xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป) กว่า 45 ปีไอติมกะทิแห่งความสุขที่ไม่อยากให้ถูกเลือนไปนำมาปั้นแบรนด์ใหม่ “ไอศครีมกะทิ อบเทียน อุดมสุข”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"เมื่อก่อนมันอยู่คู่กับโรงหนังไงใคร ๆ ก็จะเรียกแกว่าไอติมลุงพ้ง เพราะว่าแกไม่มีแบรนด์ไม่มีอะไรและก็ไม่ใช่ไอติมอบควันเทียนอย่างเดียวนะสมัยก่อนแกก็ทำ 6 รสเพราะว่าตู้ไอติมแกมี 6 ช่องไง มีทั้งอบเทียนและอื่น ๆ ด้วยการที่แกขาย 45 ปีมันก็สะสมฐานลูกค้า"

ลุงพ้ง เจ้าตำรับไอติมกะทิหน้าโรงหนังอุดมสุข
ความที่เป็นลูกค้าเก่าของ “ลุงพ้ง” ด้วยกินไอติมแกมาไม่ต่ำกว่า 10 ปีขึ้น และยังมีความเกี่ยวข้องกันในฐานะเป็นเครือญาติห่าง ๆ “คุณแต้-ณณัฏฐ์ เขตโสภต”เจ้าของแบรนด์ “ไอศครีมกะทิ อบเทียน อุดมสุข” ซึ่งถือเป็นเจนเนอเรชันที่ 2 ของไอติมลุงพ้งแห่งโรงหนังอุดมสุขในตำนานด้วย เล่าให้เราฟังว่า ตนเองมีความตั้งใจอยากที่จะอนุรักษ์ไว้ไอติมนี้ไม่อยากให้ถูกเลือนหายไปพร้อมกับกาลเวลา กอปรกับเหตุผลอีกด้านหนึ่งก็คือว่าอยากจะมีกิจการเอง เป็นอาชีพอิสระทำควบคู่ไปกับงานฟรีแลนซ์หลังการลาออกมาจากการทำงานประจำแล้ว เพื่อจะได้มีเวลาดูแล “พ่อแม่” ด้วยซึ่งแก่ชรามากแล้วเริ่มจะต้องมีการไปหาหมออยู่บ่อย ๆ อีกเหตุผลสำคัญที่ทำให้ตนเองยอมตัดสินใจเปลี่ยนแปลงเส้นทางของชีวิตใหม่ จากมนุษย์เงินเดือนผันสู่การเป็นเจ้าของกิจการ โดยคีย์ที่เป็นหัวใจเลยคุณแต้มองว่าคือการ Balance ได้ทั้งเรื่อง “เวลา” และ “ความสุข” ก็ต้องเกิดขึ้นด้วย

“เคยมีคนจะมาร่วมทุนกับเราแล้วเขาฟังสตอรี่เรา แล้วเราไม่หุ้นกับเขาเพราะว่าเราไม่มีความสุขไง มันมองกันคนละสเกลผมเจอนายทุน คนร่วมทุนมาอย่างเงี้ย เอ้ยคุณต้องทำวันละ150 โลนะคุณต้องอย่างงี้ อย่างงี้นะ อะไรอย่างเงี้ยเราก็เลยบอกว่า เราไม่เอาแล้วเรารู้สึกว่าเราอยากทำอย่างอื่นด้วย ผมยกตัวอย่างให้เขาฟังว่ามีอยู่วันหนึ่งมีคนมาถามเราที่นี่แต่วันนั้นเราไม่อยู่มาถามกับป้า (คนขายไอติมหน้าร้าน) ถามว่าวันพุธหน้าคุณออกงานได้ไหม แล้วผมเปิดสมุดเวลาของผมดูวันพุธหน้าผมต้องพาแม่ไปหาหมอ ก็เลยบอกกับเขาว่าพุธหน้าผมไม่ว่างแล้วผมยกเลิกเขาไป ซึ่งผู้ร่วมทุนเขามองว่าเป็นเรื่องที่ตลกมากเลย คุณไม่เอาตังค์ ก็เป็นเรื่องขำของเขาเลยนะแต่ผมไม่ได้ขำด้วยไง เสร็จแล้วมีอยู่วันหนึ่งร้านข้าง ๆ ผมขายข้าวหมูแดงเพื่อนเขามากินข้าวหมูแดงแล้วก็มากินไอติมผมด้วย เขาก็ถามผมว่าผมออกแฟรนไชส์มั้ยเขาจะทำแฟรนไชส์เขาชอบ เขาขายก๋วยเตี๋ยวอยู่แถวบางปูเขาอยากเอาเราไปทำแฟรนไชส์ ผมก็บอกพี่เขาไปตรง ๆ ว่าผมไม่ทำ เพราะผมยังไม่รอดเลยทำแฟรนไชส์ทำไม”

ไอติมกะทิอบควันเทียนสูตรของลุงพ้งจะมี มะละกอเชื่อม เป็นท๊อปปิ้งคู่กันที่ห้ามพลาดชิม
ตำนานความอร่อยมากว่า 45 ปี ร้านไอติมลุงพ้งโรงหนังอุดมสุข
พอโรงหนังมันปิด ตอนหลังโรงหนังมันถูกทุบ ตลาดมันหาย ผู้พัฒนา Development เขามาซื้อที่แถวนั้น มันกลายเป็นตลาดร้างเลยแล้วเราไปเจอตอนช่วงท้าย ๆ พอดี ซึ่งแต่ก่อนแกขายอยู่หน้าปากซอยอุดมสุขแล้วแกก็ร่น ๆ เข้ามา พอร่นเข้ามาแล้วแกก็ไปขายอยู่ในตัวบ้านแกเลย ซึ่งประมาณว่าขายได้ก็ดีขายไม่ได้ก็ไม่เป็นไร พอเราไปเจอแกเลยรู้สึกว่าเราเสียดายมันจะหมดไปเราก็เลยมาอนุรักษ์“แล้วก็อันหนึ่งที่มันเป็น Center คือมันเป็นจุดขึ้น-ลงรถสมัยก่อน แม้ว่าวันนี้มันมีถนนอุดมสุข แต่สมัยก่อนมันคือดินลูกรังมันเป็นจุดรวมรถสองแถวมาแล้วทะลุไปถึงวัดตะกล่ำ ราม 2 หรืออะไรเงี้ย มันก็เป็นที่รวมแล้วมันเป็นแหล่งรวมทั้งโรงเรียนยาสูบ โรงเรียนรุ่งเรือง พาณิชย์บางนา ฯลฯ คือเห็นลุงพ้งกันหมดตรงนั้นรอบ ๆ แกเป็นไข่แดง เป็นโรงเรียนประมาณ 6-7 โรงอ่ะ แล้วมันก็จะมีวัฒนธรรมของการแบบ พ่อแม่ไปทำงานหรือแบบลูกไปเรียนแถวนั้นแล้วแม่จะมารับลูกขึ้นสองแถวด้วยกัน ก็มานัดเจอที่ร้านไอติมนี่แหละ มันเป็นแหล่งรวมด้วยไงมันรวมทั้งแบบก่อนดูหนัง หลังดูหนัง บางคนไปโรงเรียนแบบงอแงก่อนมาถึงอุดมสุขแล้วยังไม่ไปโรงเรียน แม่ต้องซื้อไอติมให้กินก่อนถึงจะไปเรียนหรือว่านัดเจอกันรอบเย็นกินไอติม มันจะมีวัฒนธรรมของการเป็นจุดนัดพบไง”


ไอศครีมกะทิ อบเทียน อุดมสุข ปัจจุบันมี 3 รสชาติหลัก อบเทียน รวมมิตร และชาไทย


ลูกค้าไอติมเหนียวแน่น ขนาดว่าไม่มีแบรนด์ยังขายดิบขายดี!
เราดูจากตัวเราว่า เวลาเราซื้อของลุงพ้งมากินแต่ก่อนเขาขายเป็นโล หรือครึ่งโล เราจะรู้สึกว่าเราเป็นคนกินของยากแต่เรากิน
บางทีเรากินไปดูหนังไปแป๊บเดียวมันหมดเลย กินหมด ๆ ชอบกินของเขามาก แล้วเราเป็นคนที่กินของยากด้วย เรารู้สึกว่ามันน่าจะทำได้“แต่ว่าช่วงนั้นก่อนหน้านั้นด้วยความที่เราชอบเป็นหลัก เราก็จะรู้สึกว่าเวลาเรานึกถึงใครก็จะซื้อของฝาก เราจะซื้อตัวนี้ไปฝาก เราก็จะถามว่าโอเคมั้ยแล้วเขาบอกโอเคไง มันก็เลยสะสมความมั่นใจอย่างเงี้ย แต่ความมั่นใจในจุดหนึ่งมันก็มีพลาดแหละแต่ว่า มันถ้าถามถึงจังหวะบวกมันคือตรงนี้เป็นจังหวะบวก คือเรารู้สึกว่ามันโอเคแล้วเรารู้สึกว่าหนึ่งไม่มีแบรนด์ สองไม่มีแพคเก็จจิ้งไม่มีอะไรเงี้ย เขายังขายดีเลยช่วงท้าย ๆ เขายังขายดีนะ”บางทีเขามีลูกค้ามาจากต่างจังหวัดโทรบอกเขาล่วงหน้าว่าวันนี้จะเข้ามาเอา 30 โล! (30 กิโลนะ) เราถามว่าลูกค้าเขาซื้อไปขายเหรอ เปล่าเขาบอกลูกค้าซื้อไปกินเองที่บ้าน ซื้อไปกินที ่่บ้านตั้ง 30 โลเลยเหรอ! ลุงพ้งบอกว่าเขาเป็นลูกค้าเก่าแต่ว่าเขาอยู่สมุทรสาครแล้วบ้านเขามีตู้ฟรีซแบบตู้สแตนเลสสมัยเก่า เขาจะเอาลังโฟมมาแล้วก็ให้ลุงพ้งไปซื้อน้ำแข็งแห้งมาด้วย แกก็จะแพ็ก 30 โลแล้วก็ขึ้นรถขับกลับสมุทรสาครอย่างเงี้ย “มันน่าจะมีแม่เหล็กอะไรบางอย่าง ที่ดึงดูดให้คนเขากิน กินกันเยอะ กินกันต่อเนื่ออย่างเงี้ย แล้วผมก็รู้สึกว่าผมซื้อไปฝากคนสัก 10 คนมันประมาณ 9 คนน่ะเขาแฮปปี้ แล้วเราบางทีเจอแบบมีคนฝากเราซื้อกลับด้วยไง อย่างผมซื้อให้คุณ คุณทานเสร็จคุณยังบอกว่าเฮ้ยมันอร่อยนะ แต่ถ้ารอบหน้าไปเนี่ยแล้วมาผ่านหาฉันซื้อมาฝากให้ฉันด้วยนะ เขาฝากซื้อ เออเรามันเหมือนกึ่ง ๆ เทสต์ตลาดแล้วเราขยับไปจนถึงขั้นว่า เขาถามราคาเอ๊ะมันประมาณเท่าไหร่ เราบอกราคาอะไรไปอย่างเงี้ยเขาก็รับมันได้”แต่ขณะเดียวกันเราก็รู้สึกว่า ของเขามัน base บนท้องที่ ไอติมเขามันจะเป็นก้อน ๆ แพ็กใส่ถุงพลาสติกแล้วฟรีซอย่างนั้นเลย ถึงเวลาจะกินอย่างลูกค้ามาบอกว่าเขาจะเอา 1 โล หรือเอาครึ่งโล เขาก็จะหยิบเอาไอติมออกมาแล้วทำให้มันพอง ๆ ก่อนเพื่อไม่ให้ความร้อนมันเข้าไป แล้วเขาก็จะเอากระดาษหนังสือพิมพ์มาห่อให้หนา ๆ จากนั้นก็ใส่ในถุงพลาสติกให้ลูกค้าที่ซื้อกลับบ้านไป เวลาในการบรรทุกมันได้ประมาณเฉลี่ย 30 นาทีถึงบ้าน ดังนั้นเนี่ยรัศมีจากอุดมสุขไปถึงสวนหลวง ร.9 ถ้ารถไม่ติดนะ นั่งสองแถว มันก็ยังไปถึงได้(ยังละลายนิดหน่อย) สามารถแช่ตู้เย็นหรือแกะกินเลย“ผมก็เลยนึกถึงภาพว่าการที่ซื้อไอติมไป ที่ไม่มีน้ำแข็งแห้งไม่มีแพคเก็จจิ้งที่ดีอะไรเงี้ย มันคนยังซื้อไป ผมรู้สึกว่าถ้าเราทำแพคเก็จจิ้งที่มันแข็งแรงมันเก็บความเย็นได้ดีกว่านี้อะไรเงี้ย
มันน่าจะโอเคแล้วก็ไปสู่ในท้องที่อื่น ๆ ด้วยมันก็น่าจะได้”



ไม่ง่าย! กว่าจะได้สูตรมา ก่อนจะเป็น “ไอศครีมกะทิ อบเทียน อุดมสุข”
เขาทำมามีเป็น 100 เป็น 1000 ที่ขอตรงนี้ แต่ว่าเราบอกว่าเราอยากจริง ๆ“แล้วก็อยากแบบอยากจริง ๆ อ๋อไม่สอนเราใช่มั้ย ไม่ให้เราใช่มั้ย ผมทำเลยผมทำเลียนแบบเขา แล้วเอาไปให้เขาดู แล้วเขาก็จะส่ายหัวว่าไม่ใช่ แต่เขาบอกว่ามันตรงนี้ มันตรงนั้น มันตรงนี้ ให้เราไปปรับต่อ(หัวเราะ) เราก็ทำไปเรื่อย ๆ อะไรเงี้ย คือผมคิดว่าไม่มีใน100 คนที่ตื๊อเขา ไม่มีใครเป็น1 ในเหมือนผมหรอกที่ อ๋อไม่ให้ใช่มั้ยงั้นมาตอบให้หน่อยว่า ถ้าผมจะทำผมเหมือนคุณแค่ไหน ผมก็ไปทำมาให้ดู นั่นแหละคือ ๆ บางคนบอกว่าผมได้ง่ายจริง ๆ ไม่ใช่นะ ผมก็มีความพยายามของผมอยู่นะ ผมก็แบบทำไปให้เขาแล้วเขาบอกไม่ใช่มันต้อง มันขาดไอ้นี่ว่ะ มันขาดไอ้นั่นว่ะมันขาดไอ้นี่ว่ะ เราก็ทำไปให้เขาชิมแล้วเขาก็กึ่งส่ายหัวกึ่งดีใจอ่ะที่แบบ มีคนทำเลียนแบบเขา”เราก็ตื๊อ ๆ อย่างเงี้ยโดยที่ทำไอติมไปส่งแกอยู่ตลอด จนยุคนั้นมันทันเรื่อง LINE แล้วแหละ แกก็ส่งไลน์มาสวัสดีวันจันทร์ วันอังคาร ทุกวันก็จะคุยกันไปอย่างนี้ จนปลายปี 2560 ตอนนั้นตัวเองตั้งใจว่าจะไปบวช แล้วคิดว่าตอนบวชก็จะปิดมือถือไม่อะไรกับใครเลย 15 วัน ก็เลยเอาพานธูปเทียนไปขมากับแกแล้วตั้งใจว่าจะบอกกับแกผมไม่อยู่นะ 15 วันถ้าส่งไลน์ไปแล้วไม่มีใครมาสวัสดีตอบอย่าน้อยใจนะ อย่าคิดว่าเราโกรธอะไรนะ ตั้งใจไปอย่างนั้นปรากฏพอเปิดประตูเข้าไปหาแกบอก โอ้ยรำคาญเว้ยตื๊ออยู่นั่น! งั้นกูให้มึง(หัวเราะ) ตอนนั้นก็ยังงง ๆ อยู่ว่าเฮ้ยอะไรวะ เราบอกเปล่ามาลาบวชอะไรเงี้ยแกก็เลยบอกงั้นไปบวชก่อนแล้วค่อยกลับมาคุย “เราบวชปลายเดือนพฤศจิแหละแล้วธันวาก็เริ่มสึก แกก็ เริ่มคุยกับแก เริ่มมาเรียนรู้กับแก”

หน้าร้านเล็ก ๆ ที่เปิดให้บริการลูกค้า fc ไอติมลุงพ้งเก่าได้แวะเวียนมาชิมในย่าน ถนนสรรพาวุธ เขตบางนา
ประมาณ 2 เดือน คือเริ่มจากให้เราไปดูก่อน ดูเสร็จปุ๊บเริ่มให้เราเป็นผู้ช่วย แต่จริง ๆ ตัวแกเองแกดุมากเลยแกบอกว่าต้อง แกจะทำให้เราประกบเป็นผู้ช่วยแก 3 ครั้งแล้วจบเลย! ดังนั้นเขาบอกว่าคุณจะจดก็ได้ จะถ่ายวิดีโอก็ได้ จะถ่ายรูปอะไรทำได้หมดเลยแต่พอเอาเข้าจริง ๆ ครบ 3 รอบเราก็ยังรู้สึกว่า ยังไม่แน่น แต่ว่าต้องยกเป็นความดีของป้าเง็กเกียว (ภรรยาของลุงพ้ง) พอแกสอน 3 ครั้งเสร็จปุ๊บแกไล่เรากลับมาที่บ้านเราเลย ให้เราขนของอุปกรณ์อะไรของแกมาที่บ้านของผม ให้มาทำเองแบบตัดหางปล่อยวัดเลย แต่ว่าป้าเง็กเกียวบอกว่าถ้าพูดเป็นภาษาแบบคนจีนน่ะ ลื๊อทำมา 40 ปีลื๊อไปสอนเขา 3 ครั้ง มันจะเป็นอะไรวะ! ลื๊อไปสอนมันที่บ้านอีก 3 ครั้ง เราก็เลยมีหน้าที่ไปรับเขามาสอนที่บ้านเราอีก 3 ครั้ง

ราคาถ้วยละ 40 บาทเลือกชิมท๊อปปิ้งได้กว่า 3 อย่างตามลูกค้าพอใจ
แรก ๆ ทำตลาดใหม่ก็ไม่ง่าย! “อบเทียน” อย่างเดียวใช่ว่าจะตอบโจทย์
“ผมเคยไปทำงานกับเพื่อนผม แล้วเพื่อนผมจะซีเรียสเรื่องการตั้งชื่อมาก ๆ เขาบอกว่าถ้าคุณตั้งชื่อปุ๊บบางทีมันอธิบายตัวคุณไปแล้ว อธิบายสินค้าไปแล้ว อธิบายอะไรไปแล้ว เราก็เลยบอกว่าเออเราอยากบอกว่าเราเป็นไอติมกะทินะ เพราะเดี๋ยวนี้มันมีทั้งไอติมเจลาโต้ไอติมอะไรหลากหลายเราก็บอก หนึ่งคือไอติมกะทิแล้วเขาบอกว่า กะทิไม่พอมันต้อง กะทิอบเทียน เพื่อให้เห็นว่าในความเป็นกะทิมันก็ Niche เข้ามาเป็น อบเทียน ขณะเดียวกันก็ใช้ว่า อุดมสุข เป็นการบอกพิกัดมันว่ามาจาก โรงหนังอุดมสุข” แม้ว่าถึงตอนนี้เราจะทำมา 6 ปีแล้ว ทุกวันนี้มีคนเดินผ่านมาข้างหน้าแล้วเขาเห็นชื่อ เขาจะบอกเลยว่าใช่ร้านนี้หรือเปล่า เขาก็จะมากิน ซึ่งการตั้งชื่อมันสำคัญนะ ปัจจุบันไอติมกะทิสูตรของลุงพ้งที่ทางร้านทำขายอยู่ก็จะมี 3 รสชาติด้วยกัน 1. ยืนพื้นเลยที่รับมาจากลุงพ้งก็คือ “อบควันเทียน” แล้วต่อมารสที่ 2 นี่เกิดจากมีลูกค้ากลุ่มหนึ่งไม่ชอบอบเทียนเลยแล้วเขาก็บอกว่าทำรสอื่นได้มั้ย มีการระบุมาเลยว่าทำ “รวมมิตร” ได้มั้ยเราเลยบอกงั้นเราทำ มันเลยเกิดเป็นรวมมิตรลอดช่องใบเตยขึ้นมาด้วย พอรสที่ 3 เป็นลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่งที่ฉันไม่ชอบอบเทียนแล้วไม่ชอบรวมมิตรฯ แบบมีเนื้อ พอดีกระแสเรื่องชาเขียวชาไทยมันมีมาพอดีก็เลยทำรส “ชาไทย” ออกมามันเลยมี base อยู่แค่ 3 รสชาตินี้

ท็อปปิ้งสำหรับไอติม
“เราอยากมีร้านที่นั่งทาน แต่ว่าด้วยข้อจำกัดเรื่องค่าเช่าเรื่องอะไรต่าง ๆ ทำให้เราต้องเช่าแผงเล็ก ๆ แล้วก็มีที่ให้นั่งกินเล็ก ๆ พอ”เพราะว่าตอนหลังเรารู้สึกว่าธุรกิจมันตายเรื่องค่าเช่ากันเยอะ มันแรงมากเลย ตอนที่ลุงพ้งแกสละตรงนั้นทิ้งแล้วแกให้เราไปหาทำเลในอุดมสุข เชื่อมั้ย 2x2 บางที่ยัง 2 หมื่น ยุคก่อนที่จะมีโควิดฯ โอ้โห 2-3 หมื่นบางทีมันคือ เราขายไอติมหรือทำไอติมแล้วจ่ายค่าเช่าวันละ 1000 เราก็เลยถอย จนผมเริ่มแรกไปทำที่ตลาดตรงตลิ่งชันค่าเช่าเดือนละหมื่นกว่า เราว่าถูกนะซึ่งตอนนั้นเราก็ใช้วิธีคิดอีกแบบหนึ่ง ได้ที่ฟิกซ์มีที่เก็บคือไม่ต้องย้ายขึ้น-ย้ายลงรถ มันก็โอเคนะวันละ 300 ก็ 9000 กว่าบาทมีค่าน้ำค่าไฟด้วย เบ็ดเสร็จเดือนละหมื่นสาม-หมื่นสี่ แต่เอาเข้าจริง ๆ เราก็อยู่ไม่รอด“เราก็เริ่มกลับมาทบทวนเราเองแล้วว่า ร้านจำเป็นต้องมีค่าเช่าขนาดนั้นหรือเปล่า เราก็เลยพอเราครบ 1 ปีที่โน่นสัญญาหมดพอดีเราก็ไม่ต่อ”ประกอบกับลุงพ้งแกเห็นว่าเราไปเผชิญโลกข้างนอกมาแล้วเขาก็บอกว่ากลับมาทำที่นี่ก็ได้นะ อนุญาต เราก็เลยกลับมาทำที่นี่(ที่ตั้งร้านปัจจุบัน) ค่าเช่า 3000 บาท เราเอาแบบ Small ก่อนดีกว่าแล้วเราไปเชื่อเรื่องความเล็ก เล็กแล้วมันชัวร์ดีกว่า แล้วค่อย ๆ โตมองว่ามันยั่งยืน


การผลิตเน้นแบบโฮมเมด มีบริการตักเสิร์ฟนอกสถานที่ให้
ไอติมของเรามีทั้งแบบถ้วย แบบตัก แบบออกงาน กล่อง มีสารพัดแบบเลย บางทีเขาก็เป็นลูกค้าเก่าลุงพ้งแล้วเพิ่งรู้ว่าเรามาออกงานด้วย เขาก็จะสั่งไปออกงาน เพราะว่าแต่ก่อนเขายังไม่มีถ้วยสำเร็จพอเรามาทำเป็นแบบถ้วยสำเร็จเพราะว่าลูกค้าถามแล้วมันก็แฮปปี้ดี ส่วนใหญ่เขาก็จะสั่งไปตามงานบุญต่าง ๆ“แรก ๆ เราทำเป็นกล่อง กล่องละครึ่งกิโล เพื่อให้มัน carry ได้ง่ายขึ้นแบบขนส่งได้ง่ายขึ้น ตอนนั้นครึ่งโลผมเริ่มอยู่ที่ 100 แต่ตอนนี้ขยับเป็น 120 แล้ว ทุกรสชาติขายในราคาเดียวกัน”ก็จะมีทั้งลูกค้าแบบออกงานหรือถ้าลูกค้าที่อยู่ไกล ๆ ต่างจังหวัดก็สามารถจัดส่งให้ได้หมดเลย เพราะว่าเราก็มีระบบหลังบ้านแบบรับ-ส่งทั่วประเทศแบบขนส่งความเย็น สั่งวันนี้อีกสองวันได้ของที่ส่งให้ไปถึงหน้าบ้านเลย ส่วนลูกค้าที่สะดวกแวะมาทานที่หน้าร้านก็จะมีแบบ “ถ้วย” ให้ในราคาเริ่มที่ 40 บาท พร้อมท๊อปปิ้งให้ด้วย ลูกค้าเลือกได้เลย 2-3 อย่าง แต่ก็พยายามบอกคนขายว่าถ้าเขาจะอยากได้ท๊อปปิ้ง 5-6 อย่างในถ้วยเดียว ก็ได้เลยก็ตักให้มันน้อยลงเท่านั้นเองแหละเพื่อให้พอดีกับขนาดของถ้วยไอติมที่ใส่ให้กับลูกค้า

มีลูกค้าสั่งซื้อไอติมเพื่อนำไปต่อยอดสร้างสรรค์เป็นเมนูใหม่ ๆ เพิ่มมูลค่าขึ้นได้อีก
“ถ้าถามเรา เราคือหน้าร้านกับออกงาน งานอีเว้นต์เป็นถ้วย ๆ ถ้วยสำเร็จอย่างงั้นมากกว่า เพราะมันน่าจะเข้ากับ operation เรา จริง ๆ ประมาณ 100 โลต่อวันก็ทำได้ แต่เราทำไม่ถึง เราก็ทำเหลือแค่วันละ 50 โลเฉพาะเป็นรส ๆ ไป คือทำรสละ 50 กิโล/วัน พอ ซึ่งมันก็ไม่น้อยนะ” มันสามารถทำ full scale ได้ แต่เราจะต้องเพิ่มคนทำอีกหรือว่าเพิ่มเซลล์ในการขายเข้าไป เพราะทุกวันนี้ทำกันอยู่แค่ 2 คนเอง อย่างตนเองก็เป็นทั้งคนทำไอติมด้วยและก็เวลาออกงานก็ต้องไปดูแลเรื่องการตลาดด้วย อย่างช่วงนี้ก็มีไปงานที่ไบเทค มีไปเมกะบางนา แล้วก็มีไปที่เอสซีบีสำนักงานใหญ่ด้วย“แล้วเราก็ยังมี Delivery ด้วยพวกแอปฯ ไลน์แมน โรบินฮู้ด แต่ก็ไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็มีบ้างเพราะว่าพวกนี้มันเป็นโอกาสที่เปิดให้เราไปเจอลูกค้าใหม่บ้าง บางคนซื้อเราไปชิมเพื่อ(มีเยอะนะ) ซื้อเราไปชิมเพื่อสั่ง Big order เรา ซื้อเราไปชิมเพื่อเอาเราไปทำสคู๊ป ซื้อเราไปอย่างนี้มันเป็นโอกาส”



ถ้าถามว่าในระยะ 5-6 ปีที่เดินตลาดมา มันทรง ๆ เลยถือว่า เป็นโชคดีแล้ว ถ้าใครถามผมคือทรง ๆ น่ะโชคดีแล้วเพราะว่า รอบตัวตลาดทุกอย่างมันถอยลงไปหมดเลย แล้วเราก็โชคดีบางทีมันถอยแล้วมีรายการมาทำซึ่งมันก็ขึ้นมา(หัวเราะ) มีคนมารีวิว TikTok มันก็ขึ้นมา มันเลยทำให้ยอดเราคงที่แบบพออยู่ได้แต่เราไม่ได้หวือหวาขึ้นอย่างเงี้ย เพราะว่าผมเข้าใจว่าสภาพเศรษฐกิจ กำลังเงิน อะไรหลาย ๆ อย่าง ข้างนอกมันเงียบมากเราได้ขนาดนี้ถือว่าก็โอเคแล้ว


ยังไม่คิดถึงเรื่อง “แฟรนไชส์” เปิดโอกาสให้ต่อยอดสร้างอาชีพได้
คุณแต้-ณณัฏฐ์ เขตโสภต เจ้าของแบรนด์ “ไอศครีมกะทิ อบเทียน อุดมสุข” ยังบอกด้วย ปีแรกมีคนมาให้ผมทำส่งห้างฯ ตัวเขาเองเขาจะลง Foods Center ของ 3 ห้างฯ แล้วมียอด มียอด แต่เขาบังคับให้ผมทำประมาณ 10 รสหรือ 6 รสผมจำไม่ได้ ซึ่งตอนนั้นผมมีอยู่แค่รสเดียว คือ รสอบเทียน แล้วเขาบอกเขาขอเดือนละเท่านี้โล เท่านี้โล ลง 3 สาขาในห้าง ฯ โน่นนั่นนี่ ผมว่ามันก็เป็นเงินแต่มันต้องเตรียมเยอะแล้วเราก็ไม่รู้เลยว่า เขาจะจริงจังกับเราสักแค่ไหน ถ้าเราไปเตรียมแล้ววันหนึ่งมันไม่ใช่ มันเป็นภาระเราเลยนะ! เราก็เลยเลือกที่จะไม่ทำแล้วพอหลังจากนั้นไม่ถึงปี โควิดฯ ก็มาทักทายแล้วไง มันก็วึ๊บไปเลย!

“ถามว่ามันอยู่ได้มั้ย อยู่ได้ แต่คำถามต่อไปคนที่มาตามต่อเราในแง่ “แฟรนไชส์” อยู่ไม่ได้! เราพูดแบบตรง ๆ แต่ถ้ารับไปขายเพื่อเป็นอาชีพเสริมแล้วคุณมีอย่างอื่นในร้านขายมีอะไรเงี้ยได้ อ๋อลืมบอกไปผมน่ะ OEM ให้ที่อื่นมีหลายรายเหมือนกัน มี OEM ด้วย ซึ่ง OEM ของเราคือมีบางรายซื้อแบบ ราคาปลีกแล้วเขาไปทำของเขาเอง เขาได้เยอะมากเลยนะแต่ถ้าแบบเห็นเราแล้วอยากขายแบบเราถ้วยละ 40 แล้วคุณจะเอากำไรที่ไหน ผมขายคุณ คุณไปขายก็ต้องมีกำไร แต่ว่าต่างคนต่างแบ่งกำไรในก้อนที่มันเล็กไง มันก็เหนื่อยทั้งคู่ แต่ถ้าคุณเห็นของผมแล้วคุณไปปั้นแล้วมันได้มูลค่าอะไรเงี้ย มีคนเอาไอติมผมลูกหนึ่งไปรวมกับ กาแฟ รวมกับอะไรเงี้ยแก้วละ 150 แก้วละ 190 เอาไอติมของผมไปแปะทองทำให้อยู่ในถ้วยหรู ๆ ในร้านที่มันหรู อยู่ในทุกอย่างที่มันเหมาะกับทางนั้นเราก็ดีใจ”

ย้อนกลับไปขยายความต่อจากข้างต้นที่บอกไว้ว่า คีย์ที่เป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจนี้ คือ การ Balance ได้ทั้งเรื่องของ “เวลา” และก็ “ความสุข” ต้องเกิดขึ้นด้วย คุณแต้บอกว่าเขาจะทำงานนี้ซึ่งหมายถึง “การผลิตไอติม” อยู่เพียงแค่ 8 วัน/เดือนเท่านั้น เพราะว่าหลังจากนั้นก็คือจะเป็นเรื่องของการไปออกงานอีเว้นต์หรือการออกตลาดบ้าง แล้วตัวเองก็มีอย่างอื่นที่ต้องไปดูแลด้วย อย่างเรื่องที่บ้านหรืออะไรอื่น ๆ ซึ่งมันเลยกลายเป็นการ Balance และก็จริง ๆ มันมีเรื่องของความสุขที่ซ่อนอยู่ในนั้นด้วย“ความสุข ความบาลานซ์ เพราะว่าตอนผมทำรุ่นน้องถามผมว่า ชื่ออย่างนี้แล้วมีความสุขมั้ย คือเขาถามผมอย่างงี้เลยนะ ผมก็เลยบอกเออว่ะมันไม่ได้ แบบคุณทำคุณเป็นเจ้าแม่แบบคุณขายของลดน้ำหนัก แต่ตัวคุณไม่ลดน้ำหนัก มันก็ขัดแย้งกันเนาะ เขาก็บอกว่าชื่อคุณอย่างเงี้ยมันต้องมีมั้ยอย่างเงี้ย เราก็เลยเริ่มมาตอบตัวเองว่า บางอย่างเราไม่แฮปปี้เราก็ไม่ทำอะไรเงี้ย บางอย่างเราแฮปปี้เราก็ทำ”มันมีปัจจัยบวกหลายอย่างที่เราจะไปทำตรงนั้นเพราะว่า 1. คือเราไม่อยากทำงานประจำแล้ว 2. พอเรามาเป็นฟรีแลนซ์ ฟรีแลนซ์เราไม่แน่ไม่นอน 3. พอเรามาทำไอติมทำธุรกิจมันเลยบีบให้เรามีกิจการเป็นของตัวเองเพื่อที่เราจะได้ Manage เวลาได้ วันนี้ต้องไปหาแม่วันนี้ต้องอะไรอย่างเงี้ย มันเลือกเวลาได้



สนใจแวะไปชิมไอศกรีมกะทิอบควันเทียนอร่อย ๆ ที่อยู่คู่กับย่าน “อุดมสุข” มานานกว่า 45 ปีแล้ววันนี้ในชื่อแบรนด์ใหม่ “ไอศครีมกะทิ อบเทียน อุดมสุข” สามารถไปอุดหนุนร้านได้ตั้งอยู่เลขที่ 519 ถนนสรรพาวุธ เขตบางนา กรุงเทพฯ โทร.090-259-5159 FB : ไอศครีมกะทิ อบเทียน อุดมสุข ขอบคุณ : ร้านผัดไทย (แชมป์หลายเวทีประกวดย่านบางนา) ที่เอื้อเฟื้อสถานที่ในครั้งนี้

คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด


กำลังโหลดความคิดเห็น