“อย่างทุกวันนี้วันต่อวันก็ยอดผลิตเต็มที่วันนึง 200 กก.เฉพาะเส้น แต่ถ้ารับงานนอกด้วยอะไรด้วยก็มีลูกค้ามาสั่งที 50-60 กก. บางทีมีงานแต่งเขาก็มาสั่งเส้นสั่งน้ำยาแล้วแต่ เคยสูงสุดที่นี่ใช่มั้ยวันนึง 400-600 กว่าโล”
ร้านขนมจีนที่รับช่วงกิจการต่อมาจาก “คุณแม่” ซึ่งแต่เดิมร้านเปิดขายมานานแล้วอยู่ที่ตลาดสดศิริชัย ตรงสามแยกบางบอน
ในกรุงเทพมหานคร พอป๋าต่าย-คุณสุรัตน์ ศรีหะบุตร กับภรรยา คือ คุณนฤภร ศรีหะบุตร เข้ามาสานต่อด้วยวัยของแม่ที่เริ่มมีอายุมากแล้วและต้องการจะกลับไปพำนักยังภูมิลำเนาเดิม จ.พิษณุโลก ตอนบั้นปลายของชีวิตแล้ว ป๋าต่ายเล่าให้ฟังอีกว่าเข้ามาทำร้านต่อจากแม่ในช่วงแรก ๆ ก็มีการปรับเพิ่มอีกนิดหน่อยจากเดิมขนมจีนที่ขายอยู่จะเป็นแบบ “เข่ง” ที่รับมาจากเจ้าประจำที่เขาทำเส้นขายอยู่กับมี “น้ำยาขนมจีน” หลัก ๆ เลยก็น้ำยาป่า น้ำยากะทิ และก็น้ำพริก ตนเองเริ่มมาทำเพิ่มเป็น 5 อย่างก่อนมีแกงเขียวหวานกับแกงไตปลาเข้ามาด้วย จุดเปลี่ยนที่ทำให้มาทำ “ขนมจีนเส้นสด” แทนคือมีปัญหาเรื่องคุณภาพด้วย เพราะบางทีเส้นขนมจีนที่ซื้อมายังไม่ทันข้ามวันเลยก็เจอว่ามีรสเปรี้ยวหรือเส้นไม่เหนียวนุ่มแล้วก็มี ตนเองไปได้ไอเดียการทำเส้นสดมาจากร้านอาหารญี่ปุ่นเคยไปนั่งทาน “ราเมน” แล้วเห็นที่ร้านเขามีการทำเส้นสดเองปรุงเสิร์ฟให้กับลูกค้าทันที จึงสนใจนำมาประยุกต์ใช้บ้างเพราะหากเราโรยเส้นสดใหม่ ๆ เลยจากเตาแล้วให้ลูกค้าได้ทานเลยทั้งเรื่องคุณภาพและก็ความอร่อยน่าจะดีกว่า “ก็เป็นปีฮะทำเส้นกว่าจะอยู่ตัว เพราะว่าเราไม่ได้ไปเรียนมานะเราคือถาม “ผู้รู้” ตลอดมันมีแม้กระทั่งบางทีเราโรย โรยครั้งแรกนะออกมานะเส้นขนมจีนเละเป็นแบบเส้นซาหริ่มไปเลย บางทีก็เป็นเหมือนลอดช่องเหมือนอะไรอย่างเงี้ย มันไม่เป็นเส้นขนมจีนแต่เหมือนเส้นลอดช่องขาด ๆ แล้วมันก็ไม่เหนียวไม่นุ่มเลย เราก็เลยถามผู้รู้มันมีปัจจัยหลายอย่าง ความร้อนของแก๊ส และก็ความร้อนของน้ำ และก็เวลาเส้นขนมจีนที่แช่อยู่ในน้ำทุกอย่างมันรวมกันหมด บางทีเส้นขนมจีนแช่อยู่ในน้ำนานเกินเราจับไม่ทันเส้นก็อืดอีก มันหลายอย่างครับ เคยทิ้งทีเป็นร้อย ๆ กิโลเลยมีอยู่ครั้งหนึ่ง 300 กก.!!! ไม่ได้ทิ้งเปล่า ๆ นะเข็นไปโน่นเลยพุทธมณฑลเอาไปเลี้ยงปลาในสระ ขนมจีนเป็นคันรถปิกอัพเลยขับไปกับแฟนไม่ได้เครียดเลยนะหัวเราะไปด้วย มันเหมือนเป็นบทเรียน ความผิดพลาด”
ตอนสมัยอยู่บางบอนขายดีมากเส้นโรยวันหนึ่ง 1,000 กว่าโล! ขายวันหนึ่ง ๆ พันกว่าโลเลย ทำไม่ทัน! จนบางทีไม่ได้จับเป็นเส้นเลยโรยเสร็จปุ๊บใช้มือสาวขึ้นมาใส่ถุง ๆ แล้วชั่งเป็นกิโลให้ลูกค้าเลย“ทีนี้เราอยากมีร้านเป็นของเราก็เลยมาซื้อตึกก่อน อยู่ที่ อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นบ้านเกิดของแฟนวันแรกที่เรามาเปิดร้าน เพื่อนที่มาจากบางบอนตามมาเยอะแยะเลยมีแต่คนบอกมึงจะมาเปิดอะไรที่นี่เราบอกเปิดร้านขนมจีน มีแต่คนพูดแบบเป็นว่าเราไปไม่รอดเอาตัวไม่รอดแน่! เขาคิดว่ามันบ้าหรือเปล่ามันมาเปิดร้านขนมจีน สมัย6 ปีที่แล้วแถวนี้ยังเป็นทุ่งนาอยู่เลยยังไม่มีตึกเลยหมู่บ้านก็ยังไม่มี ที่ตรงนี้ที่เราอยู่ปัจจุบันเพิ่งมาได้ 2 ปีครับเราย้ายมาจากตึกแถวที่เราอยู่มา4 ปีก่อน เพราะปัญหาคือไม่มีที่จอดรถ แล้วตอนมาที่นี่ใหม่ ๆ ไปซื้อของในเซเว่นฯพนักงานในร้านก็ถามพี่ขายอะไร เห็นเรากำลังทำร้านอยู่บอกเปิดร้านขายขนมจีน เขาถามเลยบอกว่าพี่จะมาขายให้ใคร? แล้วใครเขาจะมากินของพี่ล่ะ!” เพราะโดยปกติทั่วไปแล้วร้านขนมจีนเขาจะตั้งกันอยู่ในตลาดสด หรือว่าอยู่ตามห้างฯ คือแบบให้มันทำเลดีกว่านี้
ร้านอยู่ชายขอบของเมือง! มาเปิดใหม่ ๆ ใครก็ถาม “จะขายได้ไหม?”
ดูแล้วเหมือนว่าคนไม่น่าที่จะมาได้ เปิดขายวันแรกคือไม่ได้ขายเราแจกฟรีเลย วันแรกขึ้นป้ายเลยว่าวันนี้เราเปิดร้านใหม่ “ทานฟรี” เลย! กะว่าเป็นเหมือนกับการแนะนำตัวให้เขามาทานแล้วเขาติดใจ แล้วมาเป็นลูกค้าเรา ถ้าเราขึ้นป้ายแล้วเราเป็นร้านขนมจีนมาขายเลย ก็คงไม่มีจุดเด่น แต่ถ้าคำว่า “ฟรี” มันก็คือทุกคนสนใจ วันแรกเปิดให้ลูกค้าทานฟรีเลย หลังจากนั้นผลตอบรับมันก็โอเคลูกค้าเราก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
โชว์จุดขาย “ขนมจีนเส้นสด” ทำใหม่ ๆ วันต่อวันมี “น้ำยา 9 อย่าง” ให้เลือกได้
เพราะว่าจุดเด่นของเราคือ ลูกค้าที่จอดรถออกมาจากลานจอดรถจะเข้าร้านต้องผ่านขั้นตอนการทำเส้นของทางร้านก่อน“ของเรามันดีตรงที่เราทำเสร็จเราให้ลูกค้าทานเลย เราไม่ต้องมีขั้นตอนอะไรเยอะ เราเลยไม่ต้องมีสารกันบูดคือคนที่แพ้สารกันบูดอะไรก็ทานได้หมดล่ะ เส้นของเราจะเหนียวนุ่ม” ส่วนน้ำยา 9 อย่าง คือ น้ำยาป่า(ตีนไก่,ลูกชิ้น) น้ำกะทิ(ลูกชิ้น) น้ำพริก แกงเขียวหวาน แกงไตปลา น้ำยาพะแนงหมู น้ำยาปักษ์ใต้ น้ำเงี้ยว และน้ำยาแกงป่าปลาดุก เพิ่งมาทำเพิ่มตอนที่ย้ายมาเปิดร้านอยู่ที่ จ.นนทบุรี“ตอนนั้นคิดว่าคุยกับแฟนว่า เราน่าจะทำน้ำยาให้มันหลากหลายนะเพราะว่า จุดเด่นของเรา “เส้น” เราโรยสดใหม่แล้วใช่มั้ย ทีนี้เราก็คุยกับแฟนว่าทำน้ำยาให้มันมี 9 อย่าง ให้มันมีตัวเลือกหลากหลาย เผื่อบางทีลูกค้าอยากจะกินอะไรหลาย ๆ อย่าง อย่างคนเหนือมาก็ได้ละ คนใต้มาก็ได้ละ คนภาคอีสานมาก็ยิ่งได้ใหญ่เลย คนภาคกลาง คือรับทุกคนทุกภาคทุกภาษา”
มาแล้วต้องห้ามพลาดชิม น้ำยา “แกงป่าปลาดุก” ที่นี่รสเด็ดจริง!!!
น้ำยาปลาดุกเพิ่งจะมาทำได้ 2 ปีนี้เอง มันมีอยู่ช่วงหนึ่งที่เคยไปอยู่ จ.นครปฐม แล้วมีอยู่วันหนึ่งไปซื้อของที่ตลาดนครปฐมแล้วไปกินขนมจีนแกงป่าปลาดุกในตลาดค้าส่งที่นครปฐม มีอยู่ร้านหนึ่งเขาทำอร่อยมากเลยเราไปกินนะไป 3-4 รอบก็ไปกิน เราก็ถามแม่ค้าว่าเขาใส่อะไรบ้างเขาก็ไม่บอก ทีนี้เราก็เลยซื้อใส่ถุงกลับมาบ้านด้วยแล้วเราก็มาแกะสูตรเอง เราก็มาใช้สูตรของเราเองไม่ต้องไปเรียนที่ไหนเลยเป็นสูตรของเราเอง“ตัวนี้เรียกว่าแกงป่าปลาดุกครับ สูตรโบราณเลยทำแบบโบราณเลย เป็นสูตรของเราเองเลยเราคิดขึ้นมา คือ ๆ เราซื้อของเขามาแล้วเราก็มาแกะของเราเองเป็นสูตรของเรา พยายามทำรสชาติให้มันใกล้เคียงที่เราซื้อมา” ใช้ปลาดุกบิ๊กอุยไซซ์ใหญ่เลยมาทำเพราะว่าปลาตัวใหญ่เนื้อมันเยอะ ปลาตัวเล็กก้างมันเยอะเสียเวลามากินขนมจีนต้องคอยคัดก้างมันก็เสียจังหวะ ปลาตัวใหญ่ชิ้นใหญ่มันน่ากินแล้วเนื้อมันนุ่มมันเหนียวดีกว่า “กลายเป็นว่าใคร ๆ มาก็ต้องสั่งเมนูนี้ด้วย ขายดีมากเลย วันหนึ่ง ๆ ใช้ปลาดุกถึง 50 กก. เลยนะแกงเป็น 10 หม้อเลย ไม่พอแค่เที่ยงกว่าก็หมดแล้ว” แกงป่าปลาดุกขายหมดก่อนเป็นหม้อแรกของเกือบทุกวันเลย
จะมาคนเดียวหรือเดอะแก๊งค์ ก็เอาอยู่! ด้วยเมนูชุด “อลาคาส”
ที่นี่ขายเป็นแบบ a la carte เป็นชุดเป็นเซ็ตมีชุดเล็ก ชุดกลาง ชุดใหญ่ และชุดจัมโบ้ ถ้าลูกค้าเดินมาคนเดียวหรือวอล์คอินเข้ามาที่ร้านก็จะแนะนำให้ราดเป็นจานไปเลย 50 บาท แต่ถ้ามา 2-3 คนก็แนะนำให้ชุดเล็กไป ชุดเล็ก 140 บาททานได้ 2-3 คน ถ้าเป็นชุดกลางก็ 250 บาททานได้ 4-5 คน“ในชุดมันก็จะประกอบด้วยชุดเล็ก ขนมจีน 6 ก้อน น้ำยา 2 อย่าง ซึ่ง 6 ก้อนนี่เยอะนะทานอย่างผมคนเดียว 3 ก้อนก็อิ่มแล้ว ถ้าเป็นชุดกลาง ขนมจีน 12 ก้อน น้ำยา 4 อย่าง ถ้าเป็นชุดใหญ่เลยก็ ขนมจีน 18 ก้อน น้ำยา 6 อย่าง ทานได้ 7-8 คนในราคา 360 บาท แต่ถ้าเป็นจัมโบ้เลยก็คือน้ำยานี่ได้ของเราทุกอย่างเลย ขนมจีน 28 ก้อน ในราคา 599 ทานได้ 10 คนอัพ!” แล้วก็จะมี “ผักฟรี” เป็นแบบบุฟเฟต์เลยลูกค้าหยิบทานได้เอง แต่ถ้าห่อกลับบ้านก็จะมีลิมิตให้ ถ้าทานที่ร้านผักไม่อั้น!“เมื่อก่อนอยู่ที่บางบอนเราก็ขายเป็นจาน บางทีผมไปทานข้าวที่ไหนใช่ป่ะบางทีไปกินอาหารที่ไหนเราก็อยากกินหลากหลายอย่างเงี้ย บางทีเห็นน้ำยาเขาหลายอย่างบางทีเราก็อยากหลากหลาย คืออยากกินน้ำยานี้บ้างน้ำยานั้นบ้างอยากกินแกงนี้บ้างอยากกินอะไรบ้าง เราก็เลยคิดว่าเออเราขายเป็นชุดดีกว่า มันจะได้มีตัวเลือกให้ลูกค้าได้หลากหลาย”
มาที่ร้านก็จะได้เห็นกระบวนการของการทำเส้นสดด้วย เราโรยเส้นกันจนถึงปิดร้านทุกวัน ตั้งแต่เปิดร้าน( 09.00น.) จนถึงปิดร้าน (16.00น.) คือมาที่ร้านลูกค้าต้องได้ทานขนมจีนเส้นสดที่ทำใหม่ ๆ วันต่อวัน ยกเว้นว่าแกงหมดก่อนหรือว่าแม่ค้าหมดแรงเองก่อนเท่านั้น(หัวเราะ) ซึ่งในส่วนของแกงก็จะทำเพิ่มใหม่ ๆ อยู่ตลอดทั้งวันเช่นกัน อยากให้ทุกอย่างมันออกมาใหม่ ๆ อยู่ตลอด ส่วนวันหยุดของร้านไม่ค่อยมี (เปิดเกือบทุกวัน) เว้นแต่ว่าบางทีเจ้าของร้านเหนื่อยมาก ๆ แล้วก็อาจจะหยุดไปเองบ้าง หรือว่าบางทีมีธุระงานแบบที่เราปฏิเสธไม่ได้ก็ต้องหยุดบ้าง แต่ว่าก็จะไม่ได้มีกำหนดเวลาวันหยุดตายตัว ซึ่งถ้าหากว่าลูกค้าอยากรู้ว่าร้านเปิด/ปิดวันไหนบ้าง ก็จะมีการประกาศลงหน้าเพจ: นฤภรขนมจีนเส้นสด เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าไปดูในเพจได้เลยว่าร้านหยุดวันไหนซึ่งเราก็จะลงไว้ล่วงหน้าให้กับลูกค้าได้ทราบด้วย
“บุฟเฟต์” ขายดีมาก ของหมดไวจริง! แต่ร้านอยู่ไม่ได้ และไม่คิดทำแฟรนไชส์ด้วย
“เคยทำ ทำได้ 3 วันก็คุยกับแฟน ตีกันเลยบอกว่าถ้ามึงทำนะ กูเลิก! พูดแค่นี้ทำได้ 3 วัน มันไม่ใช่ไม่ไหวก็คือมันขายหมดทุกวัน
ลูกค้ากินหมดเร็วนะ แต่ว่ามันไม่เห็นกำไร! ไม่ได้กำไรเลย 3 วัน คือ ๆ ไม่มีที่จอดรถเลยแต่ว่ามัน มันไม่ได้เงิน! พูดง่าย ๆ มันขายดีมากแต่ว่ามันไม่คุ้มดูแล้ว หักอะไรแล้วมันไม่เหลืออะไร ตอนนั้นขายอยู่ในราคาหัวละ 79 บาท ทำได้1 วัน 2 วัน 3 วัน พอวันที่ 4 ก็บอกแฟนว่าเลิก! ไอ้พวกเครื่องกดน้ำพวกอะไรนี้คือยกเข้าบ้านหมดเลย เลิก!” พอมาเช็กเงินเช็กรายได้แต่ละวันมันไม่ได้อะไรเลย บางทีลูกจ้างเราทำบุฟเฟต์ใช้คนเยอะมากเลย 6-7 คน หักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แล้วเหลือกำไรวันละไม่ถึง 1,000 มันก็ไม่ไหว!
แต่ถ้าแบบ “อลาคาส” คือเราสามารถควบคุมด้วยต้นทุนด้วยอะไรด้วย เพราะเราจะรู้เลยว่าอย่างเราขายชุดนี้ก็รู้เลยว่ากำไรเท่าไหร่ ๆ แต่อย่างบุฟเฟต์เราไม่สามารถควบคุมได้เลย“ก็มีนะแฟรนไชส์มีคนที่อินบ๊อกเข้ามา แต่ว่าเราว่ามันไม่ไหว ถ้าเราอยากจะทำแฟรนไชส์หรือว่าอยากจะขยายสาขานะบอกตรง ๆ นะตอนนี้ ความสุขของเราก็จะหายไปครึ่งหนึ่งเลยทุกวันนี้บอกตรง ๆ มันเหนื่อยนะ ตื่นตี 4 ทุกวัน ถ้าเราจะทำแฟรนไชส์บอกตรง ๆ นะมันลิมิตไม่ไหวแล้ว เราอายุมากไง 50 กว่าแล้วไม่อยากจะอะไรแล้วตอนนี้ ก็คุยกับแฟนว่าตอนนี้ 50 กว่าอยากจะไปเที่ยวกันอย่างเดียวแล้ว ถ้าเราทำแฟรนไชส์เหมือนว่าเราต้องมาผูกมัดตัวเองไงต้องอยู่กับเขา ต้องคอยดูแลสาขาดูแลอะไรเงี้ย ถ้าไม่แน่ในอนาคต ถ้าลูกชายอยากจะทำก็อาจจะให้เขาทำไปเลยก็ได้” เพราะว่าอีกไม่กี่ปีก็จะให้ลูกชายกับสะใภ้มาสานต่อกิจการแล้ว
30 กว่าปีกับอาชีพ “ร้านขนมจีน” ไม่มีคำว่าคู่แข่ง ทุกคนต้องเดินหน้าไปด้วยกัน
ป๋าต่าย-สุรัตน์ ศรีหะบุตร เจ้าของร้าน “นฤภรขนมจีนเส้นสด” บอกด้วยว่า อาชีพนี้ตนเองทำมานานกว่า 37 ปีแล้ว ตั้งแต่ลูกชายคนโตยังไม่เกิด จนตอนนี้ลูกชายมีอายุได้34 ปีแล้วแต่ว่าก็จะทำมาก่อนหน้านั้นอีกประมาณ 3 ปี ทั้งหมดรวมแล้วก็ประมาณ 37 ปีได้ที่ทำมากับอาชีพนี้ “เห็นว่าขายขนมจีนอย่างนี้แต่เวลาไปไหนใครบอกว่ามีร้านขนมจีนดัง ๆ อยู่ตรงไหน เราก็มักจะตามไปชิมของเขาอยู่ตลอดนะ อย่างร้านขนมจีนยายเป้ากระเด้าหม้อที่ขายอยู่ตรงลานย่าโม-โคราช ก็ตามไปชิมของเขามาแล้ว หรือร้านขนมจีนโคตรผัก! ของเจ๊ติ๊กที่ราชบุรีก็ไปมาแล้ว บางทีไปไหนกับแฟนใช่ป่ะแฟนก็บอกบ้าหรือเปล่าขายขนมจีนอยากกินขนมจีน คือเราเป็นคนนิสัยแบบชอบเรียนรู้ไง ไม่ใช่ว่าเราขายขนมจีนเราอย่าไปกินของเขามันไม่ใช่ คนเราการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด เราจะได้รู้ว่าเออร้านเขาเป็นยังไงทำยังไงเงี้ยเราก็จะได้เอามาอะแด๊ปมาปรับปรุงใช้ที่ร้านเราเงี้ย ไม่ใช่ว่าอย่างบางคนกูขายขนมจีนกูไม่กินขนมจีนหรอกมันไม่ใช่ ยิ่งเราออกไปข้างนอกเรายิ่งอยากไปเรียนรู้เขา” บางทีไปเที่ยวเพชรบูรณ์ยังไปนั่งกินขนมจีนหล่มสักแถวนั้นเลย ขนมจีนเจ้าดัง ๆ การค้าขายมันไม่มีคำว่าสิ้นสุด มันต้องมีการพัฒนา เพราะถ้าวันไหนเราหยุดก็หมายถึงว่าเราไม่มีการพัฒนา ทุกที่ทุกธุรกิจที่ดูสังเกตมานะถ้าไม่มีการพัฒนา มันก็จะค่อย ๆ ดร็อปลง ๆ ไปเรื่อย ๆ แต่ถ้าเราเรียนรู้และก็ค่อย ๆ พัฒนาฝึกฝนนะมันก็จะทำให้ธุรกิจของเรามันขึ้นไปตลอด ๆ ก็คือว่าไปได้เรื่อย ๆ
ถามว่าคู่แข่งเยอะมั้ย ในความคิดส่วนตัวมองว่า ไม่มีคำว่าคู่แข่ง คนที่ชอบสไตล์อย่างเราชอบกินรสชาติอย่างเรา ของเราอย่างเงี้ยคนที่รักเราเขาก็จะมาอุดหนุนเรา ไม่มีคำว่าคู่แข่ง คือทุกคนต้องเดินหน้าไปด้วยกันเพราะมันอาชีพเดียวกัน ไม่มีคู่แข่ง“ผมไม่เคยไปมองคนอื่นเป็นคู่แข่ง อย่างมากเราก็เคยไปชิมของเจ้าโน้นเจ้านี้แต่ว่าเราก็ไม่ไปเปิดเผยตัวไง แล้วเราก็ไม่ไปยุ่งเกี่ยวเขาขายก็เป็นสไตล์ของเขา เราก็สไตล์ของเรา ที่ภาคภูมิใจคือทุกวันนี้ เราสามารถทำให้ลูกค้าตามมากินของเราได้ ว่าทำเลร้านเราบอกตรง ๆ นะเป็นทำเลที่แบบมันโดดเดี่ยวมากเลย จากปากทางขับรถเข้ามาเห็นเปล่าเมื่อเช้าโอ้โห! บางคนนี่บางทีเขาขับรถมาถึงครึ่งทางนะเขาบอกพี่หนูไม่ไปแล้วนะ หักรถกลับเลยเขาบอกว่ามันลึกเกิน10 กม.พอดีจากปากทางเข้ามา เขาก็ท้อไงบางทีเขาเข้ามาบอกมันมาลึก! มาไกลอะไรอย่างเงี้ย มันใช่ทำเลเราก็ภูมิใจนะมีคนตามมากินของเราเยอะแยะ บางทีมีพวกนักร้องพวกดารา ตอนนี้นางเอกช่อง 3 ก็มากินนะมาเกือบทุกวันเลย”
ก็อยากจะฝากว่าถ้าใครจะทำธุรกิจนะ มันก็ต้องลุยนะครับ และก็สู้ ลุย! และก็ใจรักและก็ขยัน มี4 อย่างนี้“แต่ผมบอกตรง ๆ ผมใจไม่รักแต่ผมสู้ และก็ผมอาศัยความขยัน มันยังไงล่ะมันอยู่มาตั้งแต่เด็กมันถามว่าชอบมั้ย มันก็เฉย ๆ แต่ว่าเราต้องทำเพราะมันเป็นอาชีพของเรา” จะให้ไปทำอย่างอื่นอายุเราก็มากขึ้นแล้ว อย่างเวลาเห็นรถเลี้ยวเข้ามาเขามานั่งกินของเรา ภูมิใจ จากร้านขนมจีนร้านเล็ก ๆ ในตลาดสดเราสามารถขยายมาจนเป็นแบบ“ไม่ได้คุยนะว่าร้านเราน่ะคนรู้จักเยอะใครก็รู้จัก” ณ วันนี้ใครเขามากินก็บอกปากต่อปาก แล้วใคร ๆ เขาก็มาครับ อยู่ไกลเขาก็มา อย่างวันหยุดลูกค้ามาเยอะ
จากร้านขนมจีนร้านเล็ก ๆ ที่ขายอยู่ในตลาดสดในกรุงเทพมหานคร แล้วขยับขยายออกมาหาอาณาจักรเป็นของตัวเองแต่ทว่าก็ต้องแลกกับการมาอยู่นอกเมืองทำเลค้าแห่งใหม่ที่อยู่ค่อนข้างไกลกว่าเดิม แต่ยังสามารถเรียกลูกค้าให้มาหามาอุดหนุนได้อย่างเนืองแน่นไม่แตกต่างเลย ด้วยการยึดมั่น “คุณภาพ” ควบคู่การ “พัฒนาตนเอง” อยู่ตลอดเวลาเช่นกันขอบคุณเรื่องราวดี ๆ การสร้างแรงบันดาลใจดี ๆ ในการค้าขายจาก “ร้านนฤภรขนมจีนเส้นสด” ที่มาร่วมแชร์ประสบการณ์แห่งความสำเร็จในครั้งนี้
สำหรับใครที่อยากลองไปชิม “ขนมจีนเส้นสด” พร้อมด้วยน้ำยารสเด็ดที่มีให้เลือกมากถึง 9 อย่างของทางร้านสอบถามเส้นทางโทร. 082-506-1564 หรือติดตามทางเพจ: นฤภรขนมจีนเส้นสด
