“ขนมกระปุกฝาแดงนี่จะต่างจากความรู้สึกนะคะ คือสดและก็ใหม่รสชาติก็จะเป็น homemade ทำสดๆ ใหม่ๆ แล้วออกมาขาย จะได้รสชาติที่อร่อยกว่า เราผลิตวันนี้ พรุ่งนี้เราก็ไปวางที่ร้านค้าแล้วลูกค้าก็จะได้รสชาติที่ความหอม ความนุ่ม ความละมุนก่อนเลย”
ขนมกระปุกฝาแดงในตำนานความทรงจำวัยเด็กของหลาย ๆ คน พอไปถึงร้านค้าจ่ายตังค์ให้อาแปะแล้วก็ได้สิทธิ์ในการไปหมุนฝากระปุกเพื่อหยิบเอาขนมที่อยู่ข้างในออกมากินได้! โดนัทน้ำตาล กะหรี่ปั๊บไส้ถั่ว ขนมเปี๊ยะ และถั่วทอด(แผ่นกลม) เลือกได้ตามความชอบใจในราคาเท่ากัน วันเวลาผ่านไปขนมที่เราจำได้ในวัยเด็กก็ยังอยู่! “ขนมกระปุกฝาแดงนพนารา” อีกหนึ่งตำนานความทรงจำที่วันนี้ธุรกิจนี้ก็ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ข้ามผ่านกาลเวลามาได้กว่า 30 ปีแล้ว โดยผู้สืบทอดคนสำคัญ “คุณนัทธ์-นัทธ์ศศิ ดวงปัญญา”ซึ่งเป็นรุ่นที่สองของขนมกระปุกฝาแดงนพนารา บอกกับเราว่า พี่สาวเป็นผู้ริเริ่มกิจการขนมนี้ก่อนนานกว่า10 ปีขึ้นมาแล้ว จนกระทั่งพอพี่สาวจะย้ายกลับไปอยู่จังหวัดอุดรธานีซึ่งตอนนั้นตัวเองก็เรียนจบ ม.รามฯ พอดีเป็นโอกาสให้ได้ลองทำธุรกิจขึ้นมาใหม่ กลายเป็นว่าไป ๆ มา ๆ นับถึงตอนนี้กว่า 17 ปีแล้ว“มารับช่วงต่อก็มีเริ่มตั้งแต่คน 2 คนตอนนั้นก็ยังไม่มีทุนนะคะ ยังไม่มีทุนที่จะซื้อเครื่องตีแป้ง ตอนนั้นเราก็นวดกับมือเลย กะละมังค่ะก็เอาแป้งใส่ แล้วก็คุกเข่านวดกับมือเริ่มต้นจากในครอบครัวก่อน”ตอนแรก ๆ ที่ทำอยู่ก็จะมีขนมเปี๊ยะไส้ถั่ว และก็ถั่วทอด แล้วค่อยต่อยอดมาเป็นโดนัท และก็ค่อยเป็นกะหรี่ปั๊บ“คือเริ่มต้นเราทำแค่ 2-3 ตัว แล้วก็ต่อยอดมาจน 20 กว่าไอเทมแล้ว”
ทำไมถึงต้องเป็น “ขนมกระปุกฝาแดง”? ด้วยความชอบสีแดงด้วยแล้วก็เป็นสีที่เป็นมงคลกับตัวเอง ก็เลยเลือกเป็นเทรนด์สีแดงตั้งแต่แรกเลยจนมาถึงปัจจุบัน และยังคงเป็นสีแดงตลอด“ถ้าถามว่าความชอบในขนมใช่มั้ยคะก็ อร่อยค่ะ เรามีความรู้สึกว่าถูกแล้วก็อืมรสชาติอร่อย แล้วก็เวลาที่คนทานเนี่ยเขามีความสุข ที่ได้ทานใช่มั้ยคะ มันก็ทำให้เราทำต่อมาเรื่อย ๆ”
ที่มาของขนมแต่ละอย่าง ได้แรงบันดาลใจจาก “การเดินทาง”
แต่จะมีในเรื่องของ “โอกาส” มากกว่า มองเห็น อย่างขนมแต่ละตัวที่นำมาต่อยอด ก็ล้วนเป็น “ของดี” ในพื้นที่อย่างเช่นว่า ขนมกะหรี่ปั๊บ จริง ๆ คือขายข้างทางเลยที่เราไปได้สูตรมาอย่างเงี้ย “นัทธ์ก็ไปจับตรงโน้นมาแล้วก็มาทำเป็นธุรกิจของเรา อาศัยการต่อยอดจากคนที่มีฝีมือที่เราเดินทางอะไรอย่างเงี้ยค่ะ เราเดินทางเอ้อพี่เขาทำอร่อยนะ มันมองเห็นว่ามันทำเป็นโรงงานได้ เราก็จับแต่ละตัวมา” อย่างขนมไหว้พระจันทร์ ก็ขายดี ก็จะเป็นขนมที่เป็นมงคลด้วย เราก็ไปจับไหว้พระจันทร์มา หรือว่าโมจิอย่างเงี้ย ที่เรามีอยู่ก็เป็นของดีเมืองนครสวรรค์ เราก็จะไปค้นหาสูตรของพื้นที่ เอาสูตรแต่ละพื้นที่มาผลิต แล้วก็ให้ทุกคนมีโอกาสได้ทาน
ส่วนที่มาของ “โดนัท” นี่คือขายในตลาดสดเลยเป็นร้านที่เราได้สูตรมาขายอยู่ในตลาดมาก่อน“ก็เราทานแล้วมันอร่อย! อร่อยค่ะเราอู้หูแบบมัน ช่างอร่อยเหลือเกิน ก็ลองจีบ ๆ ดู เขาก็ให้สูตรมา แล้วก็มาต่อยอด” อาจจะเป็นคนที่ชอบทำโรงงานด้วย แต่พรสวรรค์นี่คือต้องไปแสวงหาเอาแล้วก็เอาพรสวรรค์ของที่อื่นมาต่อยอดของเรา
รสชาติยอดนิยม “ขนมกระปุกฝาแดง”
ก็แตกยอดจาก 4 ไอเทม ต่อยอดขึ้นมาอีกก็จะมี ขนมไหว้พระจันทร์ ลูกเต๋า เหม่งทึ้ง โมจิ คุกกี้ตัวหนอน และคุกกี้อีกหลาย ๆ
ไส้แตกไลน์ขึ้นไปอีก และก็จะมีงาอ่อน อันนี้คือคร่าว ๆ ที่มีทำขายอยู่ รวมแล้วเบ็ดเสร็จตอนนี้ก็คือ 21 ไอเทม“ตอนนี้อันดับ 1 เลยค่ะก็คือ โดนัทเรามีอัตลักษณ์พิเศษของเราเองด้วย ก็คือจะมี 2 แบบ โรยน้ำตาล กับไม่โรยน้ำตาล ของเราสามารถที่จะโรยน้ำตาลได้ไม่ละลาย(แต่ละลายในปาก) และก็จะคัดเม็ดน้ำตาลที่ละเอียด วัตถุดิบทุกตัวเราใช้อย่างดีหมดเลย รสชาติก็จะออกมาที่ นุ่ม ละลายในปาก แต่ว่าเป็นโดนัทเค้กนะคะ ไม่ใช่โดนัทยีสต์”แล้วก็รองลงมาก็จะเป็น “กะหรี่ปั๊บ” ซึ่งสูตรแป้งของเราจะพิเศษไม่เหมือนที่อื่น ปกติที่อื่นก็คือจะเป็นรสชาติแป้งออกผสมน้ำตาลหรือว่าออกเค็ม ๆ แต่ของเราพิเศษก็คือ จะทั้งหอมทั้งมัน อันนี้เป็นสูตรพิเศษ(อยู่ที่ขั้นตอนการผสมแป้งและก็ขั้นตอนการทอดด้วย) ไส้ปัจจุบันตอนนี้ที่มีอยู่คือ ไส้ถั่ว(หวาน) กำลังจะเพิ่มอีกเป็นไส้สับปะรด และก็ไส้เค็มด้วย ส่วนตัวที่สามเป็น “ถั่วทอด” และก็ตัวที่สี่คือ “ขนมเปี๊ยะ” ซึ่งสามกับสี่ก็จะไม่ค่อยต่างกันสักเท่าไร“อย่างถั่วทอดนี่เราก็จะคัด พิเศษ คัดเม็ดถั่วเคล็ดลับคือจะอยู่ตรงนี้ ต้องไม่มีถั่วเสียถั่วเน่า คือถ้าอร่อยทั้งแผ่นเลยถ้ามีถั่วเสียถั่วเน่านี่คือจบเลย!”
พัฒนาสู่การผลิตในระดับโรงงาน “คือเราก็มองว่าในอนาคตตอนโน้นนะคะ ตอนโน้นเราก็มองว่าอนาคตน่าจะหาคนยาก เราก็เอาเครื่องจักรเข้ามา มารองรับน่ะค่ะค่อย ๆ ทยอยเข้ามา จนถึงตอนนี้เรียกว่าแทบจะทั้งหมดในไลน์ผลิตจะใช้เครื่องจักรทำเป็นส่วนใหญ่ แต่ว่าก็จะมีบางอย่างที่ยังต้องใช้มือทำอยู่บ้าง อย่างกะหรี่ปั๊บก็ยังต้องจับจีบอยู่ต้องใช้คนทำ” การที่มีเครื่องจักรเข้ามาช่วยในการผลิตก็ทำให้ต้นทุนและการจัดการเป็นไปในแบบของการผลิตได้มากขึ้น ต้นทุนก็ต่ำลง
ช่วงพีค(ขายดี) ให้ทายว่าใคร!!? ซื้อมากที่สุด
หลังจากที่มาทำได้1 ปี ยอดขายก็ทะลุ “1 ล้านบาท” (ล้านแตก!) ต่อเดือน ยุคนั้นก็จะมีส่งเองด้วย แต่ว่าก็มีรถอยู่แค่คันเดียว(รถปิกอัพ1 คัน) ส่งในเฉพาะกรุงเทพฯและปริมณฑล ก็จะมีพ่อค้ารถเร่ เป็นซาเล้ง(มอไซค์) และก็รถปิกอัพก็จะมารับที่โรงงาน “พอ 3 ปีก็มาเป็นสเกลโรงงาน ก็ได้การสนับสนุนเครื่องจักรด้วยค่ะ ได้รับการสนับสนุนเครื่องจักร ทำให้เราโต โตได้ไว ความที่หนึ่งรสชาติของขนม มาชิมรสชาติของขนมแล้วก็อร่อย ราคาไปได้กับ ตลาดล่าง-ตลาดกลางอะไรอย่างเงี้ยค่ะ คือมองเห็นโอกาสของหนึ่งคือโปรดัคส์เรา เป็นที่ตอบโจทย์ของตลาด มองเห็นโอกาสตรงนี้ สองคือว่าเจ้าของเป็นคนซื่อสัตย์มั้งคะ(หัวเราะ) หมายถึงว่ามองเห็นว่าเราเป็นคนที่ไม่ได้เอาเปรียบใคร มีความซื่อสัตย์อย่างเงี้ยค่ะ ทั้งเรื่องของทุกอย่างนะคะบริบท อย่างเราจะตรงเวลามาก เขาให้เรา เราผ่อนเครื่องจักรโดยที่เราไม่ต้องดาวน์ไงคะ เหมือนเขาเชื่อมั่นในธุรกิจเรา และเขาก็ไม่คิดดอกเบี้ยด้วย” แล้วเราเป็นเจ้าแรก ๆ ของ “ขนมกระปุกฝาแดง” ซึ่งของเราเมื่อก่อนจะเป็นกระปุกใหญ่ (กว่าในปัจจุบัน) อย่างกระปุกละ100 กระปุกจะเป็นแปดเหลี่ยมไซส์ใหญ่ ด้วยเวลาผ่านไปด้วยต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ก็มาเป็นไซส์กลาง แล้วก็มาเป็นอันนี้รุ่นที่สามแล้ว แพคเก็จจิ้งเป็นรุ่นที่สามแล้ว แต่ “ราคา” ที่จำหน่ายคือเราไม่ลดคุณภาพ แต่ว่าปริมาณอาจจะย่อม ๆ ลง ซึ่งทุกคนก็เข้าใจได้“บางคนก็ 1 ชิ้นอย่างเงี้ยก็มื้อเช้าได้นม 1 โดนัท 1 ชิ้น หรือว่าปั๊บก็ได้ นม 1 กล่องอย่างเงี้ย ก็อยู่ท้อง หรือว่ากาแฟแก้วนึง ซึ่งกลุ่มลูกค้าแต่ถ้าเป็นวัยรุ่น 15 หรือ 18 อย่างเงี้ยไม่ทาน จะข้ามไปค่ะ Gen นี้จะข้ามไป จะมี Gen ล่าสุดเนี่ยค่ะคือเด็ก ๆ เลย ตั้งแต่ 3 ขวบถึง 7 ขวบจะทานชอบทาน โดนัท กะหรี่ปั๊บ แล้วก็อีกรุ่นหนึ่งก็คืออายุ30 อัพค่ะ ถึงอายุมาก ๆ 70-80 ตอนนี้ก็ทาน ถึง 100 ก็ทานค่ะ”
ที่เราสังเกตมาช่วงที่เราขายดี เป็นช่วงที่จะมีภาคการเกษตรที่เริ่มมีการไถหว่าน ดำนา(ฤดูการผลิต) อะไรอย่างเงี้ยเราจะขายดี
เราก็เลยสังเกตว่ากลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่ใช้แรง แล้วเขาต้องการพลังงาน แล้วขนมของเราตอบโจทย์เวลาทานไป1 ชิ้น อยู่ท้อง เขาก็มีพลัง ซึ่งบางทีเขาต้องการความหวานด้วย เมื่อเขาทานแล้วเขารู้สึกดีเขาก็บริโภคต่อเนื่องเรื่อย ๆ
ในวิกฤต(โควิดฯ) คือโอกาส! เพิ่มช่องทางสู่ “ตลาดใหม่”
“เรามีกองทัพ เขาเรียกว่าอะไรนะ ออนไลน์ค่ะแม่ค้าออนไลน์ มีลูกค้าปลีกด้วย ลูกค้าบริโภคโดยตรง จัดส่งแต่ก็มีจุดอ่อนอยู่เพราะว่า บางตัวเนี่ยเราไม่สามารถที่จะส่งให้ได้ด้วยการขนส่ง ก็จะมีเฉพาะตัวไม่ได้ทั้งหมดทั้ง 21 ไอเทม ถ้าอยากมาทานก็ต้องทานตามยี่ปั๊วหรือว่ามา ถ้าอยากสดใหม่จริง ๆ ต้องมาทานที่โรงงาน ตอนนี้เรียกว่าตอบแชทกันแทบไม่ทันเลย ต้องขออภัยด้วย(หัวเราะ) ก็ทั้งออนไลน์และการค้าแบบเดิมก็ไปควบคู่ ไปด้วยกันค่ะ เพราะว่าตลาดออนไลน์อย่างเราไม่สามารถจะอย่างบางอย่าง ก็สนับสนุนคือให้กับร้านยี่ปั๊วก็ส่ง สั่งมากขึ้น พอได้ทานเพราะบางตัวไม่มี เราก็ให้ไปซื้อที่ใกล้บ้าน ก็เหมือนเป็นการช่วยกันด้วย” จริง ๆ คือไม่อยากให้สั่งไปเยอะมาก เอาพอขาย เราก็เลยกำหนดว่าขั้นต่ำ 30 กระปุก ขายถี่แต่ว่าขายได้เยอะดีกว่า ขนมจะได้สดใหม่ ลูกค้าก็ชอบด้วย
กำลังการผลิตในปัจจุบัน ก็สำหรับการเติบโตก็โตขึ้นเรื่อย ๆ ยอดก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ“ก็คร่าว ๆ ก็ประมาณวันละ1 แสนชิ้นน่ะค่ะ1 แสนชิ้น” ช่วงพีคก็ 8 เดือน/1 ปี ซึ่งจะมีช่วง Low คือเป็นช่วงมกรา กุมภา มีนา เมษา“อาจจะเป็นเพราะว่า เมืองไทยจะเป็นเมืองภาคเกษตรเยอะน่ะค่ะ ของเราจะขึ้นช่วงเดือนพฤษภาฯ ที่มีฤดูการจ้างงาน(ขวัญใจชาวรากหญ้า) อยู่ในช่วงของฤดูการเพาะปลูก กลุ่มลูกค้าหลักของเราจะเป็นคนกลุ่มนี้ 8 เดือนใน1 ปี คือธันวาเราเยอะ มกราครึ่งเดือนแรกเรายังเยอะ แต่ครึ่งเดือนหลังเราจะเริ่มลงแล้ว คอย พอพฤษภาฯ ช่วงวันที่ 15 หรือต้นเดือนแล้วแต่ปี ถ้าฝนมาไวเราก็พีคไว”
ช่วงโควิดฯ เราอาจจะโชคดีที่ว่า เราทำเพจไว้เราจะได้ลูกค้าในกลุ่มของออนไลน์เข้ามา“คือมันเหมือนกับว่าตอนนั้นทุกคนถอยใช่มั้ยคะ แต่นัทธ์ตัดสินใจบุก บุกช่วงนั้นเลยบุกตลาดใช่ค่ะ หนึ่งต้นทุนสูง วิกฤตเขาชะลอกันใช่มั้ยคะ แต่ว่าเราตัดสินใจเสี่ยงเหมือนกันนะ เราตัดสินใจขยายตลาด ผ่านค่ะ ดีกว่าค่ะ ก็ตัดสินใจแล้วคิดว่า ตัดสินใจถูก คือช่วงโควิดฯ นี่เขาถอย/ชะลออย่างเงี้ย แต่ว่าเราก็ดูแล้วตัดสินใจขยายแล้วกัน เราคิดว่าเราเห็นโอกาสนะ”
ขนมกระปุกฝาแดงในตำนาน
ถามคุณนัทธ์-นัทธ์ศศิ ดวงปัญญา เจ้าของขนมกระปุกฝาแดงนพนารา ว่าจะมีการพัฒนาหรือปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ของ“ขนมกระปุกฝาแดง” ไปกว่านี้อีกกี่มากน้อยหรือไม่? ซึ่งคำตอบที่ได้มาคือคุณนัทธ์บอกว่า ในส่วนของ “ฝาแดง” ถ้าเราเปลี่ยนรูปลักษณ์ก็จะต้องดูก่อนว่าต้นทุนสูงขึ้น อาจจะไซส์เล็กลงมาซึ่งเราก็มี 3 ไซส์แล้ว คือเล็กกว่านี้คงไม่ได้แล้ว ถ้าจะพัฒนาน่าจะเป็นในเรื่องของ “กล่อง” เป็นกล่องเป็นของฝาก เปลี่ยนแพคเก็จจิ้ง แต่ว่าเอกลักษณ์ของเขา “ขนมกระปุกฝาแดง” ก็ยังคงอยู่ อยู่ในตำนาน“แต่ด้วยความที่ว่าเราก็พัฒนาอยู่ตลอดเวลาค่ะ เพิ่มไอเทม ความหลากหลาย ตัวไหนที่เราไม่เข้าเกณฑ์อย่างเงี้ย เราก็พัฒนา พัฒนาไม่หยุด อย่างที่มีอยู่ตอนนี้ 21 ไอเทม คือแต่ละไอเทมเนี่ยยอดของเรา ต้องไม่ต่ำกว่า5 แสน/เดือน แต่ละไอเทมนะคะ ถ้าคุณไม่ได้ 5 แสนนี่คือคุณสอบตก! ซึ่งเราก็จะเอากลับเข้าไปพัฒนาใหม่ คืออาจจะไม่ใช่ตัวใหม่ค่ะตัวเดิมนี่แหละแต่ว่าพัฒนาให้ถูกปากผู้บริโภค คือจนกว่าเขาจะโอเคแล้วเท่านั้น”
เจ้าของขนมกระปุกฝาแดงนพนารายังบอกด้วย “ก็นัทธ์ก็ตั้งใจค่ะ ตั้งใจผลิตขนมที่มีคุณภาพ สะอาด และก็ปลอดภัย แล้วให้ทุกคนได้ทานขนมดีแล้วก็ราคาไม่แพง ถ้ามีโอกาสมาที่นี่นะคะบริษัทนพนาราฯ ก็เรียนเชิญค่ะมารับประทานสด ๆ ค่ะออกจากไลน์ผลิตใหม่ ๆ ค่ะแวะเวียนมายินดีต้อนรับค่ะ อย่างทุกคนนัทธ์จะบอกเลยว่า มาซื้อไปทาน ถ้าชอบใจก็เอาไปขาย หรือว่าเอาไปทำบุญ มาชิมก่อนค่ะ”
ด้วยความสดใหม่ของ “ขนมกระปุกฝาแดงนพนารา” ที่เน้นการผลิตตามออร์เดอเท่านั้น จะไม่สต็อกของเพื่อรอไว้อย่างเด็ดขาด การผลิตวันนี้ พรุ่งนี้ต้องส่งถึงร้านค้าเพื่อวางจำหน่ายแล้ว ซึ่งนี่คือความประทับใจของผู้บริโภคหรือว่าลูกค้าที่ทรงจำต่อขนมกระปุกฝาแดง ในความใส่ใจที่มาจากผู้ผลิต กอปรกับ “ราคา” ที่ไม่สูงจนเกินไป คุณภาพดี ราคาไม่แพง รสชาติที่ถูกปากของหลาย ๆ คน จึงไม่แปลกหากว่าวันนี้การข้ามผ่านกาลเวลามาได้ถึงกว่า 30 ปี แถมยอดขายที่ยังคงอยู่ในลำดับที่จัดว่าปังสุด ๆ อยู่อย่างไม่เสื่อมคลาย ด้วยการปรับตัวและพัฒนาอย่างไม่เคยหยุด ขอบคุณเรื่องราวแห่งแรงบันดาลใจดี ๆ จาก “ขนมกระปุกฝาแดงนพนารา” ที่มาร่วมแชร์ประสบการณ์แห่งความสำเร็จในครั้งนี้
ใครที่สนใจอยากมีอาชีพสามารถติดต่อสอบเพิ่มเติมได้ที่ “ขนมกระปุกฝาแดงนพนารา” ตั้งอยู่เลขที่ 42/35-36 หมู่5 ลำลูกกาคลอง 8 โทร.096-092-5968 หรือติดตามได้ทาง เพจ/เฟซบุ้ก: ขนมกระปุกฝาแดงนพนารา ขายส่งทั่วประเทศ
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *
