xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป) ไม่มีวันไหนที่ไม่ขายดี กว่า 18 ปี “ข้าวต้ม 3 บาท” กับข้าว 10 บาทร้านคุณเล็ก ริมคลองหลอด เจ้าเก่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“กับข้าว 10 บาท ข้าวต้มก็ยัง 3 บาทอยู่ค่ะ ลูกค้าบอกขึ้นได้แล้ว ขึ้นได้แล้ว บางช่วงที่ผักแพง ๆ ในใจเราก็ว่าเออมาคิดต้นทุนอะไรของเราแล้วเนาะ เราก็ยังได้อยู่ พี่ขายเอาอะไรอ่ะพี่ขายเอาสังคมเหรอวันก่อนเด็ก ๆ เขามากินข้าวเนาะ พี่ขายเอาสังคมเหรอ”


ย้อนกลับไปเมื่อ 17-18 ปีก่อน “นภาพร นิราศภัย”เจ้าของร้านคุณเล็กข้าวต้ม 3 บาท ริมคลองหลอด เจ้าเก่า เล่าให้ฟังว่า เดิมทีตรงนี้เป็นร้านหนังสือของ “คุณยาย” ซึ่งท่านขายหนังสือธรรมะท่านพุทธทาสมาก่อน ตนเองเป็นเด็กต่างจังหวัดจากอุบลราชธานีเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อมาหางานทำ ก็เลยมีโอกาสได้มาอยู่กับคุณยายทำงานที่ร้านหนังสือด้วย ท่านเป็นคนใจดีมาก ๆ ก่อนจะมามีร้านของตนเองก็เคยขายของกินในช่วงเย็นหลังเลิกงาน เปิดขายเป็นพวกขนมปังปิ้งอยู่ที่หน้าร้านแต่ว่าไม่ได้ทำมากแค่ขายเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นจนกระทั่งพอ เริ่มมีลูกค้ามานั่งกินซึ่งก็รู้จักกันด้วยเขาก็เลยบอกว่า ทำไมไม่ขายเป็นข้าวต้มล่ะ ขายราคาถูก ๆ ไม่ต้องขายแพง ไม่ต้องขายเหมือนคนอื่น ข้าวต้มเรา3 บาทกับข้าว10 บาท อะไรประมาณนี้ ในใจตอนนั้นก็คิดอยากอยู่แล้วอยากจะมีร้านขายของ”พอดีได้โอกาสที่ตรงนี้ คุณยายท่านใจดีคุณยายที่เราอยู่ด้วยค่ะแต่ตอนนี้ท่านเสียไปแล้ว ก็เลยไปซื้อของซื้อถาด มีอะไรที่มีอยู่ในบ้านเอาออกมาใช้อย่างหม้อที่เราไม่ต้องซื้อ อันไหนที่ซื้อก็ไปซื้ออันไหนที่มีอยู่ก็ไม่ต้องซื้อ แรก ๆ เราไม่ต้องลงทุนมากเพราะเราไม่รู้ว่ามันจะขายได้หรือเปล่า อะไรเงี้ยค่ะก็ไปซื้อแต่อันไหนที่เราไม่มี แล้วก็วันรุ่งขึ้นก็ขายเลย คือพอเลิกงานก็มาขายมาผัด”




ขายดีขึ้นเรื่อย ๆ ไม่มีวันไหนที่ไม่ขายดี!
กับข้าวที่ขายในช่วงแรก ๆ มี4-5 อย่าง เน้นเป็นพวกเมนูหลัก ๆ ที่ทานคู่กันกับข้าวต้ม มีโต๊ะวางกับข้าวและก็โต๊ะลูกค้ามานั่งทานที่ร้านอยู่แค่ 2-3 ตัว ปริมาณในการขายใหม่ ๆ ยังไม่มากแค่พอหมดเพื่อลองดูจากปากต่อปากแบบว่าเพื่อนบ้านแหละที่อยู่ใกล้ ๆ เขาก็มากิน แล้วก็บอกต่อกันว่าเดี๋ยวจะมีขายข้าวต้มนะตอนเย็น เขามากินแล้วก็บอกต่อเพื่อน ๆ ให้ด้วย คือพอเราทำแล้วมันไม่ได้มีอุปสรรคที่แบบว่าขายไม่ได้เลย อะไรไม่มี คือมีแต่ขาย ๆ ขึ้นได้ ได้ ๆ มันไม่มีแบบว่าวันไหนที่จะขายน้อยลง หรือไม่มีลูกค้าเลย ไม่มีเลยค่ะ! มันก็ได้โดยที่แบบจะแบบว่ายังไงล่ะ มันมาโดยที่แบบว่าเราไม่ได้คาดหวังเยอะ ๆ อะไรอย่างเงี้ยค่ะ ก็ไปได้เรื่อย ๆ ของเขา ดีขึ้น ๆ เรื่อย ๆ ไม่ได้คาดหวังเลย ทุกวันนี้ก็ยังงงอยู่ว่าเออไม่ได้คิดว่าตัวเอง ที่จะมาแบบว่ามีร้านและก็ได้ออกรายการโน่นนี่ ไม่เคยคาดคิดมาก่อน”


ซึ่งหากนับมาถึงตอนนี้ก็ประมาณ18 ปีได้ อยู่ตรงนี้มา เมื่อก่อนยังไม่มีป้ายอะไรเลย แต่เห็นแต่คนมุงคนต่อแถว แจกอะไรหรือเปล่า ลูกค้าส่วนมากจะบอกต่อกันปากต่อปากให้ร้าน และก็จะเป็นแบบจากรุ่นเด็กนักเรียน นักศึกษา ที่เคยมาทานจนกระทั่งถึงตอนนี้อุ้มลูกมาแล้ว ลูกสองหรือลูกมาสั่งกับข้าวแม่นั่งรอที่โต๊ะ คือลูกค้าจะเป็นรุ่น ๆ ไปเลย




จริงไหมข้าวต้มวันละ 20 กว่าหม้อ! กับข้าวมากกว่า 40 อย่าง
“จริงค่ะ จริง ๆ เลย” เจ้าของร้านคุณเล็กฯ บอกว่าตั้งแต่ช่วงเช้าก็ต้มข้าวต้มแล้ว 4-5 หม้อ แล้วพอถึงช่วงเย็นก็ต่อเนื่อง ๆ ไปเลย จนถึงประมาณ4 ทุ่มคือหยุด แต่ว่าหยุดในที่นี้คือหยุดต้มก่อนเพื่อจะดูว่าลูกค้าต่อจากนี้ไปเป็นอย่างไร จะมาขนาดไหน“คือ 4ทุ่มจะหยุดต้มข้าวต้ม แต่ว่าก็จะมีไว้แล้วสำรองไว้แล้ว3 หม้อ ตั้งแต่4 ทุ่มไปถึงเที่ยงคืน และก็ดูว่าช่ว ง4-5 ทุ่มลูกค้ามาบึ๊บ ๆ อ้าวหมด! ค่อยไปต้มอีกสักหน่อยนึง อะไรแบบนี้ค่ะ”เวลาปิดร้านจริง ๆ คือเที่ยงคืนแน่นอน ซึ่งพอสักประมาณ4 ทุ่มกว่า ๆ 5 ทุ่มแม่ครัวก็จะเริ่มปิดเตาไม่ผัดกับข้าวต่อแล้ว ของบางอย่างก็หมดไปเลยไม่มีแล้ว บางอย่างอาจจะมียังเหลืออยู่ที่ยังไม่ได้ผัด ยังมีแต่ว่าไม่ผัดแล้ว ส่วนกลางวันก็จะขายแบบนี้เหมือนกันเลย ลูกค้ากลางวันก็จะทานข้าวต้มด้วย โดยร้านจะหยุดทุก ๆ วันจันทร์

กับข้าวที่ทำต่อวันมีประจำอยู่ไม่ต่ำกว่ากี่อย่าง? ที่ต้องเตรียมวัตถุดิบต่าง ๆ เอาไว้ให้พร้อมเลย“วันละเกือบ40 อย่าง ทยอยทำ ๆ อย่างพวกยำก็ทำขึ้นมาเรื่อย ๆ แต่ที่ผัดและก็น้องเขาจะผัดมาคอยเติมอยู่เรื่อย ๆ แล้วก็มีของแห้ง ของแห้งก็จะทอดเอาไว้รอ”




ยังยืนยันราคานี้ อยู่ได้และกำไรมี!
มีลูกค้าบางคนบอกผมคิดว่าไม่ได้นะ! ผมเป็นนักธุรกิจอย่างกรณี “ปลาเค็ม” ไปซื้อตัวหนึ่งก็หลายบาทนะ แล้วก็มาหั่นชิ้นขนาดนี้แล้วขายแค่20 บาท ก็เลยบอกเขาว่าเราอาศัยถัวเฉลี่ยกันไปอันนี้อาจจะถูกอันนี้อาจจะแพง ก็มาถัว ๆ เอาแล้วก็จำนวนลูกค้าซึ่งมีจำนวนเยอะเราก็เลยได้ตรงนั้น ขายจำนวนเยอะ“แล้วก็เดี๋ยวนี้หมายถึงว่ามันก็เหมือนอยู่ตัวเนาะ ของอะไรเราก็ไม่ได้ซื้อมา แล้วเดี๋ยวนี้ อย่างพวกโต๊ะ เก้าอี้ ก็นาน ๆ จะซื้อทีถ้ามันชำรุดอะไรก็ซื้อเพิ่มเติมมาอีกที มีแต่ของที่เป็นของสดที่ต้องใช้ทุกวัน วันต่อวัน”ซึ่งของสดก็ซื้อจับจ่ายปกติ ไม่ได้ว่าต้องหาแหล่งถูกหรืออะไร ราคาซื้อของมาก็เหมือนชาวบ้านที่เขาซื้อกันทั่วไป มาคิดว่าถ้าเราวิ่งไปเองไหนจะค่ารถไปหรือค่าน้ำมันไปมันก็ต้องพอกัน อันนี้คือเราสั่งไปแล้วให้เขามาส่ง ก็คิดว่าพอกัน เพราะเราไม่ต้องเหนื่อย“แต่สมัยก่อนจริง ๆ ที่เริ่มขายเนี่ย เหนื่อยมากบางคนบอกโห! ทำละครได้เลย ชีวิตเรานะ เพราะว่าจ่ายตลาดเองรถคันนี้คันเก่าเนี่ย ๆ มีเป้ทั้งสองข้างทั้งหน้าทั้งหลังไปท่าเตียนซื้อของ ซื้อปลาซื้ออะไรมาบรรทุกเองหมด แล้วก็พอตอนหลังมาก็เริ่มแบบว่าให้เขามาส่งก็หลายปีอยู่นะที่วิ่งเองอะไรเองทุกอย่าง เพราะว่าแฟนเค้าก็ทำงานของเขา ไอ้เราก็ทำคนเดียวกับน้อง ๆ”

ปริมาณกับข้าวที่ให้ต่อ 1 จานในราคาเพียง 10 บาท
ได้ช่วยเหลือกัน “ยิ่งให้ยิ่งได้”
ลูกค้าบอกขึ้นได้แล้ว ขึ้นได้แล้ว บางช่วงที่ผักแพง ๆ แต่ในใจเราก็ว่าเออมาคิดต้นทุนอะไรของเราแล้ว เราก็ยังได้อยู่คือได้น้อย เราก็ว่าสักวันหนึ่งมันก็ต้องลงน่ะ! มันไม่ได้ขึ้นทุกวันหรอกอะไรอย่างเงี้ย จะมาพุ่งอะไร ของมันก็ขึ้นเดี๋ยวมันก็ขึ้นเดี๋ยวมันก็ลงถ้าเราพอเห็นอันนี้ขึ้น ขึ้นตาม มันไม่ได้เราเป็นคนซื้อคนบริโภคเราก็เห็นแล้วเวลาเราไปซื้อของนะ เอ้าพอน้ำมันขึ้นของขึ้นแล้ว! ทั้งที่แบบมันก็ยังอยู่ได้เอ๊ะทำไมเขาขึ้นกันจัง แต่เราก็ไม่ได้โทษใครนะ ก็หมายถึงว่ามันก็แล้วแต่เนาะ แล้วแต่ความคิดใครมันนั่นแหละ แต่เราอยู่ของเราตรงนี้ได้แค่นี้เราก็ แล้วพี่ว่าตรงนี้ก็น่าจะเหมาะกับเรา เพราะว่าเราไม่ได้แบบ ไม่ใช่ว่าไม่ได้ต้องการมากนะ อยากได้เยอะ ๆ เหมือนกันแต่ว่ามันน่าจะเป็นอะไรแบบนี้ที่เหมาะกับเรา ใช่ เราก็ไม่ได้หัวคิดการค้าที่จะต้องใหญ่โตอะไร เราได้แค่เออเลี้ยงดูครอบครัว เลี้ยงดูลูกส่งเสียลูกเรียนโดยที่เราไม่ต้องมีหนี้สิน เราไม่ต้องหยิบยืมใคร แค่นี้เราก็น่าจะพอใจ”แต่จริง ๆ แล้วก็คือพอถึงวันหนึ่ง ที่เราได้มาถึงจุดนี้มันก็ได้ช่วยคนจริง ๆ ช่วยชาวบ้าน คนที่มาขอ ก็รู้อยู่เนาะแถวนี้เนาะ เดี๋ยวมาขอเดี๋ยวถ้าเห็นค่ำ ๆ จะเดินมาแล้วขอข้าว มายืนแหละเหมือนรู้กัน ก็ตักให้แล้วทั้งข้าวทั้งน้ำ แล้วก็มีลูกค้าใจดีด้วยมาฝากตังค์ไว้ก็มีมาให้ไว้เจ๊เล็ก ๆ ฝากตังค์ไว้แล้วก็ใครมาขอก็ให้นะ บางทีให้เป็น1000 ก็มี วันก่อนก็ให้200 น้องที่เป็นลูกค้าประจำ เพราะว่าหนึ่งเขาเห็นเราทำ บางทีเราทำเราก็ไม่ได้ว่า ไม่ได้บอกใคร”

บรรยากาศที่ตุ้นเคยยามค่ำคืนซึ่งใครผ่านไปมาย่านนี้มักจะได้เห็น
นอกจากนี้ที่ร้านก็ยังมีการจ้างงานโดยรับที่เป็นญาติพี่น้องกันมาช่วยงานที่ร้านด้วย เจ้าของร้านคุณเล็กฯ บอกว่าตอนนี้ถ้าอยู่กันประจำก็(อยู่เช้า) ประมาณ 6 คน แล้วก็จะมีที่มาช่วยตอนเย็นอีกพอเขาเลิกงานแล้วก็จะมา บางทีคนไม่พอก็จะเรียกเขามาช่วยด้วย อีกประมาณ4 คน รวม ๆ แล้วที่ร้านก็จะมีคนช่วยอยู่ประมาณ10 คน“แต่เดี๋ยวนี้เราก็อาศัยลูกค้า เพราะลูกค้าต้องเสิร์ฟเองเห็นมั้ย กับข้าวก็ยกมาเอง เราเอาข้าวมาเสิร์ฟ บางคนรีบหน่อยเขาก็ไปหยิบข้าวมาเอง ก็ช่วยเราได้เยอะช่วยแม่ค้าได้เยอะเหมือนกันค่ะ”

ตึกนี้! ที่ตั้งของร้านข้าวต้ม 3 บาทกับข้าว 10 บาท ร้านคุณเล็ก ริมคลองหลอด (เยื้องศาลฎีกา)
กว่า 18 ปี “ข้าวต้ม 3 บาท” ข้าวต้มร้านคุณเล็กริมคลองหลอดเจ้าเก่า
ก็มีทุกอย่างตราบเท่าที่คน ๆ หนึ่งมีอาชีพทำและสามารถประสบความสำเร็จในชีวิตได้ มีบ้าน มีรถยนต์ และยังส่งเสียลูก ๆ ทั้ง 3 คนได้เรียนหนังสือจนจบปริญญาตรีแล้ว 2 คน ยังเหลือแต่คนเล็กที่กำลังเรียนอยู่ชั้น ม.6 แม้ว่ารายได้จะไม่ได้หวือหวาแต่ว่าก็สามารถมีทุกอย่างได้เช่นกัน“ไม่หวือหวาไม่อะไรเพราะว่าเรา มาแบบเรื่อย ๆ และก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ แล้วก็จะว่าอุปสรรคมีมั้ย มันก็มีบ้าง ก็มีแหละแต่ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาดีกว่า ไม่ถึงกับทำให้สะดุดหรือขาดทุนอะไร ไม่เลย จะเป็นแบบลักษณะรอบข้างปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น แต่กิจการก็ไม่มีปัญหา มีแต่คนเอ็นดูว่าอย่างนั้นเถอะ เพื่อนบ้านหรือว่าเจ้าหน้าที่เจ้านายอะไรเงี้ย เขาก็เห็นเราขายถูก ๆ เนาะก็มาสนับสนุนอยู่ช่วยอยู่ ก็ถือเป็นบุญนะคิดว่าเป็นบุญจริง ๆ แหละ ก็ถือว่ามีแต่เรื่องดี ๆ “

เสียดายที่วันนั้นทีมงานเข้าไปขอสัมภาษณ์ เป็นช่วงเย็นของวันพุธที่วันนั้นมีฝนตกพรำ ๆ อยู่เป็นช่วง ๆ ก็เลยทำให้อดได้เห็นภาพบรรยากาศของลูกค้าที่มานั่งกินที่ร้านอย่างเนืองแน่นเหมือนเช่นทุกวัน แต่ว่าก็พอมีให้เห็นกันอยู่หลายโต๊ะที่อยู่ข้างในตึกและเดี๋ยวพอค่ำ ๆ ขึ้นไปอีกถ้าไม่มีฝนตกแล้วลูกค้าก็คงมากันเยอะ ๆ อีกเหมือนเช่นเคย ไม่น่าเชื่อว่า “ข้าวต้ม3 บาทกับข้าว10 บาท” ราคานี้จะข้ามผ่านกาลเวลามาได้กว่า18 ปี! ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจในยุคปัจจุบันซึ่งเราต่างทราบกันดีอยู่แล้ว แต่ทว่าราคานี้ก็ยังสามารถยืนหยัดอยู่ได้และที่สำคัญคือ “มีกำไร” ด้วยนะ!!! ซึ่งเจ้าของร้านบอกว่าก็เคยมีคนมาดูตัวอย่างแล้วเขาก็เอากลับไปลองทำดูด้วยนะ ปรากฏว่าเขาก็บอกมาด้วยก็สามารถทำได้สำเร็จในแบบของเขาเองเช่นเดียวกัน ซึ่งถ้าหากว่าใครสนใจโมเดลอาชีพนี้ก็ลองไปดูหรือไปปรึกษาเจ้าของร้านข้าวต้มคุณเล็กริมคลองหลอดเจ้าเก่าดู ก็ไม่แน่ว่าการ“ไม่หมิ่นเงินน้อย”อาจจะช่วยให้หลาย ๆ คนได้ค้นพบอาชีพเพื่อการเริ่มต้น...”ชีวิตใหม่” ที่สดใสรออยู่ข้างหน้าก็เป็นได้

ขอบคุณแรงบันดาลใจดี ๆ จาก “ข้าวต้ม3 บาท” ร้านคุณเล็กริมคลองหลอดเจ้าเก่า ตั้งอยู่เลขที่5/3 ถนนอัษฎางค์ แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร กรุงเทพฯ หรือโทร.097-130-2615 FB : ข้าวต้ม3บาทข้าวต้มคุณเล็กริมคลองหลอดเข้าเก่า



* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *


กำลังโหลดความคิดเห็น