ซอฟต์พาวเวอร์ผ้าไทยโกอินเตอร์ไปไกลถึงยุโรป เมื่อผู้นำประเทศ อย่าง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้หยิบผ้าขาวม้าสินค้าจากภูมิปัญญาท้องถิ่นอีสาน ของไทย ที่ชาวบ้านมอบให้ระหว่างลงพื้นที่มากมายหลายสิบผืน มาสวมใส่ เป็นผ้าพันคอเข้าชุดกับสูทสากลได้อย่างลงตัวระหว่างเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ยุโรป เพื่อเป็นการโชว์สินค้าของไทย ในระหว่างการเดินทางไปร่วมเวทีประชุมสุดยอดอาเซียน - ออสเตรเลีย นครเมลเบิร์น เครือรัฐออสเตรเลีย
วันนี้ พามารู้จัก ผ้าขาวม้าบ้านไร่ จังหวัดราชบุรี ตำนานผ้าขาวม้าที่คนไทยรู้จักกันมานานกว่า 100 ปี
สำหรับประวัติผ้าขาวม้าบ้านไร่ จังหวัดราชบุรี ตกทอดมาถึงทายาทรุ่นที่ 3 ได้โกอินเตอร์ไปหลายประเทศ ภายใต้แบรนด์ ผ้าขาวม้าอิมปานิ เกิดขึ้นมาจากทายาทรุ่นที่ 3 เดิมชื่อว่า ผ้าขาวม้า บ้านไร่ จังหวัดราชบุรี และพอ “คุณเอกสิทธิ์ โกมลกิตติพงศ์" เข้ามารับช่วงดูแลกิจการต่อ ได้เปลี่ยนชื่อ เป็น อิมปานิ ผ้าขาวม้า IMPANI PA-KAO-MA เพราะชื่อผ้าขาวม้าบ้านไร่ มีผู้ใช้ชื่อนี้ ในหลายพื้นที่หลายจังหวัด การเข้ามาดูกิจการของ “คุณเอกสิทธิ์”ได้ลบภาพผ้าขาวม้า สินค้าที่ดูโบราณ ไม่ทันสมัยออกไปจนหมด หลังจากได้ร่วมกับดีไซน์เนอร์ ช่วยกันออกแบบสีสัน และลวดลายผ้าขาวม้าใหม่ และยังมีดีไซน์เนอร์ชื่อดังนำผ้าขาวม้าของอิมปานิ ไปตัดเย็บเสื้อผ้าในรูปแบบที่ร่วมสมัย ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี
โดยวันนี้ ผ้าขาวม้าอิมปานิ ไม่ได้โดนใจแค่ผู้บริโภคคนไทย โด่งดัง ได้รับความนิยมในประเทศญี่ปุ่น มีลูกค้าญี่ปุ่น สั่งซื้อผ้าขาวม้าอิมปานิไปจำหน่าย และยังเป็นแบรนด์ผ้าขาวม้าที่วางขายบนห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ หลายสาขา พร้อมกันนี้ ในอนาคตเตรียมโกอินเตอร์ไปอีกหลายประเทศ โดยเป็นการทำงานร่วมกับดีไซน์เนอร์ชั้นนำของประเทศ
นายเอกสิทธิ์ เล่าถึง การพัฒนาผ้าขาวม้า หลังจากที่ตนเองเข้ามารับช่วงต่อในฐานะทายาทรุ่นที่ 3 ว่า เนื่องจากมีช่วงหนึ่ง ผ้าขาวม้าไม่ได้รับความนิยม ตนเองได้มีการปรับลวดลายผ้าขาวม้า จากเดิมที่เป็นลายตารางหมากรุก สีสันสดใส ปรับใส่ริ้วลายเติมลงไปในผ้าขาวม้า และปรับสี โดยการจับคู่สีใหม่ ด้วยการใส่สีพาสเทล ลงไปเพื่อให้ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่
และการปรับตัวของผ้าขาวม้า บ้านไร่ ลายตารางหมากรุกในอดีต ถูกปรับโฉมใหม่ โดย “คุณเอกสิทธิ์” ทำให้ผ้าที่หลายคนมองว่า เชยล้าสมัย กลับมามีชีวิตอีกครั้ง และได้มีโอกาสโกอินเตอร์ ไปไกลถึงญี่ปุ่น โดยทางปตท. ได้เลือกผ้าขาวม้าของคุณเอกสิทธิ์ ไปวางขายที่ AMAZON สาขาที่กรุงโตเกียว และ มีวางขายที่ คิงส์พาวเวอร์ เซ็นทรัลพัทยา และที่หัวหิน ฯลฯ และได้มีการออกแบบผ้าขาวม้าที่ให้สามารถนำไปตัดเย็บเสื้อผ้าสวมใส่ได้ ซึ่งอยู่ระหว่างการพูดคุยกับดีไซน์เนอร์ เพื่อจัดแฟชั่นโชว์อีกครั้ง ปัจจุบันได้มีการนำเรื่องของปรับโครงสร้างการผลิตผ้าขาวม้าใหม่ เพื่อลดการปล่อยคาร์บอน เครดิตคาร์บอน ส่วนหนึ่งมาจากความใส่ใจเรื่องของสิ่งแวดล้อม และรองรับการทำตลาดส่งออกในอนาคต
นายเอกสิทธิ์ พูดถึงการผลักดัน ผ้าขาวม้าเป็นซอฟต์พาวเวอร์ ของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ว่า เป็นไปได้ยาก ถ้ายังไม่มีการปรับลวดลายหรือสีสัน ถ้าเป็นสีสันแบบเดิม เพราะจากประสบการณ์ทำงานตรงนี้มานาน ค่อนข้างจะเข้าใจตลาด และคนยังมองว่า ผ้าขาวม้าเป็นผ้าราคาถุก ไม่ว่าจะพยายามยกระดับพัฒนาขึ้นมาอย่างไร คนก็ยังมองว่าเป็นผ้าราคาถูก อยู่ดี ปัจจุบันราคาผ้าขาวม้า ของเราก็ไม่ได้มีการปรับราคา ยังคงขายราคาเดิม
สนใจโทร.08-9666-9550
