“มันมีช่วงหนึ่งแหละที่รัฐบาลออสเตรเลียเขาอนุญาต ให้นักเรียนทำงานได้โดยที่ไม่จำกัดชั่วโมงพออนุญาตก็กลายเป็นการมารีวิวการไปเรียนออสเตรเลียทำงานได้เงินอะไรยังไงบ้าง คราวนี้พอเวลาเกิดการรีวิวบางครั้งมันก็ไม่ได้ให้ข้อมูลที่ถูกต้องทั้งหมด”
ภายหลังสถานการณ์ของโรค “covid-19” เริ่มคลี่คลายผู้คนทั่วโลกกลับมาใช้ชีวิตกันแบบเกือบจะปกติ 100% แล้วตอนนี้การไปมาหาสู่ที่ไร้พรมแดนของคำว่าล็อคดาวน์ประเทศไม่มีอีกต่อไป ชีวิตใหม่เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ขณะที่การเดินทางเพื่อไปศึกษาต่อต่างประเทศยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่หลาย ๆ คนต่างไม่ปฏิเสธว่า อนาคตทางการศึกษาที่ดีและ “โอกาส” ใหม่ ๆ จากการได้ไปเรียนรู้ชีวิตในต่างแดนที่แตกต่างออกไป อาจารย์โอ๋-ดร.วิไลภรณ์ จิรวัฒนเศรษฐ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดบริษัท Tycoon international Education บอกว่า บริษัทเปิดดำเนินธุรกิจทางด้านแนะแนวการศึกษาต่อต่างประเทศ มานานกว่า10 ปีแล้ว เริ่มต้นจากออฟฟิศที่เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ก่อนแล้วก็มาเปิดออฟฟิศที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย เมื่อช่วงสักประมาณปีกว่าๆ ก่อนที่จะมีสถานการณ์โควิดฯ เกิดขึ้นมา “ถ้าพูดถึงไทคูนซึ่งประเทศหลัก ๆ ที่เราส่งนักเรียนเยอะที่สุดเป็นตลาดหลักของเราก็คือ ออสเตรเลีย เหตุผลเพราะว่าบริษัทมีผู้บริหารซึ่งเป็นคนไทยและก็อาจารย์โอ๋แหละหนึ่งคนเป็นหุ้นส่วน ซึ่งเราทั้งสามคนจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของออสเตรเลียกัน แล้วก็มีประสบการณ์การใช้ชีวิตอยู่ที่ออสเตรเลียด้วย เอาง่าย ๆ ว่าเรื่องเกี่ยวกับการศึกษาต่อต่างประเทศโดยเฉพาะ ออสเตรเลีย คือเราเป็นบริษัทแนะแนวการศึกษาที่เราไม่ได้ให้ข้อมูลนักเรียนด้วยการ google ข้อมูลมาบอกนักเรียน แต่ทุกข้อมูลของการศึกษาไม่ว่าจะเป็นประเทศไหน ๆ ของไทคูนคือ เจ้าหน้าที่ของเรา ผู้บริหาร หรือพนักงานของเราส่วนใหญ่คือมีประสบการณ์ การศึกษา การใช้ชีวิตในประเทศนั้น ๆ หรือแม้กระทั่งประเทศที่เป็นอีกตลาดรองลงมาของเราก็คือ นิวซีแลนด์ ก็เป็นหนึ่งประเทศที่เจ้าหน้าที่เรามีประสบการณ์รู้ในเรื่องของแต่ละพื้นที่ค่อนข้างดี เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราใส่ใจนั่นคือไทคูนกล้าพูดได้ว่าเราเป็นEducation Agency ที่เราไม่ได้กูเกิ้ลข้อมูลให้นักเรียน แต่เราสัมผัสข้อมูลของประเทศนั้น ๆ จากประสบการณ์จริง”
ไปเรียนต่างประเทศและทำงานควบคู่ แบบถูกกฎหมาย
สำหรับนักเรียนไทยสำหรับคนไทยตอนนี้ที่ต้องการไปเรียนต่างประเทศ สิ่งที่บริษัททำคือการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง“ไทคูนจะไม่ได้ถามแค่ว่าคุณจะไปเรียนประเทศไหนแล้วก็แนะนำโรงเรียน หรือแนะนำคอร์สเรียน หรือบอกค่าใช้จ่าย แต่เราจะถามก่อนว่าวัตถุประสงค์ของการไปของคุณคืออะไร คุณต้องการเรียนไปถึงระดับไหน การที่คุณไปใครเป็นสปอนเซอร์ การมีสปอนเซอร์ในที่นี้ก็คือว่า ใครเป็นดูแลในเรื่องค่าใช้จ่าย ในเรื่องของเอกสารการเงินในการยื่นวีซ่า อะไรต่าง ๆ ที่บ้านซับพอร์ตได้แค่ไหนอย่างไร แล้วเราก็จะพยายามแนะนำว่าโอเคถ้าประวัติคุณเป็นอย่างนี้ เหมาะกับประเทศนี้นะ ถ้าประวัติคุณเป็นอย่างนี้เหมาะกับประเทศนี้นะ” เพราะว่าบางทีเด็กบางคนเขาอาจจะตั้งเป้าว่า ฉันอยากไปประเทศนี้เพราะเห็นคนไปเยอะ เห็นเพื่อนไปเยอะ แต่จริง ๆ แล้วด้วยbackground ของเขามันอาจจะไม่เหมาะ“คือเราห้ามเด็กไม่ได้หรอกว่า เธอห้ามทำงานเกินเวลานะประเทศนี้เขาให้ทำงานแค่นี้นะ แต่สิ่งที่เราทำได้คือให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับเขา แล้วทำให้เขาเห็นว่าถ้าเกิดเขาไปทำผิดขึ้นมา มันจะส่งผลยังไงบ้างกับตัวเขาเอง กับคนรุ่นหลังที่เขาอยากจะมาเรียนในประเทศนี้บ้าง”
“ออสเตรเลีย” จุดหมายปลายทางต้น ๆ ที่ส่วนใหญ่คนไทยอยากไป
ก็อย่างหนึ่งที่คนอยากไปออสเตรเลียมากก็คือ หนึ่งล่ะคนไทยเยอะหางานง่าย แล้วออสเตรเลียก็เป็นหนึ่งในประเทศที่อนุญาตให้นักเรียนทำงานในระหว่างเรียนได้ “คือการไปเรียนต่อในต่างประเทศ หนึ่งคือถ้าถามว่านักเรียนสามารถที่จะทำงานถึงระดับมีเงิน จ่ายค่าอาหารค่าที่พักของตัวเองได้มั้ย ต้องบอกเลยว่าอันนั้นคือstandard ที่นักเรียนไม่ว่าจะไปประเทศไหนสามารถที่จะทำได้ แต่ถ้าหากว่าถึงขั้นที่โอ้โห! มีเงินเก็บเยอะแยะมากมายเนี่ย ก็ต้องมามองว่าแล้วคน ๆ นั้นเอาเวลาไหนไปเรียน คน ๆ นั้นทำผิดกฎในเรื่องอะไรบ้าง”ด้วยความที่พอมันมีสถานการณ์Covid-19 แล้วก็นักเรียนต่างชาติก็กลับประเทศเยอะในระหว่างโควิดฯ มันก็เหลือนักเรียนต่างชาติอยู่น้อย แล้วก็คนไม่พอในการทำงานโดยเฉพาะงานบริการทางด้านพวก ร้านอาหาร คาเฟ่ โรงแรม อะไรต่าง ๆ มันก็เลยทำให้มันมีช่วงหนึ่งที่รัฐบาลออสเตรเลียเขาอนุญาต ให้นักเรียนทำงานได้โดยที่ไม่จำกัดชั่วโมงพออนุญาตก็กลายเป็นการมา “รีวิว” ซึ่งพอเวลาเกิดการรีวิวเขาก็จะรีวิวเฉพาะด้านที่จะทำให้รู้สึกว่าโห! ได้ยอดวิวได้อะไรต่าง ๆ แต่ข้อมูลที่มันเป็นhidden agenda ที่ไม่ได้พูดถึงมันก็มีอยู่เยอะ! ก็เลยกลายเป็นว่าทุกคนก็จะเหมือนกับมีความฝัน กับชีวิตของการไปเรียนที่ออสเตรเลีย แต่พอไปแล้วบางคนอยู่ไม่ได้ก็เยอะ เพราะว่าพอไปอยู่แล้วก็จะได้เห็นชีวิตในความเป็นจริงว่า การที่คุณจะเก็บเงินได้เยอะขนาดนั้น คุณต้องแลกกับอะไร ความเหนื่อย การไม่มีเวลาได้พักผ่อน หรือการที่จริง ๆ แล้วก็คุณก็เป็นส่วนหนึ่งของคนที่ไปทำผิดกฎระเบียบ แล้วก็ทำให้คนอื่น ๆ ที่เขาอยากจะไปหลัง ๆ จากเราก็ไปยากขึ้น อะไรแบบนี้
ถ้าเน้นการศึกษาเป็นหลักจริง ๆ นิวซีแลนด์..มีโอกาสวีซ่าผ่านง่ายกว่า
อย่างตอนนี้ถ้าถามว่าประเทศไหนที่ยื่นวีซ่าแล้ว มีโอกาสที่วีซ่าผ่านมากกว่ากัน อย่างบ้านใกล้เรือนเคียงกัน “ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์” ก็ต้องบอกว่าตอนนี้ นิวซีแลนด์ ถ้าสำหรับนักเรียนที่ตั้งใจไปเรียนจริง ๆ ส่วนใหญ่ถามว่าที่บริษัทแนะนำตอนนี้ก็คือ นิวซีแลนด์ “เพราะว่านิวซีแลนด์เป็นประเทศที่ค่อนข้างเปิดโอกาส ให้คนที่ต้องการไปเรียนจริง ๆ แล้วนักเรียนที่เดินทางไปเรียนนิวซีแลนด์ ณ ตอนนี้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเด็กที่เขามองหา ประเทศที่เขามีโอกาสได้วีซ่า โอกาสที่วีซ่าจะผ่านสูงมากกว่าประเทศออสเตรเลีย อะไรอย่างเงี้ยแล้วก็เขาตั้งใจไปเรียนจริง ๆ แต่ว่าไม่ได้หมายความว่า นักเรียนที่ไปนิวซีแลนด์ไม่ได้ทำงาน เขาก็ทำงานระหว่างเรียน เพราะว่านิวซีแลนด์ก็อนุญาตให้ทำงานระหว่างเรียนได้20 ชม./สัปดาห์ ส่วนออสเตรเลียเดี๋ยวเดือนมิ.ย.นี้ก็จะกลับมาใช้กฎหมายเดิมแล้ว แต่ว่าออสเตรเลียก็จะใจดีหน่อยเพิ่มจาก20 เป็น24 แต่นิวซีแลนด์ยังเป็น20 เหมือนเดิม”ต้องยอมรับว่านิวซีแลนด์เป็นประเทศหนึ่งที่นักเรียนที่ไปส่วนใหญ่สำหรับนักเรียนไทย ยังไม่ค่อยทำผิดกฎกันเยอะ จำนวนนักเรียนที่ไปก็เคารพกฎของประเทศเขามันก็ส่งผลต่อการอนุมัติวีซ่า ว่าทำไมจำนวนนักเรียนที่ไปเรียนนิวซีแลนด์เอาover all สำหรับนักเรียนไทยทั้งประเทศที่ยื่นวีซ่าไปนิวซีแลนด์ตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 90 กว่าเปอร์เซ็นต์
“ดูไบ” เมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจโลก ที่เปิดโอกาสเรื่องการศึกษาต่อ
“เวลาที่แต่ละคนจะไปเรียนต่อต่างประเทศ เวลายื่นวีซ่ามันไม่ได้หมายความแค่ว่า คุณสมัครเรียนแล้วมีเอกสารครบแล้วยื่นวีซ่า แต่ละประเทศเขาจะมีการให้เราเขียนเรื่องเหมือนประวัติส่วนตัวเราอย่าง ออสเตรเลีย เขาเรียกGTE นิวซีแลนด์เรียก SOP ซึ่งไม่ว่าจะเป็นประเทศไหนเรียกว่าอะไรก็ตาม โดยหลัก ๆ ก็คือ เขาต้องการอยากรู้จักตัวตนของคุณอยากรู้ว่า การที่คุณจะไปเรียนวัตถุประสงค์ของคุณคืออะไร แล้วที่ผ่านมาในช่วงเวลาแต่ละปีการใช้ชีวิตของคุณ คุณมีอะไรที่ทำให้เขาเห็นว่า คุณเป็นคนหนึ่งที่ใส่ใจในการพัฒนาตนเองด้านการศึกษามั้ย หรือเป้าหมายที่คุณตั้งเอาไว้มันชัดเจนมั้ย ว่าที่คุณบอกว่าคุณไปเรียนด้วยเหตุผลนั้นเหตุผลนี้เนี่ย มันเป็นแค่เหตุผลที่คุณสร้างขึ้นมาหลอก ๆ แล้วก็ดูไม่มีความน่าเชื่อถือมั้ย”ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากเวลาที่บริษัทเองจะconsult นักเรียนจะคุยละเอียดมาก คุณอยากไปเพื่ออะไร ประวัติตั้งแต่ที่ผ่านมาทำอะไร โดยจะมีแบบฟอร์มให้นักเรียนกรอก มีเจ้าหน้าที่คอยสัมภาษณ์ พูดคุยกัน บางทีนักเรียนอาจจะเป้าหมายชีวิตไม่ชัดเจนแต่จากประวัติของเขา บริษัทมีหน้าที่consult ให้คำปรึกษาเขาว่า ถ้าคุณสนใจประเทศนี้ คุณควรจะตั้งเป้าfuture plan ของคุณยังไงให้มันน่าเชื่อถือ อย่างนี้เป็นต้น
จากนั้นก็จะมาดูความพร้อมเรื่อง “การเงิน” ล่ะ? แต่ละประเทศไม่เหมือนกัน ต้องบอกว่าปัญหาอย่างหนึ่งของคนไทยเวลาจะไปเรียนต่างประเทศ คือไม่มีเงินในแบงก์Statement ในการที่จะโชว์ เพราะว่าอย่างสมมุติว่าคุณจะไปเรียนที่ออสเตรเลีย6 เดือน คุณต้องมีเงินในสเตทเม้นท์อย่างต่ำ6 แสนซึ่งไม่ใช่อยู่ ๆ คุณเอาเงิน6 แสนมาเข้าในบัญชีเลยทีเดียว มันต้องมีประวัติการเดินเงินที่น่าเชื่อถือ หรือไปนิวซีแลนด์จะต้องมีอย่างต่ำ4 แสน6 เดือน อย่างนี้เป็นต้น แต่ถ้าคุณมีปัญหาตรงนั้น บริษัทก็มีทางเลือกให้อย่างเช่น ไป “ดูไบ” มั้ย?“ดูไบเป็นเมืองที่น่าสนใจมากสำหรับการเรียนต่อต่างประเทศตอนนี้ เหตุผลเพราะว่าหนึ่งการไปเรียนที่ดูไบ คุณไม่ต้องเตรียมเอกสารอะไรให้ยุ่งยากเหมือนประเทศอื่น ๆ เลย คุณมีแค่รูปถ่าย คุณมีแค่พาสปอร์ต แค่นั้นคุณสามารถที่จะสมัครเรียนแล้วก็สามารถที่จะยื่นวีซ่าที่ดูไบได้ เหตุผลเพราะว่าทางดูไบรัฐบาลเขาให้สถาบันการศึกษาสามารถสปอนเซอร์นักเรียนได้ แล้วก็ตอนนี้ที่ดูไบเริ่มได้รับความสนใจมากในการเรียนภาษาอังกฤษ”เพราะดูไบคือคนอาจจะมองว่าเขาเป็น “มิดเดิลอีสต์” เขาพูดภาษาอาหรับแล้วจะไปเรียนภาษาอังกฤษได้ยังไง แต่เขาเป็นศูนย์กลางเรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ/ธุรกิจของโลก ซึ่งมีต่างชาติมาอาศัยอยู่เยอะมากแล้วก็มีโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษที่ได้มาตรฐานสูงมาก ซึ่งคุณก็มองอีกว่าแล้วฉันไปเรียนกับครูอาหรับหรือเปล่า ไม่ใช่เลย! การไปเรียนภาษาอังกฤษที่ดูไบสถาบันสอนภาษาอังกฤษที่บริษัทส่งประจำ คือคุณครูทุกคนที่นั่นคือEnglish native speaker หมายความว่าคุณอาจจะไปเจอคุณครูที่มาจากอเมริกา จากออสเตรเลีย จากอังกฤษ จากนิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นชาติที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก“คุณไม่ได้ไปเรียนกับครูอาหรับspeak English นั่นคือจุดแข็งของการเรียนภาษาอังกฤษที่ดูไบ แล้วดูไบคือคนที่นู่นใช้ภาษาอังกฤษ90 กว่า% ทุกคนพูดภาษาอังกฤษเหมือนเป็นภาษาของตัวเองแล้วก็เป็นinternational Culture ก็จะมีคำถามอีกว่าอ้าวแล้วใช้ชีวิตอย่างไร ในเมื่อเขาเป็นเมืองอาหรับ คุณแต่งตัวในประเทศไทยอย่างไร คุณอยู่ที่นู่นคุณก็ทำตัวอย่างนั้น คือทุกอย่างมันเป็นเรื่องของกาละและเทศะ แล้วก็อีกสิ่งหนึ่งคือ คนจะถามว่าปลอดภัยเหรอ? ดูไบเป็นเมืองที่ติดอันดับเมืองปลอดภัยที่สุดในโลก เมืองหนึ่งของโลก แล้วก็ทุกอย่างเนี่ยคืออย่างเช่นสมมุติว่า คุณเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเขาก็จะมีเป็นโบกี้สำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะอย่างเงี้ย และด้วยความที่กฎหมายต่าง ๆ เขาแรงมากความปลอดภัยมันถึงแบบว่าเป็น เดอะเบสท์”
สำหรับทางไทคูนเองมีการส่งนักเรียนไปเรียนที่ “ดูไบ” ตลอด มีทั้งนักเรียนที่ไปเรียนภาษาอังกฤษ เรียนในระดับมหาวิทยาลัยซึ่งจะมีทั้ง ปริญญาตรีและปริญญาโท อยู่ที่โน่นซึ่งเมื่อสัก2-3 ปีที่แล้วดูไบเองเพิ่งเปลี่ยนกฎหมายในเรื่องการทำงาน ต้องบอกด้วยว่าเขาเองก็เพิ่งมาเป็นเมืองที่เหมือนกับว่า เปิดตัวเองเป็นเมืองแห่งการศึกษา เพราะฉะนั้นเขาก็เลยมีการเปลี่ยนกฎหมายใหม่ว่า อนุญาตให้นักเรียนสามารถทำงานระหว่างเรียนได้อย่างถูกต้อง แล้วก็มีโรงเรียนสอนภาษาอังชื่อดังในต่างประเทศมาเปิดแคมปัสในดูไบ มหาวิทยาลัยชื่อดังของอังกฤษ อย่างเช่นMiddlesex ซึ่งบริษัทส่งนักเรียนไปประจำก็มาเปิดที่ดูไบ เพราะฉะนั้นตอนนี้เขาก็เลยเหมือนกับเป็นกฎหมายรองรับชัดเจนเหมือนกับทางฝั่งออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ว่านักเรียนสามารถทำงานได้20 ชม./สัปดาห์“ซึ่งที่ผ่านมานักเรียนของเราที่ไปเรียนที่ดูไบ ก็ยังไม่มีสักคนบ่นว่าหางานทำไม่ได้ แต่ต้องบอกก่อนว่าเราบอกเลยว่า ถ้าคุณไปเรียนที่ดูไบ เขาไม่ได้เป็นประเทศที่คุณจะคาดหวังว่าคุณจะไปทำงานเก็บเงินนะ เขาเป็นประเทศที่ให้โอกาสคุณไปเรียนต่างประเทศได้ง่ายขึ้นสำหรับคนที่ อาจจะมีเงินจ่ายค่าเรียนแต่ไม่มีเงินในการโชว์แบงก์Statement ซึ่งเป็นปัญหาหลักของนักเรียนไทย เวลาไปเรียนต่างประเทศ เพราะฉะนั้นตรงนี้คือสิ่งที่ประเทศเขาเปิดโอกาสให้คุณ”
เตรียมความพร้อม ก่อนการเดินทาง
การเรียนภาษาสำหรับ6 เดือนจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ แสนปลาย ๆ หรือสองแสนต้น ๆ ขึ้นอยู่กับประเทศที่เลือก โรงเรียนที่เลือก แล้วก็จะมีในเรื่องของ ค่าวีซ่า ประมาณสองหมื่นต้น ๆ ขึ้นอยู่ประเทศเหมือนกัน แล้วก็จะมีค่า ประกันสุขภาพ เพราะว่าเวลาที่นักเรียนไปเรียนต่างประเทศแน่นอนว่า กฎอย่างหนึ่งในการยื่นวีซ่าคือนักเรียนจะต้องมีประกันสุขภาพ เพื่อที่ว่าเวลาเราไปเจ็บป่วยอะไรที่โน่นมันจะได้มีการคุ้มครอง เพราะว่าการรักษาพยาบาลในต่างประเทศมันค่อนข้างสูงกว่าประเทศไทยเยอะ ซึ่งค่าประกันสุขภาพอาจจะหลักเกือบหมื่นหรือหมื่นแล้วแต่ว่าประเทศไหน แล้วแต่ระยะเวลาเรียนของนักเรียนนั้น ๆ ต่อมาคือ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางอย่างถ้าเด็กที่เขาเป็นวีซ่านักเรียน เวลาซื้อตั๋วเครื่องบินเขาไม่จำเป็นต้องซื้อตั๋วแบบไป-กลับ มันจะต่างจากวีซ่าท่องเที่ยว เพราะวีซ่าท่องเที่ยวคือคุณต้องซื้อตั๋วเครื่องบินไป-กลับ เพื่อให้เห็นว่าคุณกลับออกนอกประเทศแน่นอน ถ้าคุณไม่มีตั๋วกลับคุณก็จะมีปัญหาตั้งแต่การเช็กอินที่สนามบิน แต่ถ้าวีซ่านักเรียนคือเขาก็มองว่า หลังจากสมมุติว่าคุณไปเรียน6 เดือนหรือเรียน1 ปีแล้ว คุณอาจจะอยากต่อคอร์สอะไรต่าง ๆ คุณสามารถซื้อเฉพาะตั๋วไปได้ คราวนี้ตั๋วไปมันก็ขึ้นอยู่ว่าไปไหนประเทศอะไร อย่างเช่นถ้าไปออสเตรเลีย อาจจะหมื่นกว่าบาทสองหมื่นแล้วแต่season ค่าตั๋วเครื่องบินมันฟิกซ์ไม่ได้คุณไปประเทศไหน high season /low season ค่าตั๋วไม่เหมือนกัน หรือนิวซีแลนด์ค่าตั๋วเหลือ สองหมื่นกว่าสามหมื่น อย่างนี้เป็นต้น
จากนั้นสิ่งที่ตามมาคือ ค่าใช้จ่ายส่วนตัวในแต่ละเดือน แบ่งเป็นอะไรบ้าง1. ค่าที่พัก ในต่างประเทศส่วนใหญ่จะคิดเป็นweekly คือรายสัปดาห์ไม่ใช่รายเดือนเหมือนประเทศไทย ซึ่งวีคลี่คือต่ำ ๆ ก็ประมาณ200-250 ดอลลาร์ เป็นแบบว่าห้องแชร์อพาร์ตเม้นท์อาจจะอยู่กับเพื่อน2-3 คน มันก็อยู่ที่ว่าคุณอยู่นอกเมือง/หรือในเมือง ขึ้นอยู่กับว่าประเทศไหนอย่าง ออสเตรเลีย ตอนนี้1 ดอลลาร์ก็ประมาณ 23 บาท หรือว่านิวซีแลนด์1 ดอลลาร์ประมาณ 22 บาท ถ้าเป็นฝั่งของดูไบก็จะเป็นUS ดอลลาร์ อย่างนี้เป็นต้น แล้วก็ต่อมาคือในเรื่อง ค่าอาหารการกิน ก็จะประมาณ200-200 กว่าเหรียญ/สัปดาห์“แต่คราวนี้มันมี culture หนึ่ง ซึ่งต่างจากประเทศไทย เวลาที่นักเรียนไปเรียนหนังสือทุก ๆ โรงเรียนจะมีไมโครเวฟไว้ให้นักเรียนอุ่นอาหาร จะมีห้องทานอาหารให้นักเรียนเพราะว่า การห่อข้าวการทำอาหารไปทานที่โรงเรียนเป็นเรื่องปกติของนักเรียนต่างชาติ เพราะฉะนั้นตรงนี้ถ้าเราอยากประหยัดก็คือการทำอาหารไปทาน การแบบว่าห่ออาหารไปมื้อเที่ยงไปเป็นเรื่องปกติเลย แล้วยิ่งเด็กบางคนทำงานร้านอาหารโอ้โหก็จะยิ่งประหยัดเพราะว่า ร้านอาหารส่วนใหญ่เขาจะมีอาหารให้น้อง ๆ ทานบางครั้งให้ห่อกลับบ้านได้อะไรอย่างเงี้ยค่ะ ซึ่งตรงนี้มันก็จะทำให้นักเรียนสามารถcontrol ค่าใช้จ่ายได้”เพราะฉะนั้นสมมุติว่าเขาไปทำงานระหว่างเรียน คือการทำงานระหว่างเรียนรายได้ขั้นต่ำมันก็อยู่ที่ประมาณ2 หมื่นปลาย ๆ3 หมื่นหรือ4 หมื่น แล้วแต่ประเภทงานที่เขาทำ แล้วแต่ว่าเขาทำกี่ชั่วโมง/สัปดาห์ เพราะฉะนั้นถ้าน้องมีรายได้ระดับประมาณนี้น้องก็สามารถดูแลตัวเองได้ ซึ่งที่บ้านอาจจะซับพอร์ตในช่วงของเดือนสองเดือนแรกที่น้องเดินทางไป หลังจากนั้นน้อง ๆ ก็มักจะเริ่มดูแลตัวเองได้แล้วก็อาจจะรบกวนที่บ้านน้อยลง เป็นบางเดือนที่มันช๊อตจริง ๆ แล้วก็พอเขาเริ่มไปอยู่สักเข้าเดือนที่5 ที่6 ส่วนใหญ่เด็กก็เริ่มแทบไม่รบกวนที่บ้านแล้ว
เป็นพี่เลี้ยงศึกษาต่อต่างประเทศ ที่ดูแลอย่างใส่ใจ
อาจารย์โอ๋ยังบอกด้วย ถ้าพูดถึงTycoon แล้วนึกถึงอะไร ต้องบอกเลยว่าอย่างแรกเลยก็คือ “ความใส่ใจ”ในเรื่องของข้อมูลการศึกษา ข้อมูลของประเทศต่าง ๆ“เราอยากจะให้ข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด เท่าที่เราจะทำได้ บางครั้งมันอาจจะยากที่จะใช้คำว่าถูกต้อง100% เนาะเพราะว่า แต่ละประเทศมีการเปลี่ยนกฎมีอะไรต่าง ๆ ที่เราต้องUpdate ตลอดเวลา แต่เราพยายามที่จะอัปเดตข้อมูลให้ทันสมัย ให้ถูกต้องที่สุด ไม่ว่านักเรียนอยากไปเรียนประเทศไหน เรามีการประชุมอะไรต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องกับเจ้าหน้าที่โรงเรียน กับรัฐบาลของประเทศต่าง ๆ อันนี้คือจุดแข็งอันแรกของไทคูน” จุดแข็งที่สองคือ เจ้าหน้าที่ของบริษัท การมีประสบการณ์ในเรื่องของการศึกษาในต่างประเทศ ประสบการณ์ในการใช้ชีวิตในต่างประเทศ เพราะฉะนั้นข้อมูลที่นักเรียนได้มันไม่ใช่ ข้อมูลเฉพาะเรื่องการเรียนแต่ยังให้ข้อมูลเรื่องการใช้ชีวิต การเตรียมตัว สิ่งที่เขาจะไปเจอในประเทศต่าง ๆ และก็จุดแข็งที่สามคือเรื่องของservice การบริการ ดูแลตั้งแต่ก่อนน้อง ๆ จะตัดสินใจ โดยพร้อมที่จะคุยให้เวลาในการคุย(เป็นชั่วโมงสองชั่วโมงทางบริษัทก็ทำ) เพื่อที่ว่าให้ได้ข้อมูลที่ละเอียดที่สุดเกี่ยวกับนักเรียนแต่ละคน เพื่อมาวิเคราะห์ว่าสิ่งที่เขาคิดมันเหมาะไหม ประเทศที่เขาเลือกมันเหมาะไหม ถ้ามันไม่เหมาะควรจะแนะนำอะไรให้กับเขา ซึ่งอันนี้คือสิ่งที่บริษัทมีความใส่ใจมาก“แล้วก็พอนักเรียนได้วีซ่าแล้ว เตรียมจะเดินทางข้อมูลในการเดินทางเราจะต้องเตรียมอะไรให้เขาบ้าง ประเทศนี้นักเรียนจะต้องรู้อะไรโดยเฉพาะในช่วงโควิดฯที่ผ่านมา เป็นอะไรที่เราต้องอัปเดตข้อมูลตลอดเวลามาก ๆ เลยจะบินต้องเตรียมเอกสารอะไรต่างๆ บ้างเป็นสิ่งที่เรามีหน้าที่ต้องซับพอร์ตเขา หรือแม้กระทั่งไปถึงแล้วมีปัญหาอะไรไหมต่าง ๆ เจ้าหน้าที่เราทุกคนต้องพร้อมที่จะเขาเรียกว่า ติดตามน้อง ๆ แต่ละคนที่ตัวเองดูแล”
ชีวิตใหม่ในต่างแดน อนาคตทางการศึกษาที่ดี และ “โอกาส” ใหม่ ๆ กำลังรอให้คุณได้ไปไขว่คว้าแล้ว! สำหรับน้อง ๆ ในวัยเรียนหรือวัยทำงานแล้วที่สนใจอยากจะไปเพิ่มทักษะความรู้ทางด้านภาษาในต่างประเทศ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่Mobile & WhatsApp :(61) 451 699 586 Line ID : winney-tycoon หรือwww.tycooneducation.com
คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด