อุปนายกสมาคมผู้ประกอบกิจการฮัจย์ภาคใต้ เตรียมร่อนหนังสือ สอบถามกรมการปกครอง จี้เรื่องเก็บเงินพี่น้องมุสลิม บินไปประกอบพิธีฮัจย์ อีก 29,000 แบบกะทันหัน ซ้ำค่าเครื่องบินแพงกว่าบินแบบปกติ ซ้ำล่าช้า เที่ยวบินแรกต้องอยู่ซาอุฯ 55 วัน ทำค่าใช้จ่ายเพิ่ม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อ.ภักดี มะแอ อุปนายกสมาคมผู้ประกอบกิจการฮัจย์ภาคใต้ กล่าวว่า ในฐานะ เป็นอุปนายยกสมาคมผู้ประกอบกิจการฮัจย์ภาคใต้ ตนเตรียมยื่นหนังสือสอบถาม กรรมาธิการดูแลเรื่องฮัจย์ ถึงข้อสงสัยทำไมกรมการปกครอง อยู่ดีๆ เรียกเก็บค่าใช้จ่าย การเดินทางเพื่อนไปประกอบพิธีฮัจย์ ที่ประเทศซาอุฯ เพิ่มอีกจำนวน 29,000 บาท จากเดิม 60,000-69,000 บาท พี่น้องมุสลิม ต้องจ่ายเพิ่ม อีก 29,000 บาท ซ้ำยังเรียกเก็บแบบกะทันหัน โดยเพิ่งแจ้งมาเมื่อวันที่ 16 พ.ค. 66 ทำให้บ้างคนอาจเตรียมตัวไม่ทัน โดยตนจะสอบถามไปทาง คกก.ส่งเสริมกิจการฮัจย์ เพื่อพูดคุยเรื่องค่าใช้จ่าย
โดยประเด็นหลักและเร่งด่วน คือกรมการปกครองเรียกเก็บเงินเพิ่ม 29,000 บาท แบบกะทันหัน เป็นค่าจ่าย วีซ่าฮัจย์ ทำให้พี่น้องมุสลิม ที่จะเดินทางและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเดือดร้อน เพราะบ้างคนหางเงินไม่ทัน โดยเฉพาะ “ฮุจญาจ ฮัจยี” เพียงแต่แจงรายละเอียดบางส่วนรายละเอียดจากกรมการปกครองที่ขอเพิ่ 80,400 บาท แบ่งเป็น -ค่าตั๋วเครื่องบิน 45,000 บาท -ค่าขอวีซ่า 35,400 บาท กรมการปกครองจึงต้องขอเก็บเพิ่มจากผู้ประกอบการ 29,000 บาท เมื่อ 16 พ.ค. 66
.
พี่น้องมุสลิมประเทศไทยที่จะไปฮัจย์ ต้องบินกับสายการบินซาอุดิแอร์ไลน์ เพราะฝ่ายเราไปรับเงื่อนไขเขา ซึ่งแพงกว่าการบินไทยกว่า 20,000 บาท เพราะของเขาเป็นเอกชนไม่ใช่สายการบินของรัฐบาล ซึ่งหากไปเปรียบเทียบกับทาง ฮัจยีพม่าบินจากไทย ราคาประมาณ 37,000 บาท ส่วนคนไทยราคา 60,000-69,000 บาท ปีที่ผ่านมาถือว่าแพงแล้ว มาปีนี้กลับแพงกว่าเดิม สมัยก่อนเราต้องบินแบบเหมาลำ ราคาแพงมาก เดี๋ยวนี้ ทั้งการบินไทยและซาอุดิแอร์ไลน์ มีสายการบินตรงแบบปกติแล้ว เรายังเช่าเหมาลำซึ่งมีราคาแพงอยู่ หน่ำซ้ำยังล่าช่าอีก คนที่บินไปฮัจย์เที่ยวแรก ต้องอยู่ในซาอุฯ ถึง 55 วัน กว่าจะบินกลับไทยได้
.
.
อีกทั้งผู้ประกอบการฮัจย์สอบถามไปทางเจ้าหน้าที่เรื่องค่าตั๋ว แต่ไร้คำตอบ อ้างว่าต้นทางซาอุฯยังไม่ตอบกลับมา ผู้ประกอบการฮัจย์ อยากประชุมร่วม กับเจ้าหน้าที่และผู้ที่เกี่ยวข้อง ทำไมราคาแพง และต้องอยู่นาน ทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่ม คือที่หน้าสงสัย
ตนและผู้ประกอบการ อยากประชุมหารือ กับจนท.ที่เจรจาเรื่องเหล่านี้ว่า ทำไมต้องแพง ทำไมต้องอยู่หลายวัน เพราะค่าเครื่องแพง อยู่นาน ทำให้ราคาฮัจย์เพิ่มขึ้นด้วย ทำไมไม่แก้ไข ทำไมไม่คิดบินในระบบปกติ ซึ่งถูกกว่า
.
แต่ก่อนที่กำหนดว่าต้องบินแบบเช่าเหมาลำ เพราะอำนวยความสะดวกฮุจญาจจะได้สะดวกในการเดินทาง เพราะเช่าเหมาลำเราจะบินเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ถ้าเราจะเปลี่ยนมาบินแบบปกติ เราก็สามารถกำหนดได้ว่าบินเที่ยวหนึ่งต้องไม่ต่ำกว่า 200 คนเป็นต้นซึ่งเราก็ทำได้ หรือให้ดีไปกว่านั้นบินสายการบินอื่นที่ถูกกว่านี้ได้ไหม
.
.
อีกอีกทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายฮัจย์ ที่กรมการปกครองเผยแพร่เมื่อ 24 มกราคม 2566 หลังจากที่คณะอนุกรรมการเตรียมการฮัจย์ไปประชุมเตรียมการฮัจย์ปี 66 ที่ซาอุดิอาระเบีย โดยระบุว่า ซาอุฯลดค่าบริการฮัจย์ เหลือเพียง 3,565 ริยาล (ประมาณ 32,600 บาท/คน) ซึ่งจากเดิมปี 2565 ราคาอยู่ที่ประมาณ 52,000 บาท/คน หรือได้ราคาลดไป 20,000 บาท/คน
.
“มีฮัจยีมาถามบริษัทผู้ประกอบกิจการฮัจย์ จะลดให้เท่าไหร่ เพราะซาอุลดราคา 20,000 บาท/คน สำหรับตนหลังทราบข่าวว่าซาอุดิอาระเบียลดราคา 20,000 บาท ตนไปเช่าบ้านที่แพงกว่าเดิมในราคา 20,000 บาท/คน เพราะอยากให้ฮัจยีอยู่ที่ดีๆสบายๆ แต่ในท้ายที่สุดปรากฎว่า อยู่ๆ กรมการปกครอง แจ้งขึ้นราคาเป็น 64,323 บาท ซึ่งแพงกว่าปี 2565 ซะอีก