xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป) 50 กว่าปีสมุนไพร “สุภาภรณ์” ส่งต่อความสำเร็จ สานฝันเอสเอ็มอีสู่เจ้าของแบรนด์ร่วมพัฒนาและผลิตสินค้า แบบไม่มีขั้นต่ำ!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



One Stop Service ลูกค้าเข้ามาโดยไม่มี ไม่รู้จักแพคเกจจิ้ง ไม่รู้ว่าดีไซน์ยังไง เรามีแผนกกราฟิกดีไซน์ให้ด้วย เรามีโรงงานแนะนำให้เราชี้ทางหมดเลย โดยที่ไม่ได้บวกค่าใช้จ่ายเพิ่ม เพราะเรารู้ว่า budget จำกัด ถ้าบวกเพิ่มเยอะๆ ลูกค้าไม่สามารถไปต่อได้


ปี พ.ศ.2513 ที่ตลาดพลู กรุงเทพมหานคร ถือเป็นปีแรกของการเปิดตัวสินค้าใหม่ “ผงสมุนไพรขัดหน้า” สุภาภรณ์(ซองเหลือง) โดยผู้ก่อตั้งแบรนด์ คือ คุณสุภาภรณ์ สุขตลอดชีพ ซึ่งเป็นคุณย่าของคุณมะตูม “นายอัคเรศ สุขตลอดชีพ” ผู้บริหารรุ่น 3 เครือสุภาภรณ์ ในปัจจุบัน โดยคุณมะตูมเล่าให้ฟังว่า ชื่อแบรนด์ “สุภาภรณ์”ก็มาจากชื่อของคุณย่าที่เป็นผู้ก่อตั้ง ท่านก็ทำสมุนไพรขัดหน้าเป็นสินค้าแรกเลยในเรื่องความงาม ก็คือผงขัดหน้า “สุภาภรณ์”(ซองเหลือง) ที่ทุกคนรู้จักกันดีแล้วทุกวันนี้ก็ยังมีขายอยู่ ใช้แพคเกจจิ้งเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยมา 50 กว่าปีแล้ว“มากกว่า 55 ปี ปีนี้เราเข้าปีที่ 57-58 แล้วก็เริ่มตั้งแต่ ร้านเสริมสวย และอยากมีสินค้าของตัวเองเพื่อขายหน้าร้าน และก็รู้สึกว่าคนไทยเนี่ยยังไม่ค่อยอินกับสมุนไพรไทยเท่าไหร่ ก็เลยพยายามeducate คนให้มาใช้สมุนไพรกัน”

คุณสุภาภรณ์ สุขตลอดชีพ ผู้ก่อตั้งแบรนด์สุภาภรณ์ขึ้นรับรางวัล
แบรนด์สมุนไพรเก่าแก่ ที่อยู่คู่คนไทยมาแสนนาน
ตอนนั้นก็เป็นจุดแรกเริ่มของสินค้า“สุภาภรณ์” เลย เป็นไอเทมแรก ซึ่งก่อนหน้านี้ก็จะมีขายเป็น ผงมะตูม ผงขิง มาก่อนถ้าเป็นพวกเบฟเวอเรจ แต่ว่าตอนนี้ก็ไม่ได้ขายแล้ว มาเน้นแต่ตัวดูแลผิวหน้าคือ “ผงขัดหน้า” เลย“คือเรียกว่าตอนนั้นก็ยังไม่ได้แจ้งเกิดเพราะว่า ต้องบอกว่าคนไทยตอนนั้นเนี่ยไม่ได้อินกับสมุนไพรครับ เขามองว่าเป็นของที่ราคาถูก คนยังอินกับของจากเมืองฝรั่ง จากฮ่องกงมากกว่า อเมริกา ไม่ค่อยอินกับสินค้าไทยเรียกได้ว่ากระแสตอบรับ ไม่ได้ดีเลย แต่อาศัยคุณภาพที่ดี ราคาจับต้องได้ และก็ความพยายามของผู้ก่อตั้งก็คือคุณย่า คุณสุภาภรณ์ สุขตลอดชีพ ในการผลักดันสินค้าตัวนี้จนติดอันดับ เป็นผงขัดหน้าอันดับหนึ่ง ของเมืองไทยและก็ส่งออกด้วย”


อาศัยความมุมานะในการ educate คนว่าทำไมสมุนไพรมันดีอย่างไร ในตอนนั้น แต่ว่าตอนนี้คนก็มาอินกับออร์แกนิคnatural ingredient ซึ่งในสมัย50 กว่าปีก่อนไม่อินเลยแอนตี้ด้วยซ้ำ คิดว่าเป็นของถูก ไม่มีคุณภาพ“เราก็ต้องพยายามปรู๊ฟตลอดว่า เป็นสินค้าที่ใช้แล้วเห็นผลนะ และก็ใช้กันมาเป็นพัน ๆ ปีแล้วก่อนที่เราจะมาใช้ สมุนไพรขมิ้นชัน ผงไพล ดินสอพอง พวกนี้เป็นสมุนไพรที่เราใช้มาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ เราก็เริ่มtarget จากร้านเสริมสวยก่อน”

คุณมะตูม-อัคเรศ สุขตลอดชีพ ผู้บริหารรุ่น 3 เครือสุภาภรณ์
สู่ตลาดสากล ภายใต้แบรนด์สุภาภรณ์
ผงสมุนไพร “สุภาภรณ์” จะเป็นเจ้าแม่ผงเลย จริง ๆ แบรนด์ในเครือจะมีหลายแบรนด์ แต่แบรนด์ “สุภาภรณ์” จะเป็นแบรนด์หลักและก็เป็นชื่อบริษัทและก็ชื่อเครือด้วย มีหลากหลายและก็ทุกตัวจะมี “สมุนไพร” ทุกตัวเลยนโยบายเราคือต้องมีสมุนไพรตัวยืน ตัวขาย ในสินค้าทุกตัว จะแตกต่างกันไปซึ่งสมัยใหม่ตอนนี้เราก็มีเอานวัตกรรมใหม่ ๆ ของทั้งไทยและก็ต่างประเท ศมา combine กัน innovation กับ natural Herb ก็มาคอมไบน์กัน ก็ทำให้เกิดสินค้าที่ตอบโจทย์มากขึ้น”

ขอให้มีช่องทางการขายมา อย่างเช่น โอมาน บริษัทก็ส่งสินค้าที่ผลิตให้กับโอมาน ร้านบิวตี้บริษัทก็ทำ ซาอุฯ ก็ทำในแบรนด์ของเขา และก็ฟิลิปปินส์ก็ทำเหมือนกัน มาเลย์ก็ทำเราผลิตให้หมดเลย แต่ว่าหลาย ๆ ท่านอาจจะไม่รู้เพราะเราไม่ได้โปรโมทตรงนี้มาก แล้วเราก็บางทีแบรนด์ลูกค้าถ้าเกิดเราไม่ได้รับการอนุญาต เราก็จะไม่เอาลง เราเข้าใจลูกค้า แต่ว่าเราเป็นผู้อยู่เบื้องหลังซึ่งเราก็ภูมิใจ เวลามี repeat order มาเราถามลูกค้าขายเป็นอย่างไรบ้าง อยากปรับอะไรมั้ย ไม่ว่าทั้งในไทยและต่างประเทศ เพราะว่าตอนนี้เราก็มีทีมงานที่สื่อสารภาษากันเข้าใจ แล้วทีมงานยุคใหม่ของต่างประเทศเนี่ยก็สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็น จีน โอมาน ซาอุฯ มิดเดิลอีสท์ ทำได้หมด”อยากได้อะไรขอให้บอกเรา ราคาเท่าไรขอให้บอกเราตอนนี้มีส่งออกล่าสุดไปไนจีเรีย เคยส่งออกไปลาว แล้วตอนนี้ลูกค้าเกาหลีอยากจะผลิตสบู่สปา ภายใต้แบรนด์สุภาภรณ์แต่เอาไปเปลี่ยนเป็นโลโก้ โลโก้ชื่อเกาหลี บริษัทก็ดีใจคนเกาหลีจะใช้ของเรา!


โควิด คือ “โอกาส” ของสมุนไพรสุภาภรณ์
“เราก็มีสบู่ฟ้าทะลายโจรมาตั้งนานแล้ว สบู่ฟ้าทะลายโจรเรามีมาตั้งนานแล้ว มันไม่ใช่อะไรใหม่ ๆ สบู่สมุนไพรใช้แทนสบู่ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ฆ่าโควิดฯเนี่ยเราก็มีมาตั้งนานแล้ว มันก็ได้หนุนตรงนั้นอีก สมุนไพรเราขายดีมากกว่าเดิมอีก และก็ร้านค้าปิดแต่เรายังขายได้ ห้างบางห้างก็ยังเปิด แล้วของเราเนี่ยตอนนั้นของเราถ้าเกิดเป็นสินค้าmass ไม่มีอะไรเกิน55 บาท แพงสุด55 บาท” คือคนจะเครียดยังไงแต่ก็ยังอยากผิวดี อยากสวย คนจะเครียดยังไงไม่มีbudget ยังไงก็ต้องอาบน้ำ ต้องสระผม มันเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคที่ต้องมี แล้วราคาของสินค้าก็จับต้องได้“ถามว่าเราราคาถูกไปยันขนาดสินค้าแบรนด์แมสที่เขาผลิตเป็นล้าน ๆ ชิ้นมั้ย ไม่ แต่เราคือแบรนด์สินค้าสุภาภรณ์ที่คนชอบสมุนไพรจับต้องได้ ถามว่าสบู่เรา 10 บาทมั้ย ไม่15 บาทมั้ย สบู่เราเริ่มต้นที่42 บาท ซึ่งถามว่าแล้วเป็นราคากลาง ๆ ในสบู่แมส สบู่มีตั้งแต่15 บาทยัน300 บาท ก็อยู่ที่ลูกค้าจะจับครับผม” ถือว่าตอนนั้นบริษัทโชคดีด้วย ปรับตัวทันด้วย ก็เน้นส่งออกตอนนั้นใครไม่ส่งแต่สมุนไพรสุภาภรณ์ส่ง! ใครว่ายากแต่บริษัทก็พยายามส่งไป ใครไม่ทำการตลาดแต่บริษัททำ “คือเราไม่ได้เครียดไปตามข่าว เราตั้งสติก่อนถ้าเครียดไปตามข่าวโอ้โหไม่กล้าลงทุน ไม่กล้าลงการตลาด เราก็คงไม่ได้รายได้มาที่มากที่สุดตั้งแต่เราเปิดบริษัทมา”


ซิกเนเจอร์ คือ ความเป็นไทย พร้อมเปิดโอกาสให้ SMEs น้องใหม่
ผู้บริหารของสุภาภรณ์ยังบอกด้วย signature ของบริษัทคือบริษัทจะไม่หลุด Theme เลยไม่ว่าจะเทรนด์เกาหลี เทรนด์ญี่ปุ่นมายังไงบริษัทก็ยังคง “ความเป็นไทย” ที่เป็นเอกลักษณ์ของสินค้าเอาไว้อยู่ เคยมีคนถามว่าทำไมไม่เปลี่ยนโลโก้ แต่บริษัทก็ยังใช้เป็นโลโก้เดิมอยู่เพราะว่าเรามั่นใจในตัวสินค้า ไม่ใช่ในแบรนด์ เรามาอินเวสท์ตรงนี้ดีกว่า ชื่อต่างชาติหรือชื่อเวสท์เทิร์นเนี่ยใคร ๆ ก็ตั้งได้ แต่ตัวแบรนด์เราต้องใช้เวลาบิ้วท์เพราะฉะนั้น เราจะไม่เปลี่ยน ในตัวของชื่อเราก็ยังใช้แบรนด์เดิมไปเรื่อย ๆ แต่ปรับเปลี่ยนแบรนด์อิมเมจตามยุค ตามทาร์เก็ต เป็นเรื่องปกติที่เราทำอยู่แล้ว”


มีการเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ ที่เจ้าอื่นเขาลองทำ บริษัทเองก็ลองทำในหลาย ๆ ทาง ตอนนี้ทำทางTikTok ก็ต้องทำ ผ่านอินฟลูฯ ก็ต้องทำ หรือ ช้อปปี้ ลาซาด้า แพลตฟอร์มต่าง ๆ พวกนี้บริษัทก็ลงไปหมดเช่นเดียวกัน

“แล้วก็จริง ๆ ธุรกิจรับผลิตซึ่งบริษัทก็ทำมาเป็น 30 ปีแล้วนะครับ แต่ว่าเรามีลูกค้าวอล์คอินเข้ามาหา เราไม่ได้ทำจริงจัง เราเพิ่งจะมาโฟกัสจริงจังเมื่อปีหลัง ๆ มานี้เองนะครับ ในการฟอร์มทีมทำสูตรต่าง ๆ ก็สำหรับสินค้าที่เป็นpersonal care เราทำได้เกือบหมดเลย จะเป็นแชมพู ยาสีฟัน สบู่ เราทำได้ดี capacity เราเนี่ยได้เป็นแสน ๆ ชิ้นต่อเดือน สามารถทำได้อยู่ไม่ว่าจะเป็นเซรั่ม บางคนเอาสูตรมาให้เราทำหรือว่าให้เราdevelop สูตรเราก็สามารถทำได้” โดยจะมีลูกค้าตั้งแต่ OTOP, SMEs, แม่บ้าน พ่อบ้าน เป็นลูกค้าของบริษัทหมดเลย ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัท/โรงงานระดับกลางถึงระดับใหญ่จะโฟกัสแต่ลูกค้าเจ้าใหญ่ ๆ แต่ตอนนี้นโยบายของสุภาภรณ์คือ เปิดโอกาส ให้กับผู้ประกอบการ หรือว่าใครก็ได้ที่อยากเป็นเจ้าของธุรกิจ โดยมีเงินหลักหมื่นก็สามารถเริ่มได้

“เราผลิตของได้ตั้งแต่ 125 ชิ้นไปจนถึง 500 ชิ้นก็ได้ ตามกำลังของลูกค้าเลย แต่ต้องยอมรับว่ายิ่งผลิตเยอะเนี่ยมันก็ยิ่งถูกลง แต่บางคนเขาอยากลองตลาดก่อน แล้วสินค้าออนไลน์เนี่ยตูมบอกเลยว่า Margin ค่อนข้างดี200%ก็มี400% ก็มี700% ก็มี อยู่ที่การตลาด” เพราะว่าคุณภาพสินค้าถ้าออกจากโรงงานในเครือของสุภาภรณ์ คือยังไงสินค้าต้องได้มาตรฐาน ใช้แล้วเห็นผล ปลอดภัย ได้มาตรฐานของ อย.


ร่วมพัฒนาและผลิตสินค้าให้ OEM แบบไม่มีขั้นต่ำ!
พัฒนาสูตรฟรีด้วย ลูกค้าที่มาผลิตกับบริษัทก็สามารถได้เป็นสูตรของตัวเองเลย ที่นี่มีหลายลูกค้ามีหลายสูตรมากที่ลูกค้ามาเข้า LAB ของสุภาภรณ์เลยเขียนสูตรมาคุยกับเราว่า อ่านอันนี้มามันเวิร์กมั้ย สมุนไพรตัวนี้เวิร์กมั้ยingredient อันนี้จากฝรั่งเศสมันเวิร์กจริง ๆ มั้ย เอาpaper มาคุยกันครับInnovation กับHerb มันสามารถคอมไบน์กันได้”

จากปราการสำคัญก็คือเรื่อง “ขั้นต่ำ” ที่ผู้ประกอบการรายเล็ก SMEs ใหม่ที่เป็นคนตัวเล็กต้องพบเจอ คุณมะตูมบอกด้ว ว่าลูกค้าอยากได้ต้นทุนสินค้าไม่เกินกี่บาท กี่ร้อยบาท กี่พันบาท หรือกี่สิบบาท เราเป็นคนทำการบ้านเอง เหมือนลูกค้าบอกว่าคุณมะตูมผมมีเงิน 5 หมื่น ผมอยากได้สบู่เนี่ย ทำอะไรได้บ้าง? เราก็ต้องถามว่ามีช่องทางการขายมั้ย ขายตรง ขายออนไลน์ ฝากขาย หรือขายแค่เฟซบุค ต้องแจ้งพวกนี้เรามาเราช่วยประเมินได้ครับ ถามว่า5 หมื่นทำได้มั้ย ทำได้ สามารถมีสินค้าพร้อมขายเป็นของตัวเองได้ แล้วเรามาคำนวณว่า5 หมื่นเนี้ยมันจะกลายเป็นเงิน2 แสนได้ยังไง มาเวิร์กออนกัน หรือบางคนไม่เอาเน้นขายเร็ว! 5 หมื่นนี้ทำยังไงให้กำไร ให้มันสามารถไปต่อได้”

บริษัทช่วยให้ลูกค้าสามารถที่จะทะลายกฎเกณฑ์ในเรื่องของ “ขั้นต่ำ” ลงได้ ไม่มีแล้วที่ว่าต้องขั้นต่ำ1 หมื่นชิ้นนะ ไม่มีแล้ว! เพราะ500 ชิ้นที่นี่ก็ทำให้ โดยอยู่ที่สินค้าเป็นสำคัญ


ขอแค่มี “ความตั้งใจ” เพื่อเติบโตไปด้วยกัน..
ผู้บริหารรุ่น3 ของเครือสุภาภรณ์ เน้นย้ำกับเรามาด้วย ไอเดีย หอบสูตรมาแล้วหอบกำลังใจในการทำมา “ยิ่งกว่าเงินคือ เงินหลักหมื่นน่ะถ้าอยากทำธุรกิจ คนทำไม่ได้อยู่แล้วครับ แต่ความตั้งใจ ความไม่ท้อเนี่ย มีพร้อมหรือเปล่า เพราะเป็นเจ้าของทุกคนอยากเป็นแต่ทำได้มั้ย? อีกเรื่องหนึ่ง ทุกคนอยากมีflexibility แต่พอรับผิดชอบมาอีกร้อยแปดพันอย่าง ทำได้มั้ย ถ้าพร้อมอยากมีก้าวแรก ลองผิดลองถูก เติบโตไปได้ มาเลย! สุภาภรณ์ยินดีต้อนรับ”แต่ในขณะที่บางคนกำเงินแสนเงินล้านมา แต่ไม่ทำอะไรเลย! ซึ่งบริษัทจะไม่รับ เพราะว่าบริษัทต้องการลูกค้าที่จะโตไปด้วยได้ ที่มองว่ามีการเติบโตมีการrepeat นะเพราะโรงงานจะได้กำไรก็คือ ตอนที่ลูกค้ามี repeat มา

“ต้องโตไปด้วยกันและก็ปกติเซลล์ก็จะค่อนข้างดูแลลูกค้าดีครับผม ใส่ใจในการพัฒนาสูตรครับ บางคนแก้7-8 รอบเราก็ต้องทำให้ แต่ก็มีลิมิตนะครับถือว่าแต่ว่าอยู่ที่ condition ของแต่ละคน ว่าจบสูตรมั้ย ทำได้ถูกต้องตามต้องการมั้ยกับทาร์เก็ตของเขามั้ย ก็อย่างเงี้ยครับเยอะมาก เรามีลูกค้าเราผลิตเป็นร้อย ๆ สินค้าแล้วนะครับ หรือเป็นพันด้วยซ้ำ และก็ลูกค้าเราเนี่ยเป็นร้อย ๆ เลยOEM แต่ว่าเราแค่ไม่ได้โปรโมทว่า เราเป็นผู้อยู่เบื้องหลังสินค้าตามshelf บางทีเราเห็นลูกค้าวางขายคู่เรา เรายังดีใจเลย ลูกค้ามาไกลมาก ลูกค้าอยู่ต่างประเทศอย่างเงี้ยเราก็ดีใจนะ! ไปได้ไกลจริง ๆต้องยอมรับว่าคนที่ไม่ยอมแพ้ และคนที่มองหา “โอกาส” ตลอดคือ คนที่อยู่รอดจริง ๆ ในสมัยนี้ ไม่ใช่ว่าสินค้าเขาราคาถูกที่สุด ไม่ใช่ว่าแพงที่สุด แต่มันคือ “ความตั้งใจ”ที่มีเลย

ขอบคุณแรงบันดาลใจดี ๆ จากแบรนด์สมุนไพรเก่าแก่ที่แข็งแกร่งอีกเจ้าหนึ่งของประเทศไทย “สมุนไพรสุภาภรณ์” และยังพร้อมเปิดโอกาสสู่ความสำเร็จสำหรับ SMEs น้องใหม่ด้วย ซึ่งสามารถสอบถามข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ จาก One Stop Service โดยแอด LINE OA : @oem.spp

หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร.034-450526



* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *


กำลังโหลดความคิดเห็น