โอกาสการสร้างรายได้ที่ตั้งต้นจากการเป็นตัวเองบนไลฟ์คอมเมิร์ซของสอง ‘ครีเอเตอร์ขายของออนไลน์’ หรือที่เรียกว่า ‘Creator Affiliate’ ที่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าความรู้ในการไลฟ์ และความถนัดในการทำวิดีโอคอนเทนต์เป็น ‘ศูนย์’ ในวันที่เริ่มทำ โดยคุณเตอร์ เจ้าของช่อง “เตอร์คุง” หนุ่มน้อยที่ชัดเจนกับรสนิยมในแบบชายรักชาย และ คุณเต้ย เจ้าของช่อง “วันนี้เต้ยเต้ยแต่งอะไร” สาวหล่อที่มีผู้ติดตามหลักแสน มาแชร์เรื่องราว ประสบการณ์การขายของออนไลน์ที่ไม่ต้องลงทุนเอง แฟนด้อม ความท้าทาย และสังคมรอบข้างมีผลต่ออาชีพครีเอเตอร์ขายของออนไลน์ที่เป็น LGBTQ+ อย่างไร
รู้จักตัวตนของสองครีเอเตอร์ขายของออนไลน์
เตอร์: เตอร์ดูแลช่อง “เตอร์คุง” ที่มีผู้ติดตาม 149.4k บน TikTok นำเสนอแฟชั่นเสื้อผ้าผู้ชายแนว T-Shirt และกางเกงสีสันต่าง ๆ โดยมีกลุ่มคนทำงาน เป็นลูกค้าหลัก
เต้ยเต้ย: เต้ยเป็นสาวหล่อที่ชอบแต่งตัวมาตั้งแต่เด็ก เริ่มจากการรีวิวเสื้อผ้าที่ใช้เองแล้วชอบ เลยเริ่มมาทำช่อง “วันนี้เต้ยเต้ยแต่งอะไร” ที่มีผู้ติดตามบน TikTok อยู่ที่ 82.5k นำเสนอการแต่งตัวแบบผู้ชาย 100% โดยผู้ติดตามบนช่องแบ่งเป็นผู้ชาย 60% สาวหล่อและผู้หญิงที่ชอบซื้อเสื้อผ้าให้แฟนอย่างละ 20% โดยที่ชอบสไตล์การแต่งตัวของเต้ย และชอบเสื้อผ้าที่เต้ยใส่
ผู้ชายส่วนใหญ่ในช่องคุณเตอร์เน้นความธรรมดาที่ใส่ได้ทุกวัน “ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าแนวถ้าติดร้านไหนแล้ว ก็จะอุดหนุนร้านเดิม เสื้อผ้าในช่องมักเป็นรูปทรงเดิม ๆ ลูกค้าที่ชอบสไตล์เสื้อก็จะมาไล่ซื้อเก็บสีอื่น ๆ ครั้งหนึ่งเคยมีลูกค้าซื้อเสื้อผ้าทุกรุ่นทุกสีในตะกร้า จึงจับทางได้ว่าบางทีเราไม่จำเป็นต้องวิ่งหาแบบใหม่ ๆ ตลอดเวลา แต่ ‘ทำสิ่งที่ตอบโจทย์ลูกค้าให้ได้มากที่สุด’ ก็เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่ทำให้เรารักษาฐานลูกค้าเดิม และขยายฐานลูกค้าที่ชอบแบบเดียวกันได้อีก”
ส่วนคุณเต้ยบอกว่าสินค้าที่ขายดีส่วนใหญ่จะมาตามเทรนด์ ตอนนี้ที่ฮิตคือกางเกงทรงกระบอกใหญ่ทั้งขาสั้นและยาว ยิ่งช่วงหลังเทรนด์มินิมอลมีอิทธิพลกับการแต่งกายของผู้คนมากขึ้น ทรงผ้าและสีก็จะไปในแนวทางนั้น
โตมากับ TikTok Shop พื้นที่ปลอดภัยที่ได้แสดงความเป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ไม่คาดคิดมาก่อน
ทั้งคู่เล่าว่าคาแรกเตอร์โดยปกตินั้นค่อนข้างต่างจากที่เห็นในคลิป โดยทั้งคู่เป็น introvert ไม่สันทัดกับการสื่อสารกับคนมากหน้าหลายตา แต่จังหวะชีวิตที่พาให้เข้ามาอยู่ในอาชีพครีเอเตอร์ขายของออนไลน์ ทำให้ค้นพบศักยภาพของตัวเองในอีกมิติหนึ่ง เวลาที่นับถอยหลัง ห้า สี่ สาม สอง ก็พร้อม “องค์ลง” รันคอนเทนต์หน้ากล้องได้อย่างมืออาชีพ แต่กว่าจะจับจังหวะของตัวเอง เลือกคอนเทนต์ที่เหมาะสำหรับช่องก็ไม่ง่ายเช่นกัน
เต้ยเต้ย: เต้ยเริ่มเข้าวงการ TikTok Shop เพราะอยากหาโฟกัสใหม่ ๆ ให้ตัวเองในช่วงคุณพ่อป่วย ปกติเต้ยเป็นนักเขียนซึ่งเป็นอาชีพที่เครียดอยู่แล้ว เลยหาจุดโฟกัสใหม่ ค้นพบตัวเองในอีกหนึ่งเวอร์ชันนึงที่สามารถทำคอนเทนต์ได้ ทำคลิปได้ พากษ์เสียงได้ ขึ้นไลฟ์บนแพลตฟอร์มทั้ง ๆ ที่ไม่เคยทำสิ่งเหล่านี้มาก่อน โจทย์แรกสุดคือมองหาอะไรที่เราสามารถลงคอนเทนต์ได้ทุกวัน จึงมาตกผลึกกับตัวเองว่าเราเป็นคนดีเทลเรื่องเสื้อผ้าไม่ว่าจะเป็นเนื้อผ้า รูปทรง โทนสี ฯลฯ เป็นสิ่งที่เรามีไอเดียกับมันตลอดเวลา และคิดว่าคงตอบโจทย์คนดูที่อยากมีไกด์ไลน์เรื่องการแต่งตัว จึงกลายเป็น “วันนี้เต้ยเต้ยแต่งอะไร” จนถึงปัจจุบัน
เตอร์: ช่วงโควิด-19 งานส่วนใหญ่หยุดชะงักลงรวมถึงงานประจำที่เป็นฟรีแลนซ์ และรับจ้างตามโรงแรมเช่นกัน เตอร์จึงตัดสินใจเข้ามาหางานทำในกรุงเทพฯ แต่ก็ไม่ได้งานที่เป็นชิ้นเป็นอัน จนได้รู้จัก TikTok Shop จึงเริ่มศึกษาแพลตฟอร์มเพื่อหารายได้เสริมโดยไม่ต้องลงทุน จำได้ไม่ลืมว่า ช่วงแรก ๆ ที่ลงคลิปเต้นมีผู้ชมเข้ามาถามถึงชุดเสื้อผ้าที่ใส่ จึงเริ่มขายเสื้อผ้าที่เราสวมใส่ และได้ผลตอบรับที่ดี จึงทำต่อมาเรื่อยๆ ตอนไลฟ์ครั้งแรกเตอร์แทบไม่มีอะไรเป็นของตัวเอง ราวผ้า กับผ้าม่านก็ยืมพี่ข้างบ้าน (หัวเราะ) แต่คนดูประมาณ 20,000 คน เพราะเราได้แสดงความเป็นตัวตนของเราให้เห็น แล้วคนดูชอบ สำหรับเตอร์มันคือความโชคดี และจังหวะชีวิตที่ดีที่ได้เริ่มเติบโตไปพร้อม ๆ กับ TikTok Shop ตลาดใหม่ แพลตฟอร์มใหม่ในวันนั้น ทำให้ช่องติดตลาดได้ง่ายในจังหวะที่คู่แข่งยังมีไม่มากและผู้ใช้งานกำลังตื่นตาตื่นใจกับแพลตฟอร์ม
อย่าเริ่มต้นด้วย “ความอยากขาย” ต้องมีความสุขและสนุกกับการไลฟ์ก่อน
เตอร์: เราต้องไม่คิดเรื่องขายของเป็นหลัก แต่นำเสนอคอนเทนต์ที่เป็นเรา ตามความรู้สึกจริงๆ สินค้าที่นำเข้าช่องเราก็ต้องใช้จริงแล้วดีถึงนำมาบอกต่อ ทำให้เรามีผู้ติดตามประจำ กลุ่มแรก ๆ เป็นกลุ่มคนที่ทำงานโรงงานและคนรู้จัก พอคลิปและไลฟ์ถูกดันมากขึ้น กลุ่มลูกค้าคนทำงานในกรุงเทพฯ ก็ค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้นจนมีสัดส่วน 60 ต่อ 40 ทั้งนี้ กฏเหล็กที่เตอร์มีต่อตัวเองก็คือ สินค้าทุกชิ้นต้องใช้ก่อนจนแน่ใจ และเป็นไอเท็มที่ชอบจึงเอามาขาย และ QC สินค้าทุกชิ้น
เราถือคติ “ใจซื้อใจ” พวกเราดูแลความต้องการลูกค้าแบบเดียวกับที่เราดูแลกันในทีม บางครั้งอาจได้กำไรน้อยแต่นับว่าคุ้มเพราะเราได้ใจลูกค้า ปกติเตอร์ทำคลิปลงทุกวัน ไลฟ์วันละ 2 ครั้ง เวลามีแคมเปญพิเศษก็จะไลฟ์มากขึ้น
เต้ยเต้ย: ความสม่ำเสมอ ความจริงใจ และความเป็นตัวเอง คือส่วนผสมสำคัญที่เต้ยมองว่าทำให้ช่องโตและมีผู้ติดตามมากมาย ก่อนหน้านี้ไม่เคยนำเรื่องรายได้มาเป็นปัจจัยในการทำช่อง ไม่คิดว่าการทำช่องวันหนึ่งจะสามารถสร้างรายได้และโอกาสมากมายให้ตัวเองขนาดนี้
สินค้าในช่องมีตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักพัน ครอบคลุมเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ ฯลฯ รวม ๆ แล้วประมาณ 20 แบรนด์ เราเลือกที่เป็นสไตล์ของตัวเองเป็นหลัก ส่วนใหญ่ก็จะทำกับแบรนด์ที่เราไว้ใจ
พอเราสื่อสารด้วยความตรงไปตรงมา ออเดอร์ต่าง ๆ จึงค่อย ๆ ตามมา ขณะที่ยอดขายจะสูงขึ้น 3 - 4 เท่าเมื่อเข้าช่วงดีเดย์ เทศกาลช้อปปิ้ง
สเต็ป Live ให้ปังแบบฉบับเตอร์-เต้ย
เตอร์: โชคดีที่ผู้ติดตามเตอร์ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเดิม ๆ ที่คุ้นเคยกันดีตั้งแต่ขึ้นไลฟ์แรก ๆ เตอร์ถึงสามารถมีวันต่อ ๆ ไปบนแพลตฟอร์มได้ ไลฟ์ช่วงแรก ๆ ตื่นเต้นและเขินมาก แต่ผู้ชมก็ช่วยกันสร้างบรรยากาศที่สนุกและเป็นกันเอง ความถี่ในการไลฟ์มีส่วนช่วยให้ลูกค้าติดตามช่อง เตอร์จะไลฟ์วันละ 2 ครั้ง นานสุด 4 ชั่วโมงถ้าคนยังสนุก และมีส่วนร่วมกับไลฟ์เรา แบ่งเป็นรอบเช้าเรียกคนดูหน้าใหม่ และรอบค่ำ ๆ สำหรับพูดคุยกับลูกค้าประจำ ถ้าเป็นช่วงแคมเปญสำคัญ ๆ เช่น 6.6 ที่ผ่านมา ก็จะไลฟ์นานขึ้น ถือว่าเป็นโปรที่ขายดีมาก เพราะ TikTok Shop มีคูปองส่วนลด 50% ให้กับลูกค้าที่แจกตลอดทั้งวัน ตั้งแต่วันที่ 1-6 เป็นแคมเปญที่ปังมาก
ตอนไลฟ์คำพูดที่ใช้ก็สำคัญ การสื่อสารด้วยประโยคปลายเปิดหรือคำพูดติดหูช่วยกระตุ้นการมีส่วนร่วมของผู้ชมได้ดี เช่น “วันนี้ลุคเตอร์เป็นยังไงบ้างครับ?” “สะโพกเอวเข่าดี” ฯลฯ เป็นอรรถรสระหว่างไลฟ์
บันเทิงแค่ไหนถ้าไม่แม่นข้อมูลก็ไม่รอด ทุกครั้งเตอร์จะทำการบ้านเรื่องสีเรื่องไซส์ของสินค้า เพื่อให้ตอบคำถามผู้ชมได้ทันที รวมถึงการมีไอเดียแนะนำแมทช์ชุดตามรีเควสของผู้ชม นานวันไปกลุ่มผู้ชมก็เหนียวแน่นขึ้นจนเตอร์รู้สึกได้ว่าการไลฟ์คือส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันที่สามารถทำเป็นอาชีพเลี้ยงครอบครัวได้
เต้ยเต้ย: ส่วนช่องเต้ยไม่เน้นการไลฟ์ถี่ จะเน้นการทำวิดิโอคอนเทนต์ ส่วนไลฟ์จะประมาณ 3 ครั้งต่อเดือน เลยกลายเป็น rare moment ที่ผู้ติดตามก็จะรอเจอเราเพราะอยากพูดคุยกับเรา เป็นโมเม้นท์ที่มีค่าของพวกเขา ถ้าเป็นช่วงแคมเปญอย่างเช่น 6.6 เต้ยก็จะไลฟ์นานกว่าเดิม ยอดขายก็จะเพิ่มประมาณ 3-4 เท่า ความมีวินัยที่ต้องทำคอนเทนต์ทุกวันไม่เคยหยุด บวกความจริงใจ และความเป็นธรรมชาติของเราทำให้ลูกค้าของเราไม่หายไปไหน และมีลูกค้าใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ความเป็น LGBTQ+ กับบทบาทของครีเอเตอร์ จริงหรือที่คนฟัง ‘สิ่งที่เราสื่อสาร’ มากกว่าจะดูที่ ‘เพศสภาพ’ ของเรา?
เตอร์: ลูกค้าส่วนใหญ่เข้าใจว่าเตอร์เป็นสาวหล่อ ส่วนตัวแล้วเตอร์ก็ไม่ได้ปิดบังรสนิยมของตัวเองว่าเป็นชายรักชาย ทุกวันนี้สังคมเปิดกว้างให้เราเป็นตัวเองได้อิสระ เป็นเรื่องปกติที่จะมีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบ มีบ้างที่คอมเมนต์ไม่ดีจะวิ่งเข้ามา แต่ก็เป็นเพียงกลุ่มน้อย เตอร์เลือกที่จะโฟกัสกับอาชีพและผู้ติดตามที่รู้จักกันมานานมากกว่า การมาเป็นครีเอเตอร์ทำให้เตอร์รู้ว่าแม้บางครั้งที่โลกโหดร้ายกับเรา แต่เราก็ยังมีคอมมูนิตี้ดี ๆ ที่ TikTok Shop ที่ยอมรับความเป็นเตอร์โดยไม่สนเพศสภาพและพร้อมให้โอกาสเตอร์ได้เติบโตในสายอาชีพนี้ รวมถึงผู้ชมที่ติดตามกันมานานที่คอยผลักดันและสนับสนุนทุกก้าวของการเติบโตของเตอร์
เต้ยเต้ย: โชคดีที่เต้ยไม่เคยเจออะไรที่ toxic เลยตลอดการทำงานบนแพลตฟอร์ม อาจจะมีบ้างที่คนเข้ามาถามเรื่องเพศ ซึ่งเต้ยก็ได้ทำคลิปตอบคำถามและยืนยันว่าสินค้าทุกชิ้นที่ใช้ผลิตมาสำหรับผู้ชายจริงๆ เพราะอาจจะมีผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้า ช่วงแรกที่ทำคอนเทนต์ก็มีความรู้สึกกลัวคอมเมนต์จากโซเชียลบ้าง แต่ทำมาเรื่อย ๆ ก็ไม่มีเหตุการณ์ทำนองนั้น ทำให้เต้ยตกผลึกกับตัวเองว่าความคิดของเราเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ถ้าเราเจตนาดี คนดูจะสัมผัสถึงความจริงใจของเราได้ พวกเขาสนใจแค่คอนเทนต์และสิ่งที่เรามอบให้ เรื่องเพศสภาพเลยถูกมองข้ามไป
การสนับสนุนของ TikTok Shop ที่ให้กับครีเอเตอร์ขายของออนไลน์
ทั้งคู่เล่าให้ฟังว่า TikTok Shop เปิดกว้างและสนับสนุนการเติบโตของพวกเขาทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็น
•คูปองส่วนลดเพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น
•การทำ business matching ระหว่างแบรนด์กับครีเอเตอร์ เปิดโอกาสให้ได้ร่วมทำงานกับแบรนด์ต่าง ๆ
•ทีมงาน TikTok Shop ที่คอยดูแลแนะนำครีเอเตอร์อย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นการดูแลระบบไอทีหลังบ้าน หรือดูแลระบบการเงิน
•แหล่งความรู้ที่ช่วยเพิ่มเทคนิคการขาย อย่าง TikTok Shop Academy
เตอร์: แค่การลงคลิปและไลฟ์สม่ำเสมอส่งเตอร์ในฐานะครีเอเตอร์ ไปไกลกว่าที่คิดไว้ เตอร์เรียนจบแค่มัธยม 6 ฐานะทางบ้านก็ไม่ได้สบายมากนัก งานที่ผ่านมาส่วนใหญ่จึงทำรายได้ไม่มากนัก แต่การมาเป็นครีเอเตอร์ขายของออนไลน์ทำให้เตอร์ทำรายได้อย่างที่ตัวเองไม่เคยคิดมาก่อน โดยที่ไม่ต้องลงทุน ครอบครัวเรามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สบายขึ้น ได้ทานอาหารดีๆ ส่งน้องเรียนได้ตามที่ตั้งใจ
เต้ยเต้ย: นอกจากรายได้ที่สร้างความมั่นคงในชีวิตมากขึ้นโดยที่ไม่ต้องลงทุนแล้ว คอมมูนิตี้ของครีเอเตอร์ขายของออนไลน์ ที่ TikTok Shop ก็ยังเป็นอีกหนึ่งเซฟโซนของเรา เพื่อนๆ ทุกคนพร้อมซัพพอร์ตและช่วยเหลือกันเต็มที่ รวมไปถึงเอฟซีที่น่ารักและติดตามกันมาโดยตลอด เวลาเต้ยเดินทางไปไหนก็มีเอฟซีที่จำกันได้มาทักทายกัน ทำให้เต้ยรู้สึกดีและอบอุ่นกับคอมมูนิตี้นี้มาก
Next Chapter ของแต่ละคน
เตอร์: ตอนนี้เตอร์กำลังเริ่มบทบาทใหม่ในฐานะพ่อค้าเจ้าของแบรนด์แฟชั่น “ตัวตอพาณิชย์” บน TikTok Shop จากการลงเงินก้อนเล็ก ๆ กับความตั้งใจที่จะนำเสนอสินค้าคุณภาพสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซ อีกส่วนหนึ่งคือเตอร์อยากมีชีวิตที่ดีขึ้น ปัจจุบันชีวิตความเป็นอยู่ของทุกคนในครอบครัวดีขึ้น และหวังว่าจะดีขึ้นไปเรื่อย ๆ ด้วยการเติบโตบน TikTok Shop
เต้ยเต้ย: เต้ยยังคงจะยึดอาชีพนี้ต่อไปเรื่อย ๆ พัฒนาตัวเองในการทำคลิปให้โปรและมีคุณภาพมากขึ้นในทุกๆ วัน และมีแพลนที่จะทำแบรนด์ของตัวเองในอนาคต ในแง่ตัวเลข อยากเพิ่มยอดผู้ติดตามให้ถึง 300k พร้อม ๆ กับโตทางรายได้ 50% ในปีหน้า
ฝากบอกทุกคนที่อยากเป็นครีเอเตอร์ขายของออนไลน์
เตอร์: ถ้าเรามัวแต่คิดว่าจะเริ่ม เราจะไม่มีวันได้เริ่ม เราต้องทำเลย ส่วนผลลัพธ์จะดีหรือร้ายก็เป็นประสบการณ์ที่จะนำมาปรับปรุงแก้ไขต่อไป
เต้ยเต้ย: การยึดติดความเป็นตัวเองมากเกินไปอาจทำให้เราไม่เคยรู้ว่าเรามีศักยภาพในการทำอะไรอื่นๆ ได้อีก การเปิดโอกาสให้ตัวเองรู้จักตัวตนในอีกแบบทำให้เรารู้ว่าเราทำอะไรได้อีกเยอะ อย่างเต้ยเป็นคน introvert มาก แต่พอเราเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ทำคลิป ลองไลฟ์ ลองพากษ์เสียง พูดคุยกับลูกค้า เราก็ได้เรียนรู้ว่าเราก็ทำได้ เราชอบ และทำได้ดี การออกจาก comfort zone ก็จะทำให้เรารู้ศักยภาพของเราที่ไม่เคยรู้ ไม่เคยลอง ไม่เคยเป็น และอาจกลายเป็นช่องทางอาชีพ หรือช่องทางหาเงินให้เราได้อีกทางหนึ่ง
อยากรู้จักครีเอเตอร์ขายของออนไลน์ทั้งสองคน ให้มากกว่านี้ ติดตามได้ที่:
TikTok: เตอร์คุง (@store.chontichai)
TikTok: วันนี้เต้ยเต้ยแต่งอะไร (@totoeystyle)