ปัจจุบันธุรกิจออนไลน์ ถือเป็นธุรกิจที่สร้างเศรษฐีใหม่ ทำให้เกิดผู้ประกอบการประเภทอายุน้อยร้อยล้านขึ้นเป็นจำนวนมาก ช่องการตลาดออนไลน์กลายเป็นช่องทางที่ธุรกิจหรือแบรนด์สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างไม่จำกัด
ประกอบกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคในปัจจุบันที่มีความคุ้นเคยและมีความเชื่อมั่นในการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่ทำให้การซื้อขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ หรือ อีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) ได้รับความนิยม โดยผู้บริโภคส่วนใหญ่เลือกซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ด้วย3 เหตุผลหลัก ได้แก่1.สินค้ามีราคาถูกและคุ้มค่ากว่า 2.ความสะดวกสบาย ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง และ3.มีความคุ้นเคยกับการซื้อสินค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์ หรือมีร้านประจำที่ซื้อสินค้าออนไลน์อยู่แล้ว ช่องทางการตลาดออนไลน์จึงกลายมาเป็นช่องทางที่สามารถสร้างรายได้ไม่จำกัดให้กับผู้ประกอบการจำนวนมาก
“นิค - พงษ์ชัยวัฒน์ สอนสุภาพ” CEO หนุ่มไฟแรง และนักการตลาดออนไลน์จาก “นิคอินสไปร์” ซึ่งอยู่ภายใต้บริษัท นิคเอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทหนึ่งในตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้าออนไลน์เพื่อสุขภาพ กลุ่มพรีเมียม ให้กับหลากหลายแบรนด์ อาทิ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพแบรนด์ Pow ของอั้ม-อธิชาติ ชุมนานนท์ ได้กล่าวถึงความท้าทายของการทำตลาดออนไลน์ในปัจจุบันว่า ไม่ใช่เป็นเพียงการสร้างกระแสเพื่อให้เกิดยอดขาย แต่จะต้องทำให้เกิดความยั่งยืนของธุรกิจและแบรนด์ด้วย ซึ่งปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจและแบรนด์ประสบความสำเร็จในการทำตลาดออนไลน์ก็คือ ความเข้าใจและความเชี่ยวชาญในแพลตฟอร์มที่เลือกใช้ในการทำตลาดนั่นเอง
“แพลตฟอร์มที่ธุรกิจในบ้านเรานิยมใช้กันส่วนใหญ่ก็คือ เฟซบุ๊ก เพราะคนไทยส่วนใหญ่นิยมเล่นเฟซบุ๊ก ผู้ประกอบการหลายคนคิดว่าการทำตลาดในเฟซบุ๊กนั้น เพียงแค่ทำคอนเทนท์ให้ดีก็น่าจะเพียงพอแล้ว แต่ในความเป็นจริงไม่ใช่อย่างนั้น เพราะความยากของการทำตลาดเฟซบุ๊กในตอนนี้ก็คือ เฟซบุ๊กได้ปรับลดการมองเห็น หรือ organic reach จากเพจต่าง ๆ ลง จึงทำให้ธุรกิจที่เปิดเพจบนเฟซบุ๊กถูกมองเห็นลดลงด้วย นั่นหมายความว่า เราจะต้องมีการบูสเพจ หรือยิงโฆษณาบนเฟซบุ๊ก ควบคู่ไปกับการทำคอนเทนท์ที่ดึงดูด และทำการตลาดด้วยกลยุทธ์เชิง Outbound เพิ่มมากขึ้น ซึ่งก็คือ การมุ่งเน้นไปที่วิธีการเข้าหาลูกค้า นำเสนอสินค้าหรือการบริการให้กับลูกค้าในช่องทางต่าง ๆ นั่นเอง แต่สิ่งที่จะเป็นผลกระทบโดยตรงกับผู้ประกอบการก็คือ แนวโน้มราคาโฆษณาบนอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจุดนี้เองที่ผู้ประกอบการหลายคนยังไม่รู้ และยังไม่มีความชำนาญพอในการทำตลาดออนไลน์ด้วยตัวเอง”
ทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ประกอบการปัจจุบันที่ต้องการทำการตลาดออนไลน์ ก็คือ การทำตลาดผ่านตัวแทนการตลาดออนไลน์บนแพลตฟอร์มที่เหมาะสม เช่น การทำตลาดบนเฟซบุ๊ก ซึ่งข้อดีของเฟซบุ๊ก คือเป็นแพลตฟอร์มที่ปล่อย (Launch) ออกมานานแล้ว จึงมีการเก็บข้อมูลพฤติกรรมของผู้บริโภคเอาไว้เป็นจำนวนมากมายมหาศาล ทำให้นักการตลาดออนไลน์สามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์ และเลือกกลยุทธ์ในทำการตลาดให้กับแบรนด์ หรือสินค้าได้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย และเห็นผลชัดเจนที่สุด
“การเป็นบริษัทตัวแทนการตลาดออนไลน์ ก็เปรียบเสมือนการเข้าไปเป็นพาร์ทเนอร์สกับแบรนด์หรือธุรกิจนั้น ๆ อย่างนิคอินสไปร์และนิคเอ็นเตอร์ไพร์ส เราก็เข้าไปทำตลาดด้วยการสร้างช่องทางสื่อสารการตลาดให้กับแบรนด์ โดยเลือกสื่อสารให้ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และเลือกวิธีการขายที่เหมาะสม ร่วมกับการใช้กลยุทธ์การโฆษณาและบูสเพจตามงบประมาณที่กำหนด เพื่อทำให้เกิดยอดขาย และยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่น หรือภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์ไปพร้อม ๆ กันด้วย ซึ่งการที่เราทำตลาดออนไลน์กับแบรนด์ต่าง ๆ นั้น ยังถือเป็นการยกระดับและคัดสรรสินค้าสุขภาพที่ปัจจุบันมีอยู่มากมายในตลาด ทำให้เกิดการบริการที่ดี สร้างความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ ทำให้เกิดการเข้าถึง ตอบโจทย์ และตรงต่อความต้องการของลูกค้า ซึ่งรายได้ของตัวแทนการตลาดออนไลน์นั้น จะมาจากส่วนต่างของราคาขายปลีกกับต้นทุนของสินค้า ปัจจุบันค่า Online GP หรือค่าดำเนินการบนแพลตฟอร์มออนไลน์จะอยู่ที่ประมาณ 40-50%” CEO หนุ่มจาก นิคเอ็นเตอร์ไพร์ส กล่าว
นิค–พงษ์ชัยวัฒน์ ยังกล่าวถึงข้อดี หรือจุดแข็งของการทำตลาดออนไลน์ผ่านตัวแทนการตลาดออนไลน์ว่า สำหรับผู้ประกอบธุรกิจมือใหม่ หรือผู้ประกอบการที่เพิ่งเริ่มต้นทำตลาดออนไลน์ การเลือกตัวแทนการตลาดออนไลน์เข้ามาช่วยเสริมทัพ จะช่วยลดความเสี่ยงของธุรกิจได้ เนื่องจากตัวแทนการตลาดออนไลน์จะมีความชำนาญในด้านกลยุทธ์ และมีความเชี่ยวชาญในการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ ที่สำคัญคือมีฐานข้อมูลของลูกค้าอยู่ในมือเป็นจำนวนมาก จึงสามารถทำการตลาดเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่เป็นเป้าหมายของแบรนด์ได้ทันที และสามารถสร้างยอดขายเป็นจำนวนมากได้ จากการใช้สื่อต่าง ๆ การทำคอนเทนท์ และการยิงโฆษณา ซึ่งพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะตัดสินใจซื้อสินค้าจากคอนเทนท์ ดังนั้น การสร้างคอนเทนท์ที่สามารถดึงดูดความสนใจ หรือกระตุ้นการรับรู้ได้ ก็ถือเป็นปัจจัยที่สำคัญ แต่การจะทำให้คอนเทนท์ที่ดีนั้นถูกมองเห็นจากกลุ่มลูกค้าที่เป็นเป้าหมายจริง ๆ ก็ต้องใช้กลยุทธ์หรือเทคนิคต่าง ๆ ในการวิเคราะห์ข้อมูล บริหารและดำเนินการ ซึ่งถือเป็นความเชี่ยวชาญเฉพาะของตัวแทนการตลาดออนไลน์แต่ละราย ซึ่งนิคเอ็นเตอร์ไพร์สก็เป็นหนึ่งในตัวแทนการตลาดออนไลน์ที่มีความเชี่ยวชาญในการทำตลาดออนไลน์บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ โดยเฉพาะเฟซบุ๊ก ที่สามารถสร้างยอดขายเจ็ดหลักให้กับแบรนด์ได้ไม่ยาก
เมื่อผู้บริโภคสามารถเข้าถึงช่องทางการขายสินค้า และมีทางเลือกมากขึ้น การทำการตลาดแบบ Omni-channel หรือการเชื่อมแพลตฟอร์มออนไลน์-ออฟไลน์ เข้าด้วยกัน จึงเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญสำหรับผู้ประกอบการ แต่หากยังไม่มีความเชี่ยวชาญในการทำตลาดออนไลน์ด้วยตัวเอง ก็สามารถเลือกใช้บริการจากตัวแทนการตลาดออนไลน์เพื่อลดความเสี่ยงได้ ซึ่งยุคนี้หากธุรกิจหรือแบรนด์มีช่องทางการตลาดออนไลน์ การจะสร้างยอดขายหลักร้อยล้านก็คงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะโฮกาสทางการตลาดยังเปิดกว้างมาก ดังจะเห็นได้จากผลการสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ที่พบว่า ผู้บริโภคกว่าอ51% สนใจเลือกซื้อสินค้าบนแพลตฟอร์ม E-marketplace เพิ่มขึ้น รองลงมา ได้แก่ Social commerce 34%
ดังนั้น ผู้ประกอบการหรือแบรนด์ อาจจะต้องพิจารณาทำการตลาดในแต่ละช่องทางโดยผสมผสานตามจุดแข็งของสินค้าตัวเอง
ควบคู่ไปกับการพัฒนาเว็บไซต์ หรือช่องทางการตลาดออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อกระจายความเสี่ยง และสร้างช่องทางการรับรู้แบรนด์เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจหรือแบรนด์นั่นเอง
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *