การสร้างแบรนด์ในยุคนี้ ใช้เงินทั้งนั้น ใช้มากก็ใช่ว่าจะสำเร็จ ใช้น้อยก็ใช่จะสำเร็จ ฉะนั้นการสร้างแบรนด์ต้องมีกลยุทธ์ และมีความรู้เรื่องกระบวนการสร้างแบรนด์ ซึ่งจำเป็นมากในยุคนี้
“การสร้างแบรนด์ในยุคนี้ ใช้เงินทั้งนั้น ใช้มากก็ใช่ว่าจะสำเร็จ ใช้น้อยก็ใช่จะสำเร็จ ฉะนั้นการสร้างแบรนด์ต้องมีกลยุทธ์ และมีความรู้เรื่องกระบวนการสร้างแบรนด์ ซึ่งจำเป็นมากในยุคนี้ ที่สำคัญจะต้องเอาความรู้ในการสร้างแบรนด์มาประยุกต์ใช้ให้เป็น”“กู๋แมธธ์” หรือ “สุวิทย์ เอื้อศักดิ์ชัย” ผู้ก่อตั้งบริษัท Brand Matter Plan ผู้เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์พัฒนาแบรนด์ และการสร้างแบรนด์บุคคล ที่ปรึกษาในการวางแผนการตลาดให้ธุรกิจแข็งแรง กล่าวในการเริ่มต้นสนทนา แบรนด์
สร้างแบรนด์ให้เป็น Top one ในใจของผู้บริโภค
การสร้างแบรนด์จะทำอย่างไรที่จะให้สิ่งที่เราสร้างขึ้นมาสามารถเข้าไปอยู่ในใจของผู้บริโภคได้และเป็นทางเลือกลำดับต้น ๆ ที่อยู่ในความคิดของผู้บริโภค ไม่ใช่สร้างแบรนด์มาเป็นแบรนด์ทางเลือกกลุ่มผู้บริโภค ถ้าเราเป็นแค่แบรนด์ทางเลือกของผู้บริโภคแสดงว่าโอกาสของเราจะน้อยมาก การสร้างแบรนด์ เราจะต้องสร้างแบรนด์ของเราให้เป็นTop one ในใจของผู้บริโภคให้ได้ ต้องกำหนดกลุ่มเป้าหมายก่อนว่าจะปักหมุดในกลุ่มเป้าหมายไหน นักการตลาดหลายคนมองข้ามเรื่องความรู้ของการสร้างแบรนด์ การสร้างแบรนด์คือการมีโลโก้เพื่อให้เจ้าของแบรนด์รู้ทฤษฎีและให้มีลำดับความคิด เพื่อกำหนดแผนการตลาดไปด้วยกัน หน้าที่ของที่ปรึกษาคือ การให้ความรู้ทุกกระบวนการที่จำเป็นต่อการพัฒนาแบรนด์ “นักสร้างแบรนด์ในแบบของ “กู๋แมธธ์” ก็ต้องประมวลว่าลูกค้าอยากมีแบรนด์ แต่ไม่มีความรู้เรื่องการตลาด หน้าที่เราก็ต้องให้ความรู้เรื่องการตลาดก่อน รวมถึงเรื่องแบรนด์ดิ้ง การบริหารการเงิน หน้าที่ของที่ปรึกษาในการวางแผนการตลาดเพื่อให้ธุรกิจแข็งแรงจึงเป็นอาชีพที่เหนื่อยและยาก”
สร้าง พัฒนา แก้ปัญหาให้ตรงจุด
การสร้างแบรนด์ในยุคปัจจุบัน Consultant จะต้องพัฒนาเจ้าของแบรนด์ให้มีความรู้ทั้ง Soft Skill การเอาใจใส่ ดูแล จิตวิทยา มีความขยัน หรือขี้เกียจมากน้อยแค่ไหน จะทำอย่างไรให้มีการสื่อสารที่ดี บางคนเก่งแต่เขียนแต่พูดไม่ได้ เราก็ต้องพัฒนาให้เจ้าของแบรนด์ หรือ ซีอีโอ ดูมีความน่าเชื่อถือ รวมถึงพัฒนาด้าน Hard Skill การให้ความรู้ เทคนิค และวิธีการ “งานที่ปรึกษาเป็นงานละเอียด โดยเฉพาะทัศนคติของเจ้าของแบรนด์ และความรู้เดิมที่เขามี บางคนมีความรู้เดิมแต่บางทีความรู้เดิมก็ไม่สามารถต่อยอดไม่ได้ ที่ปรึกษาจะต้องเอาความรู้ หลาย ๆ ด้านมาประยุกต์ให้กับเจ้าของแบรนด์อย่างต่อเนื่อง”
“จับมือทำ” สไตล์การสร้างแบรนด์ของ “กู๋แมธธ์”
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่สไตล์การสร้างแบรนด์ของ “กู๋แมธธ์” จะเป็นการจับมือทำ เอาความคิดที่ล่องลอยที่อยู่ในฝันทำให้เป็นเรื่องจริง และเอาสิ่งที่ทำสามารถไปสู้กับการแข่งขันการตลาดให้เจ็บตัวน้อยที่สุด ซึ่งในปัจจุบันการตลาดยุคใหม่ (Modern Marketing) เข้ามามีบทบาทมากขึ้น ทุกคนสามารถเข้าถึงอุปกรณ์ใหม่ที่หลากหลาย ทั้งความคิด สินค้าที่มีความทันสมัยมากขึ้น แสดงทุกอย่างด้วยกลยุทธ์ เราจึงต้องปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับยุคปัจจุบันมากขึ้น เจ้าของแบรนด์จะต้องมีความรู้ที่ร่วมสมัย สามารถคาดการณ์อะไรใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น ติดตามข่าวสารและการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
แรงบันดาลใจที่เปิดช่องยูทูบ “เที่ยวไป เรียนไป”
หลายคนจะรู้จัก “กู๋แมธธ์” ว่าเป็นนักสร้างแบรนด์ พัฒนาแบรนด์ ดูแลพัฒนาสินค้าทุกแบรนด์ และก็มีคอนเทนต์เชิงไลฟ์สไตส์ที่เป็นภาพนิ่งใน Facebook ซึ่งเราก็คุยกับ FC ของเราอย่างสม่ำเสมอ “กู๋แมธธ์” จึงมองเห็นโอกาสในการทำคอนเทนต์สร้างแรงบันดาลใจ ให้กับกลุ่มคนที่มีอายุขึ้นเลขห้า ได้ทำในสิ่งที่อยากจะทำ ในมิติอื่น ๆ โดยสร้างคอนเทนต์ว่า อย่างฉันอายุขนาดนี้ ฉันก็ยังเที่ยวลุย ๆ ได้ และก็ยังเปิดใจไปเรียน ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องเรียนก็ได้ เกิดเป็นไอเดีย “เที่ยวไป เรียนไป”
ภาพในการนำเสนอ จะเป็นประสบการณ์สะท้อนไลฟ์สไตล์ อยากจะปักหมุดตามซึ่งมีข้อมูลให้ เราคิดว่า 23 วัน เที่ยวในนิวซีแลนด์และเรียนไป เป็นโมเดลที่ทำให้คนเห็นว่า อายุเยอะทำแบบนี้ก็ได้ สื่อให้เห็นไลฟ์สไตล์อีกมุมหนึ่ง อายุ 50 กว่าแล้วก็ยังปีนขึ้นเขาสูงขนาดนี้ได้แบบแข็งแรง เปลี่ยนโรงแรมที่นอนทุกคืนก็ทำได้ ไปเรียนภาษาอังกฤษก็ทำได้ กับคำพูดติดปากในคลิปว่า “กู๋ทำได้ ทุกคนก็ทำได้” และเราก็ไม่ใช่ บอนด์ทูบี ที่จะเป็นบล็อกเกอร์ แต่เราแค่เอาไลฟ์สไตล์ส่วนหนึ่งมาเป็นคอนเทนต์ ให้เห็นว่าการใช้ชีวิตแบบเรา เรียนด้วย เที่ยวด้วย ทำงานด้วย มีความสุข ไม่ยึดติดกับรูปแบบเดิม ๆ กรอบเดิม ๆ นั่งทำงานในห้องสี่เหลี่ยม และไม่ใช่ว่าเราใส่หมวกแค่ใบเดียว เรามีหมวกหลายใบ แต่หมวกที่ใส่ทุกใบ ก็เต็มที่กับมัน
คิดว่าจะผันตัวเอง มาเป็น Blogger หรือ Youtuber ไหม
จุดมุ่งหมายไม่ได้จะเป็น Blogger หรือ Youtuber และ Blogger ที่พูดถึงประเทศนิวซีแลนด์ยังน้อยอยู่ ซึ่งมีไม่ถึงสิบคน เป้าหมายต่อไปคือ สวีเดน คิดว่าช่อง “เที่ยวไป เรียนไป” ที่พาไปนิวซีแลนด์ ไปมากกว่า 15 เมือง มีทั้งหมด 16 EP จะออนแอร์ทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 2 EP
สำหรับคอนเทนต์เกี่ยวกับเรื่องการเรียน ระดับปริญญาเอกมีทั้งหมด 4 EP ประมาณ30% สื่อให้เห็นว่าเวลาไปเรียนต่างประเทศต้องปรับตัวอย่างไร ต้องกล้าใช้ภาษาอังกฤษ ต้องกล้าพูด กล้าแสดงความคิดเห็น ความยากคือการที่คุณกล้าใช้ภาษาอังกฤษ ออกไป Present ประเทศนิวซีแลนด์ เป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมชนเผ่าเมาลี พูดภาษาอังกฤษและภาษาชนเผ่า ซึ่ง EP ที่ 1 จะสื่อให้เห็นถึงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมด้วยการรำวง เขาร้องเพลงเมาลีมาเราก็ร้องเพลงไทยกลับไป เช่น ชื่อเต็มกรุงเทพฯ
และนำแจกกางเกงช้าง 20 ตัวไปแจก ซึ่งสร้างความประทับใจให้กับคณะผู้สอนเป็นอย่างมาก
ส่วนคอนเทนต์เรื่องเที่ยวมีทั้งหมด 12 EP ประมาณ 70% ผู้ชมจะได้เห็นว่าการปรับตัวของคนอายุ 50 กว่า เมื่อไปอยู่กับเจ้าของบ้านแปลกหน้า ต้องปรับตัวอะไรบ้าง รวมถึงอาหารการกิน เรื่องอากาศ และไลฟ์สไตล์ เป็นอย่างไร สามารถติดตามได้ที่ยูทูบ “เที่ยวไป เรียนไป” https://www.youtube.com/@BrandonlineKuMatt
คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด