กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ออกประกาศเตรียมขีดชื่อนิติบุคคลออกจากทะเบียนจำนวน 11,515 รายให้มีสถานะ ‘ร้าง’ สาเหตุหลักคือไม่นำส่งงบการเงินติดต่อกันนาน 3 ปี มีสูงถึง 8,420 ราย เป็นเหตุให้เชื่อได้ว่าเลิกทำธุรกิจแล้ว และสาเหตุรองคือจดทะเบียนเลิกแล้วแต่ไม่มีตัวผู้ชำระบัญชีทำการอยู่อีก 3,095 ราย เป็นเหตุให้นายทะเบียนต้องดำเนินการตามกฎหมายเพื่อปรับปรุงฐานข้อมูลนิติบุคคลให้เป็นปัจจุบัน และปิดกั้นมิจฉาชีพนำข้อมูลเท็จไปหลอกลวงหรือหาประโยชน์จากประชาชน
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จะออกประกาศสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร 2 ฉบับ (ลงวันที่ 2 กันยายน และ 16 กันยายน 2567) เรื่อง จะขีดชื่อห้างหุ้นส่วนบริษัทออกจากทะเบียนจำนวน 11,515 ราย โดยเป็นนิติบุคคลที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร 2 กรณี คือ 1) ไม่ส่งงบการเงินติดต่อกันนาน 3 ปี นับจากปีปัจจุบันย้อนหลังลงไป ซึ่งเป็นเหตุให้เชื่อว่าไม่ได้ทำการค้าขายหรือไม่ดำเนินธุรกิจแล้ว มีจำนวน 8,420 ราย 2) จดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วนบริษัทแล้วแต่ไม่มีตัวผู้ชำระบัญชีทำการอยู่ หรือไม่ได้จัดทำรายงานการชำระบัญชี หรือไม่ยื่นจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีต่อนายทะเบียนภายในระยะเวลา 3 ปี นับแต่เลิกห้างหุ้นส่วนบริษัท มีอยู่จำนวน 3,095 ราย สำหรับนิติบุคคลที่ตั้งอยู่ในต่างจังหวัด กรมได้ประสานสำนักงานพาณิชย์จังหวัดให้เร่งตรวจสอบก่อนดำเนินการแบบเดียวกัน
อธิบดีอรมน กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้กรมได้ประกาศรายชื่อนิติบุคคลที่จะทำการขีดชื่อผ่านทางเว็บไซต์ www.dbd.go.th หัวข้อคู่มือทำธุรกิจ เลือกบริการข้อมูล เลือกจดทะเบียนธุรกิจ และเลือกประกาศถอนทะเบียนร้างและคืนสู่ทะเบียน ทั้งนี้ นิติบุคคลที่มีรายชื่อตามประกาศสามารถยื่นคำร้องชี้แจงต่อนายทะเบียนได้ภายใน 90 วันนับแต่วันที่ออกประกาศ หากพ้นระยะเวลาที่กำหนดจะถูกขีดชื่อออกจากทะเบียนและสิ้นสภาพนิติบุคคลทันที เว้นแต่จะแสดงเหตุให้เห็นเป็นอย่างอื่น เมื่อนิติบุคคลถูกเปลี่ยนเป็นสถานะร้างแล้ว จะไม่สามารถทำนิติกรรมใดๆ ได้อีกต่อไป แต่ความรับผิดของหุ้นส่วนผู้จัดการ ผู้เป็นหุ้นส่วน กรรมการ ผู้จัดการ และผู้ถือหุ้นยังคงมีอยู่และพึงเรียกบังคับได้ อย่างไรก็ตาม นิติบุคคลอาจคืนสู่ทะเบียนได้โดยการร้องขอต่อศาลภายใน 10 ปี นับแต่วันที่นายทะเบียนขีดชื่อออกจากทะเบียน ดังนั้น กรมขอกำชับให้ปฏิบัติอย่างถูกต้องตามกฎหมายเพื่อร่วมสร้างธุรกิจไทยให้มีความน่าเชื่อถือและมีข้อมูลทางการเงินที่ถูกต้องครบถ้วนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ
ขอเตือนนิติบุคคลให้ปฏิบัติอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อลดภาระในการดำเนินธุรกิจทั้งการเสียเวลา ค่าใช้จ่าย และค่าปรับต่างๆ เพื่อสร้างบรรทัดฐานที่ดีด้านความโปร่งใสในการทำธุรกิจของประเทศไทย รวมไปถึงการปรับปรุงฐานข้อมูลนิติบุคคลที่ไม่มีสถานะในการทำธุรกิจแล้วให้เป็นปัจจุบันทุกปี จะช่วยตัดวงจรของการนำข้อมูลนิติบุคคลที่ไม่ได้มีความเคลื่อนไหวทางธุรกิจ หรือนำชื่อไปแอบอ้างหลอกลวงประชาชนของกลุ่มมิจฉาชีพ ซึ่งประชาชนสามารถตรวจสอบข้อมูลหรือสถานะของนิติบุคคลด้วยตนเองได้ตลอด 24 ชั่วโมงทางเว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า www.dbd.go.th เลือกหัวข้อบริการออนไลน์ และเลือก DBD Datawarehouse+ หรือจะตรวจสอบผ่านแอปพลิเคชัน DBD e-Service ผ่านโทรศัพท์มือถือก็ได้เช่นเดียวกัน การันตีความง่าย สะดวก รวดเร็ว รู้ผลทันทีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย” อธิบดี กล่าวในตอนท้าย