“คนอกหัก คนแก่ เด็ก คนท้อง คนยากไร้ ตกงาน หรือไม่มีกินเดินมาหาผมเลย บอกขอข้าวกินหน่อยแค่นี้ไม่ยากเลย ผมไม่เคยบอกว่าร้านผมอร่อยเลยนะให้ลูกค้าเขาตัดสินใจเองแต่ว่า เรื่องความอิ่ม มาเลยผมก็กล้าสู้นะ”
เรื่องราวของพ่อค้าหัวใจใหญ่กว่าชาม! ร้านบะหมี่ป๊อก ๆ ใต้สะพานพระราม 7 ที่กลายเป็นไวรัลเต็มหน้าฟีดในโซเชียลฯ 50 บาทกินจุกินดุขนาดไหนสั่งกี่ก้อนก็ได้ไม่อั้น ซึ่งทำให้ผู้คนหลั่งไหลไปที่ร้านนี้ทุกวันจะเห็นคนยืนต่อแถวรอคิวกันยาวเหยียดเพื่อจะกินบะหมี่ป๊อก ๆ!!! และแน่นอนว่าในจำนวนนั้นก็จะมีทั้งคนมีกำลังซื้อที่อยากจะมาลองหรือมาประลองความกินจุแข่งกับความใจป้ำของพ่อค้า ที่กล้าให้สั่งได้แบบไม่อั้นด้วย และอีกคือคนที่ได้สิทธิ์กินฟรีตามเงื่อนไขของ “พี่กอล์ฟ-นายเอกรินทร์ ปักช่อ”พ่อค้าเจ้าของร้านบะหมี่ป๊อก ๆ เจ้านี้
เจอคนกินดุ “35 ก้อน/ชาม” คนเดียว!!! พ่อค้าก็เอาอยู่
ผมขายอย่างนี้มาตั้งแต่วันแรกแล้วนะ ผมบอกลูกค้าตลอดว่าพี่พิเศษ 50 พี่เอาบะหมี่กี่ก้อน? เขายังงงอะไรคือกี่ก้อน! ผมบอก 50 บาทพี่จะกินกี่ก้อนก็ได้ เขาบอกจริงเหรอ! ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเจอ ผมบอกพี่พูดมาเลยคำเดียวว่าพี่จะกินเท่าไร ขอให้กินให้หมดพอ เขาก็ส่วนใหญ่ลูกค้าที่เจอมา 5 ก้อน 6 ก้อน 7 ก้อน ไม่เกินนี้ ถ้า 10 ก้อนมันจะมีแค่ คนสองคน ไอ้น้องคนนั้นมันกินจุจริงกินตั้งแต่วันแรกที่ผมขาย ถามน้องมันดูได้อันนั้นขาประจำ
“สถิติล่าสุดที่มาคือ 35 ก้อน! ในคนเดียว เขาเป็นนักกินครับอันนั้นเขากินเร็ว กะละมังขาวเนี่ยเขากิน 35 ก้อน ผมไม่มีชามใส่ให้เขา ใส่ไป 100 ก้อนเขาก็กินหมดคนนี้ เขากินเร็วมาก! กินไม่ถึง 20 นาที ประมาณนี้หมดเร็วมาก ไม่พอกินเขาด้วยแต่ชามเรามันไม่มีไง ผมถึงบอกพวกกินจุให้เอาชามมาเองเลย อย่างพี่คนนี้เขามาเป็นครั้งที่ 3 แล้วใช่ไหม ผมก็บอกพี่เอาชามมาเองใช่ไหม อ้าวใช่ คนนี้เขาจะกินที 15 ก้อน”
เป็น “ไรเดอร์” ชีวิตเสี่ยง! งั้นหาอาชีพใหม่ได้แรงบันดาลใจมาจาก “แม่ค้าบะหมี่”
กอล์ฟบอกกับเราว่า ก่อนจะมาขายอันนี้เคยเป็น “ไรเดอร์” ไลน์แมนมาก่อน จุดประกายก็คือ เคยไปเบรกคว่ำในปั๊มน้ำมัน แล้วแฟนเขาบอกว่าไม่เอาแล้วมันอันตราย เขาไม่อยากให้เราไปขับแล้วก็เลยบอกว่าให้เราไปหาอะไรอย่างอื่นทำ เดี๋ยวเขาจะลงทุนให้“ตอนแรกก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไร ก็ไปเปิด tiktok เลื่อนดู ๆ ก็ไปเจอแรงบันดาลใจจากน้องคนหนึ่ง น้องเขาขายบะหมี่ป๊อก ๆเหมือนกันรถซาเล้งแบบนี้เลย เป็นผู้หญิงวัยรุ่นด้วย เขาช่วยพ่อแม่เขาขายทีนี้ผมก็เลยว่า เฮ้ยทำไมเด็กอายุน้อยกว่าเรา ทำไมความสามารถเขาสูงจังวะ! เขาบอกว่าเขามีแรงบันดาลใจว่าแบบ เขาก็สุด! แล้วเขาก็ไลฟ์สดขายใน tiktok ผมก็คิด เก่งว่ะ ก็เลยให้เขาเป็นแรงบันดาลใจ ผมก็เลยพิมพ์ข้อความไปในไลฟ์เขาบอกว่า ตอนนี้ผมอยากขายอย่างนี้บ้างครับ ผมขอกำลังใจหน่อยเขาก็เลยให้กำลังใจมา สู้ ๆ นะคะพี่ อะไรเงี้ยคือเราไม่รู้จักกันหรอกผมก็ไม่รู้จักเขา เขาก็ไม่รู้จักผม ผมบอกผมกำลังจะขายที่กรุงเทพฯ ขอกำลังใจหน่อยครับ ได้ไหมครับ เขาก็ให้กำลังใจมา สู้ ๆ นะคะขอให้ขายดี ขอให้ร่ำให้รวยคิดจะทำ ทำเลย” คำนี้ผมทำเลย ผมบอกแฟนผมทำเลย หาสถานที่
“นั่งอยู่ตรงนี้ 2 อาทิตย์ผมมานั่งอยู่ตรงนี้ ตรงนี้เป็นที่จอดนอนของพี่แท็กซี่เขา นอนเต็มไปหมดเลย เขาจะเอาไว้จุดพักรถเขาไงเพราะว่าป้ายฯ นี้มันเป็นป้ายร้างไม่ค่อยมีใครมารอขึ้นรถที่นี่ มานั่งคุยกับพี่เขาตั้งแต่เช้าจนบ่าย พี่ถ้าผมมาขายเนี่ยพวกพี่จะกินผมไหม? เฮ้ยกินสิ เพราะว่าวันจันทร์เนี่ยพี่วิ่งในกรุงเทพฯ บนฟุตบาทเทศกิจเขาจะขอ 1 วัน ไม่ให้ขายของ บอกกินเดี๋ยวพี่วอบอกพวกศูนย์พี่ให้ โอ๋ยตอนนั้นคิดพอแล้ว! ได้แล้ว 1 กลุ่มแล้ว” มั่นใจแล้วว่าเรามีกลุ่มลูกค้าที่เป็น “แท็กซี่” แน่ ๆ แล้ว แต่ตอนนั้นที่ขายคือมั่นใจว่าเราจะตั้งอยู่5 กลุ่ม ก็จะมีพี่แท็กซี่ ไรเดอร์(ไลน์แมน) แมสเซนเจอร์ รถโรงงาน วินมอเตอร์ไซค์ คือ 5 กลุ่มนี้ที่ผมต้องตีโจทย์ให้แตก ตั้งเป้าเป็นกลุ่มรากหญ้าที่ผมต้องการจะขายให้เขาเพราะว่า ผมขับไรเดอร์มาผมก็มีความรู้สึกว่า วิ่งรถในกรุงเทพฯ 50 บาททำไมมันน้อยจังวะ ก็เลยบอกกับแฟนว่าเดี๋ยวถ้าเราเปิดร้านฉันจะเอาให้โลกจำเลย! สิ่งสำคัญผมบอกกับแฟนไว้ก่อนเลยก่อนผมจะขาย “ผมตั้งคำไว้เธอ ฉันขอเวลาเธอหนึ่งปี ถ้าไม่ดีนะเดี๋ยวฉันจะขายรถคันนี้ให้คนอื่นเขาทำมาหากินต่อ แต่ขอเวลาเธอแค่ปีเดียว เดี๋ยวฉันจะสร้างสิ่งมหัศจรรย์ให้เธอเห็น ภายในเวลาปีเดียว” วันแรกขายได้กำไร 400 ร้องไห้เลย ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นไรเดอร์ก็ได้ 1,000 กว่าบาท/วัน แต่ชีวิตมันเสี่ยงมันมากกว่า แฟนเขาไม่ให้ขับอีกเลย
ส่งต่อไม้ “การให้กำลังใจ” คนไร้ที่พึ่ง มากินให้ “อิ่ม” แล้วตั้งสติตั้งหลักกันใหม่
คนอกหักกินฟรี! อันนี้เรื่องจริงครับ เพราะว่า “อกหัก” จะคิดอะไรไม่ออก มันมีอยู่ไม่กี่อย่างหรอก ไม่กินเหล้าก็ฆ่าตัวตาย! เรื่องจริงเลย เจอจากประสบการณ์ก็คือล่าสุดเห็น พี่ไรเดอร์เขาไปโดดน้ำตายตรงที่สะพานเจษฎาบดินทร์ฯ แล้วกระโดดลงไปแล้วแต่ว่ามีคนช่วยได้ ผมก็เลยเข้าไปเห็นเขาผมก็เลยคอมเมนต์ไปบอกว่า พี่ไม่เอาแบบนี้สิ การที่ฆ่าตัวตายมันเข้าใจบางทีเขา คิดอะไรไม่ออก ผมบอกว่าพี่มาหาผมมากินข้าวให้อิ่ม นอนให้หลับ แล้วก็มาเอากำลังใจจากผม แล้วก็กลับไปสู้งานใหม่“ผมก็เลยรู้สึกว่าเฮ้ย ผมต้องออกแคมเปญนี้แล้วว่ะอย่างน้อย บางทีเขาอาจจะคิดว่าเขาไม่ได้มีอะไร แต่มันยังมีผมอยู่ไง ถึงเราไม่รู้จักกันน่ะ แต่เรายังเป็นเพื่อนร่วมโลกด้วยกันได้” ก็เลยมีความรู้สึกว่า มากินข้าวให้อิ่มก่อน ถ้าสมองมันแล่นแล้วเนี่ย เขาอาจจะไม่คิดอะไรตรงนั้น ก็เลยออกแคมเปญว่าใครอกหักหรืออะไรอย่างนี้มาหาผมดีกว่า อย่าไปทำอย่างนั้นมันไม่ดี ชีวิตเรามีค่ากว่านั้นเยอะ มาตั้งสติ มากินข้าวให้อิ่มก่อน คนเราส่วนใหญ่ถ้ามี กินข้าวอิ่ม ได้กำลังใจที่ดีผมว่าเขาไม่คิดแบบนั้นหรอก ผมก็บอกว่า พี่มากินเลยกินจนกว่าพี่จะ“กินฟรีอ่า เอาง่าย ๆ ดีกว่า จนกว่าชีวิตพี่จะแบบดีขึ้นน่ะ แล้วพี่ค่อยมาอุดหนุนผม อะไรอย่างเงี้ย”
ไม่ได้มีอภิสิทธิ์ใด ๆ ในการซื้อวัตถุดิบ แต่อยู่ได้! เพราะมีการควบคุมต้นทุนแบบนี้
สูตรบะหมี่จริง ๆ ไม่ได้มีมาจากไหนเลย เอาตรง ๆ เลยพี่มาจากในยูทูบ ครั้งแรกที่เริ่มขายผมใช้เงินทดรอง 2,000 บาท วันละ 1,000 บาท แฟนลงทุนให้“เอาไปให้พวกพี่ ๆ รปภ. ที่คอนโดกิน วันแรกเขาบอกเฮ้ยยังไม่ได้ว่ะ อีกวันผมสู้ใหม่เลยให้เขากินเฮ้ยใช้ได้แล้ว! คำว่าใช้ได้นั่นแหละ ผมขายเลยผมไม่รอเลย แค่เขาบอกว่าใช้ได้ผมเอาเลย” เพราะผมจะบอกกับลูกค้าว่า มันพอกินได้นะพี่ มันไม่ได้ถึงกับ “อร่อย” อย่าคาดหวังนะ เพราะมันเป็นก๋วยเตี๋ยวแค่ข้างทาง อย่าไปคาดหวังว่าของผมมันแบบ โห! รอคิวที 2-3 ชั่วโมง ได้แค่นี้เองเหรอวะ! อย่าคาดหวัง“ประมาณเดือน 4 เดือน 5 ผมขายหมดทุกวันละ ตอนนี้มันเริ่มดังแล้วกลายเป็นแบบ ผมก็มีความรู้สึกว่าเฮ้ยเราสัญญากับเมียว่า เราจะเอาตัวเราเนี่ยให้โลก ให้ประเทศไทยเนี่ย รู้จักเราให้ได้ เราต้องทำยังไงล่ะพี่? เราก็ต้องเอาตัวเราเข้าไปอยู่ในออนไลน์ถูกไหม เข้าไปอยู่ในโลกโซเชียลฯ ให้คนเห็น ผมก็โพสต์ตามกลุ่มทุกกลุ่มในย่านนี้เลย” โพสต์ ๆ จนคนเขาก็ไปแชร์กันเยอะ เขาก็เลยมากิน ก็เลยมาได้จุดเปลี่ยนจากเพจ ๆ หนึ่ง นั่นล่ะจุดเปลี่ยนคือชีวิตเปลี่ยน ณ เวลานี้เลย“พี่เขามารีวิวให้ เพราะเขาก็เป็นราชาป๊อก ๆ อยู่แล้วเขาจะรีวิวแต่รถป๊อก ๆ” ออนไลน์มันจะทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนเลยเหรอผมไม่เชื่อ! ผมไม่เชื่อไง ผมขายคนเดียวอยู่แล้วปกติผมก็ขับรถมาขายคนเดียวอยู่แล้ว ยังไม่ทันยูเทิร์นเลย ผมเห็นคนยืนเต็มเลย! ผมบอกเอาแล้วผมคิดในใจ (ชิปหาย) แล้วไง! ไม่น่าเลย(หัวเราะ) ก็เลยโทรไปบอกแฟน แฟนบอกแฟนอาบน้ำรอไว้เลยเพราะเขารู้ว่ายังไงก็งานใหญ่แน่วันนี้
ก่อนจะดัง ผมขายชั่วโมงครึ่ง-2 ชั่วโมงก็หมด ตอนนั้นใช้บะหมี่วันละประมาณ 10 กก. แต่ว่าเดี๋ยวนี้มันก็เปลี่ยนไปเยอะเลย “ก็แม็กซ์สุดก็คือ 55 กก. รับเท่านี้ รับไว้วันละ 100 คิว ของหมดคือจบเลยพอ! ไม่เอาแล้วขอลา เพราะว่ามันไม่ไหวพี่ มันแม็กซ์ได้เท่านี้” มันมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว แต่เราอาศัยว่าหนึ่งที่ผมขายได้คือ หนึ่งผมไม่ได้เพิ่มหมูไง ผมก็บอกอยู่แล้วอุดมการณ์ผมก็บอกผมเพิ่ม “เส้น” ก็เหมือนเพิ่มข้าว แต่ไม่ได้เพิ่มหมู ผมก็ให้หมูเท่าไรเท่านั้น ลูกชิ้นเท่าไรเท่านั้น เกี๊ยวเท่าไรก็ใส่เท่านั้น ถ้าไปดูอย่างพวกยูทูบเบอร์ดัง ๆ ที่เขามากัน ผมก็ชัดเจนผมให้หมูเท่าไรให้ลูกชิ้นเท่าไร ผมก็ให้เท่านั้น ต่อให้เขาเอาเงินมาให้ผม 500 ผมก็ให้เท่าเดิม(หัวเราะ) นอกเสียจากว่าเขาจะซื้อพิเศษ หมูแบบใส่มาแบบอู้หู 100-200 อันนั้นก็ว่ากันอีกทีหนึ่ง นั่นก็คือตามราคาที่เขาต้องจ่าย เพราะว่าผมคือเน้น “เส้น” ไม่ได้เน้นหมู เพราะผมบอกเลยว่าผมชัดเจน บางคนถามว่าทำไมเส้นตั้ง 30 ก้อนทำไมให้ “หมู” น้อยจัง ก็ผมไม่ได้เพิ่มหมูผมก็พูดไว้ชัดเจน ผมชัดเจนทุกอย่าง(หัวเราะ)
แต่ว่า “เส้น” หรือว่าวัตถุดิบต่าง ๆ ยุคนี้อะไรทุกอย่างก็แพงหมด“ถ้าคิดจริง ๆ นะพี่มันไม่ได้ ผมไม่ได้ราคาพิเศษผมซื้อตามตลาดทั่วไป เขาลดให้ผมแค่บาทเดียวเอง คนอื่นเขาซื้อ 28 ผมก็ซื้อ 27 แต่ซื้อ 1 กก. ผมก็ซื้อที 50-60 กก. เหมือนกันราคาเดียวกันไม่ได้มีสิทธิพิเศษใด ๆ เลยไม่มี เขาคิดกันไปเอง ผมไม่ได้ผลิตเส้นเองด้วย ไม่เชื่อไปดูที่บ้านผมไม่มีเครื่องผลิตอะไรทั้งนั้น ผมก็ซื้อตามตลาดทั่วไปเลย”
ข้อดีร้านบะหมี่ป๊อก ๆ ที่ตอบโจทย์ในยุคนี้ เพราะไม่มีต้นทุนสูงจากค่า “เช่าที่”
มีกำไรครับพี่ ผมขายมา 8 เดือนแล้วถ้าผมไม่มีกำไรผมเลิกขายตั้งแต่เดือนที่ 3 แล้ว ถามว่าจริงไหม? คนเราจะฝืนไปทำไมถ้ามันไม่มีกำไรจริงไหมพี่ ต้องคิดเอาแบบนี้ ส่วนคนที่เขาคิดอย่างนั้น(มันจะมีกำไรจริงไหม?) เขาต้องกลับไปย้อนดูตัวเขาเองก่อนว่า หนึ่งเขามีค่าเช่าที่เดือนละเท่าไร สองเขามีลูกน้องกี่คน สามเขามีค่าไฟ-ค่าน้ำเท่าไร? ผมมีไฟไหมล่ะพี่ดูสิ น้ำผมมีไหมล่ะ ผมก็ไม่มี ลูกน้องผมมีก็แค่ คนเดียว อันนี้แฟนซึ่งตีซะว่ามาช่วยฟรี (หัวเราะ) เราก็จ่ายแค่ลูกน้องคนเดียว แค่นั้นเองก็ไม่ได้มีอะไร “บางคนที่เขาอยู่ไม่ได้ เพราะเขาไม่ทำอะไรเลย เขาไม่ดีเทลอะไรเลยทำไมเขาถึงขายดี เพราะเขาไม่เคยลงมาคุยกับลูกค้าเลยว่าลูกค้าต้องการอะไร บางทีลูกค้าเขาไม่ได้ต้องการคุยกับลูกน้องเรา เจอลูกน้องหน้าบึ้ง มันเป็นคนที่ไม่อยากคุยกับใครนั่นแหละ “ยอดขาย” มันก็ตกถูกไหม “อย่างผม ผมคุยกับพี่อย่างสมมุติผมมาเนี่ยพี่มา ผมได้ใจพี่ เอ้ยน้องมันน่ารักว่ะ อัธยาศัยดี พี่ก็อยากมาคุยกับผมต่อถูกไหมครับพี่ มีอะไรเราก็ช่วยกันได้ถูกไหม”
เขาไม่มาหาลูกค้า จ้างลูกน้อง แล้วตัวเองก็นอนอยู่บ้าน แล้วจะมาเอาขายดีมันจะเป็นไปได้ นอกเสียจากว่าพี่จะสร้างรากฐานมา 40-50 ปี อันนั้นค่อยว่ากัน แต่ผมไม่เอาผมเอาตัวผมเองเข้ามาแลกเลยดีกว่า ยอมเหนื่อย เพราะเหนื่อยเราก็พักไม่เอาตัวเราไปบู๊แบบ ถามว่าทำไมผมไม่ขายทุกวัน ทั้ง ๆ ที่ถ้าขายมันได้แน่นอนแต่ผมไม่เอา ผมเอาแค่นี้ ถามน้อง น้องบอกมันไม่ไหวพี่ไม่ไหวคือไม่ไหม ไม่จ้างเพิ่มด้วยเอาเท่านี้!
มีคนรักก็ต้องมีคนเกลียดเป็นธรรมดาของคู่กัน “มีครับมันธรรมดาพี่ ธรรมดา ส่งข้อความมาด่าบ้าง มาด่าบอกว่าไอ้ควายขายโง่ ๆ อย่างงี้ จัดโปรโง่ ๆ อย่างนี้มึง ขอให้มึงเจ๊ง! ผมก็ยังเอ๊ะ อะไรวะ พอเข้าไปดูเขาก็ขายก๋วยเตี๋ยวเหมือนกัน ขายรถพ่วงข้างเนี่ยแหละแต่อยู่ต่างจังหวัด ปล่อยเขา ตอนแรกผมก็แอบร้องไห้นะ จนแฟนไม่ให้เล่นแล้วแฟนบอกไม่เอา เอา tiktok มานี่เดี๋ยวฉันดูเอง” ขายอย่างนี้ยังไงก็เจ๊ง! ก็ 8 เดือนแล้วถ้าผมเจ๊ง ผมเจ๊งมันไปนานแล้ว! ทุกอย่างผมเตรียมแผนสำรองไว้หมดแล้วมีอะไร เกิดวันใดวันหนึ่ง โดนไล่ที่ ก็ต้องมีแผนรองไว้ก่อน คิดไว้หมดแล้วอยู่ในหัวสมอง รู้อยู่แล้วว่าเราจะไปไหน แต่คงไม่ไปร้านที่เป็นตึกอย่างแน่นอน“ไม่ไปพี่ คอนเซ็ปต์ผมยังไงผมจะไม่เอาเงินไปยอมเสียค่า “เช่าที่” แน่นอน ยังไงผมก็หาที่ ๆ มันแบบไม่กวนใคร ไม่มีรถผ่านไม่อะไรเงี้ย ผมเชื่อนะถ้าผมทำดียังไงคนก็ตามไป” มันมีอยู่พี่เยอะมากด้วยแต่แค่ เราต้องรอ รอก่อนว่ายังไง ถ้ามันไปถึงขั้นนั้นค่อยว่ากันอีกที “ธรรมดาพี่ผมโดนทุกวันอยู่แล้ว สกปรกบ้าง แมร่งไม่ใส่ถุงมือบ้าง ร้านผมมี 3 แผนกพี่มันจะเอาอะไรมาสกปรก ผมลวกเส้น-ความร้อนหนึ่งละ สองน้องใช้ “ถุงมือ” ตลอดเห็นใช่ไหม คนจับเงินก็คือคนอีกคนหนึ่ง “3 แบบ” จะเอายังไง? ลูกน้องเขาไม่มีสิทธิ์ไปจับเงินเลย ผมก็ไม่มีสิทธิ์ไปจับเงิน คนจับเงินมีคนเดียว แล้วมันจะไปสกปรกตรงไหนพี่”
เพื่อนไม่เคยทิ้งกัน “ลูกค้า5 กลุ่มหลัก” ให้สิทธิ์กินฟรีมาเลย! เดือนละ 1 ครั้ง
พี่กอล์ฟ-นายเอกรินทร์ ปักช่อ พ่อค้าเจ้าของร้านบะหมี่ป๊อก ๆ ใต้สะพานพระราม 7 บอกด้วยว่าผมไม่เคยบอกร้านผมอร่อยเลยนะผมให้ลูกค้าเขาตัดสินใจเองแต่ว่า เรื่องความอิ่ม มาเลยผมก็กล้าสู้นะ! เนี่ยเดี๋ยววันที่ 2 ก็จะเป็นคิวของไลน์แมน “ผมจะมีแจกฟรีทุก 1 เดือนเลี้ยงอย่างนี้ คิวต่อไปเป็นของแกร๊บ แกร๊บเสร็จเป็นคิวของวินมอเตอร์ไซค์ จากนั้นต่อด้วยคิวของพี่แท็กซี่ ผมก็จะวนไปอย่างนี้ใน 5 กลุ่มลูกค้าหลักของร้าน เพราะผมต้องตอบแทนบุญคุณเขา เขาเป็นคนทำให้ผมมีวันนี้ไง” ไม่ทิ้งกัน ยังไงก็ไม่ทิ้งต่อให้ยังไง ผมก็ยังเลี้ยงอยู่อย่างนี้ เพราะว่าหนึ่งมันมีลูกค้าหลายคนเขาก็มาช่วยบริจาค100-200 รวม ๆ กันมันก็ 2,000-3,000 ต่อเดือนผมก็ไม่ได้ซีเรียสช่วยกันไป เราเป็นคนไทยยังไงก็ไม่ทิ้งกันอยู่แล้ว
ส่วนใหญ่ลูกค้ามาถาม คนท้องมาผมให้ฟรีอยู่แล้ว แล้วผมก็จะถามคนซื้อบางคนที่บอกว่า “พี่ขอพิเศษนะผมขอ 5 ก้อนได้ไหม” ผมบอกว่าไม่ได้เพราะตามป้ายจะให้แค่ 3 (กรณีถ้าซื้อกลับบ้าน) ก็เลยเรียกมาคุยว่าพี่ผมขอถามพี่ทำไมพี่ถึงเอาไป 5 ก้อน? อ๋อผมเอาไปแบ่งลูกกับเมียครับ คำนี้แหละ ทำผมน้ำตาไหลเลย ผมบอกว่าให้นอกรอบมาหาผมเลย ผมก็เลยจะจัดให้เขาตลอดว่าแบบเอาไปเลย เอาไป 6 ก้อน 7 ก้อน 8 ก้อนเลย“เพราะว่าผมจะมองแววตาคนรู้เลยว่า เราดูรู้นะคนเรามันเศร้า เขาต้องการเอาเงิน50 บาทผมถามมีไหม? ทำงานหรือยัง บอกอ๋อโน่นนี่นั่น พี่เอาเงินคืนไป พี่มากินผมฟรีจนกว่าพี่จะหางานทำได้ แล้ววันนั้นพี่ค่อยมาอุดหนุนผม” บางทีนะผมเลี้ยงรู้เลย ขับวินมอเตอร์ไซค์จากคนที่เคยแบบ ไรเดอร์หรืออะไรพวกนี้เขาเคยทำงานทั้งผัว-เมีย พอเมียท้องปุ๊บเมียก็ต้องหยุดในการทำงาน เท่ากับหาเงินได้แค่ทางเดียว พอเขามากินนะผมจะจำหน้าเขาได้เลยเขาจะมาปุ๊บมากิน ๆ ผมก็ฝากไปให้เมียพี่ด้วยนะ และก็บอกเมียด้วยไม่ต้องเกรงใจ มากินได้ตลอด ผมก็จะใส่ไปที 4 ก้อน ๆ ให้เอาไปกิน ผมบอกกับเขาว่าพี่มากินมาเอาผมฟรีนะสำหรับเมียนะ ส่วนตัวพี่ผมขอเก็บตังค์ เอาไปให้เมียจนกว่าเมียพี่จะคลอดลูก คลอดเมื่อไหร่ทำงานได้เมื่อไหร่แล้วค่อยมาอุดหนุนผม โทรมาหาผมวิดีโอคอลบอก “ขอบคุณมากนะพี่ มื้อพวกนี้มันก็ทำให้ผมแบบต่อยอดไปได้เยอะอะไรเยอะ” ผมก็เลยบอกช่างมันเถอะอย่าไปคิดมาก คิดเสียว่าวันนี้ผมให้ใจคุณ วันใดวันหนึ่งผมไปยางแตกอยู่ข้างถนนแล้วคุณเจอผม คุณอาจจะมาช่วยผมก็ได้นะ ผมคิดแค่นี้พอ เพราะว่าผมเชื่อนะว่า เรื่องนี้ มันเป็นเรื่องจริง!
มันได้ใจคน! แม้กำไรไม่มากแต่ขายดีมาก8 เดือนไม่ขาดทุนเลยบะหมี่ป๊อก ๆ 50 บาท เต็มอิ่มกี่ก้อนก็ได้ไม่อั้น!!! แต่มีข้อแม้คือว่า ต้องกินให้หมดจริง ๆ นะ(ถ้ากินไม่หมดทางร้านขอปรับ 500 บาท) ทั้งนี้เพื่อสงวนสิทธิ์ให้กับคนที่เขาเดือดร้อนจริงแล้วมาขอก็จะได้ช่วยเหลือกันต่อไปนั่นเอง ขอบคุณ “พี่กอล์ฟ” พ่อค้าหัวใจใหญ่กว่าชามสำหรับการช่วยเหลือกันด้วยหัวใจที่เข้าใจคนที่เดือดร้อนจริง ๆ และยังกลายเป็นอีก “จุดขาย” สำคัญของร้านบะหมี่ป๊อก ๆ แห่งนี้อีกด้วยนะ “ยิ่งให้ ยิ่งได้” ควบคู่ไปกับการค้าขายในยุคนี้เจ้าของร้านเองก็ต้องมีกลยุทธ์การควบคุม “ต้นทุน” ของตนเองเพื่อที่จะ ไม่ให้ขาดทุนหรือไปต่อในธุรกิจได้ยาว ๆ ต่อไป
สามารถแวะไปอุดหนุนหรือไปให้กำลังใจได้ ร้านบะหมี่ป๊อก ๆ(รถเข็น) เปิดขายอยู่ใต้สะพานพระราม 7 ฝั่งตรงข้ามกับโรงเรียนวิมุตยารามพิทยากร ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางอ้อ เขตบางพลัด กรุงเทพฯ เริ่มขายเวลา 11.00น.-ของหมด (หยุดเสาร์-อาทิตย์) หรือโทร.091-809-3095
คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด