม่อยากส่งไปทำงานที่บ้านไม่อยากใช้เอ้าท์ซอส อยากจะให้มาผลิตร่วมกันที่นี่เลย แต่พอมาผลิตร่วมที่นี่เราต้องประกันรายได้ให้เขาด้วย เบื้องต้นนะครับเนื่องจากว่า skill ของการผลิตกระจูดคนปักษ์ใต้ คนในอำเภอบ้านลุงยูร อ.ชะอวด น่าจะมีมากกว่าคนในเมืองหลวง และก็งานน่าจะหายากกว่าคนในเมืองหลวง ก็เลยไปสร้างบ้าน(ตู้คอนเทนเนอร์) ไว้อย่างใหญ่เลย ก็คาดว่าจะยกจักรพวกนี้ไปเบื้องต้นนะครับก็จะทำเป็น “ศูนย์เรียนรู้” ก็จะสอนตั้งแต่กระบวนการแรก กระบวนการต้นน้ำสู่ปลายน้ำเลย และก็แม้กระทั่งว่าการตลาด แม้กระทั่งว่าการตกแต่งรูปในเฟซบุ้กการฝังลายน้ำในรูปผลิตภัณฑ์เราจะทำกันอย่างไร เพื่อไม่ให้คนอื่นเขาก๊อปปี้จะสอนทุกอย่าง” ในเบื้องต้นก็จะเอานักเรียน-นักศึกษาจากไหนก็ได้ คาดว่าเร็ว ๆ นี้เพราะว่าบ้านตอนนี้มันไป 80% แล้ว เบื้องต้นก็จะให้พวกนี้จะสอนเป็นวิทยาทานก่อน แต่ว่าขอเป็นมาแบบเป็นหมู่คณะไม่เอาเป็นรายบุคคล เพราะรายบุคคลบางครั้งเขาก็ไปทำธุรกิจของเขาก็ไม่ได้แชร์ให้คนอื่นเลย แต่ลุงยูรจะเอาไปแชร์เป็นหมู่คณะ
คือขณะที่เราแชร์เราแบ่งปันเนี่ย เราก็ทำธุรกิจตรงนี้ไปด้วยเราก็ขายผลิตภัณฑ์ของเราไปด้วย ขณะเดียวกันเด็กที่เขาไปทำแล้วเกิดเขาไม่มี skill ในเรื่องค้าขายเขาไม่อยากจะทำ เขาอาจจะลุงยูรเดี๋ยวไปอยู่กับลุงยูรด้วยมาทำงานกับลุงยูรสักปีหนึ่งแล้วค่อยไปที่อื่น เพื่อฝึกให้เข้มแข็งขณะเดียวกันเราจะได้งานจากบุคคลพวกนี้ด้วย“อีกอย่างหนึ่งถ้าผมไปผลิตตรงนั้นเนี่ย ต้นทุนตรงนี้มันก็จะถูกลงไปเยอะเพราะว่า กระจูดอย่างที่บอกลักษณะบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ของ อ.ชะอวด เพราะฉะนั้นเมื่อผมไปอยู่ตรงนั้นเนี่ยผมไปสั่งเองสั่งด้วยตัวเองไม่ต้องพิมพ์ LINE และก็ไม่ต้องมีค่าขนส่งค่ารถไฟมานี่ แล้วอีกอย่างหนึ่งแบบเนี่ยที่ลุงยูรบอกว่ามันจะเปรี้ยง! มากกว่านี้ เพราะว่าเราเริ่มรู้เริ่มรู้ว่าวันนี้ตลาดต้องการอะไร แล้วขณะที่ลุงยูรนะขึ้นลง ๆ ระหว่างกรุงเทพฯ-ชะอวด ๆ เนี่ย 1.เรารู้ตลาดกรุงเทพฯ เรารู้ตลาดเมืองหลวง 2.เรารู้ตลาดออนไลน์ แต่สิ่งที่ควบคุมไม่ได้ลุงยูรควบคุมไม่ได้วันนี้ลุงยูรสั่งแค่พิมพ์ LINE ไปอย่างงี้ ๆ เท่านี้ แต่หลังจากนี้ลุงยูรจะไปดีไซน์เลย แล้วก็จับมือทำเลย 1.แม่นขึ้น 2.โปรดักส์เนี่ยบางครั้ง สานง่ายได้เยอะด้วยดีไซน์”
ลดไซซ์การผลิตแต่ยังขายดี 20 ปีกระจูดไทย ชูกลยุทธ์ใหม่สุดปัง “ราคาเดียว”! การปรับตัวให้เข้ากับตลาดพร้อมการรักษา
“คุณภาพ” จนสามารถครองใจลูกค้าในตลาดได้ จากผลผลลัพธ์ที่ตอบกลับมาคือ ผลิตได้เท่าไรก็ไม่เพียงพอกับความต้องการของลูกค้า ขอบคุณเรื่องราวแห่งแรงบันดาลใจดี ๆ จากลุงยูร-คุณประยูร พูลขาว เจ้าของแบรนด์กระจูดไทย Survivor! จากวิฤตรายได้เมื่อครั้งอดีตแต่สามารถนำพาตนเองให้ก้าวผ่านมาได้ด้วยการนำสินค้าจากภูมิปัญญาท้องถิ่นมาสู่เมือง แจ้งเกิดผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ได้อย่างสำเร็จและยิ่งใหญ่มาก ๆ ระดับโกอินเตอร์มาแล้วจากอดีตจนถึงในปัจจุบัน
สามารถติดตามผลงานหรืออุดหนุนสินค้าได้ที่ เพจ: กระจูดไทย(Krajoodthai) หรือลุงยูร คุณประยูร พูลขาว
คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด