xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป) ต้องชอบเบอร์ไหน!!! สาวกสตาร์วอร์สสู่อาชีพทำ LIGHTSABER ส่งออกทั่วโลก มีคิวงานจองข้ามปี!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ดาบแสง หรือ lightsaber อาวุธประจำกายสุดเท่ของเหล่าอัศวิน Jedi และ Sith นักรบแห่งจักรวาล STAR WARS เป็นภาพจำในหัวเด็กชายเย่ที่ฝังติดมาหลังการได้ชมภาพยนตร์ดัง ชอบถึงขั้นเรียกว่าคลั่ง ที่ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนสู่ “อาชีพ” ที่รักในปัจจุบัน


นายธนวัฒน์ ใจกล้าหรือแอดมินเย่ ปัจจุบันอายุ33 ปี ผู้ก่อตั้งเพจ: LIGHTSABER Thailand บอกกับเราว่า ชื่นชอบถึงขั้นเรียกว่า “คลั่ง” ในภาพยนตร์เรื่องดัง STAR WARS มาตั้งแต่ยังเป็นเด็กแล้ว เพราะตนเองมีความชอบพวกเทคโนโลยีเกี่ยวกับอวกาศ หรือของเล่นที่เกี่ยวกับรถอวกาศ เครื่องบิน จรวด ต่าง ๆ พวกนี้อยู่แล้ว และพอได้เจอกับภาพยนตร์เรื่อง STAR WARS ครั้งแรกที่ดูก็ทำให้รู้สึก “ติด” ฝังเข้ามาอยู่ในสมองเลยนับแต่นั้น พอกลับบ้านมาก็เล่นดาบไม้และก็ทำท่าเหมือนว่ามันเป็น ดาบเลเซอร์พ่อเขาเล่าให้ฟังว่าผมตอนเด็กก็เล่นแบบนั้น แต่ก็ไม่รู้ตัว แต่พอมาชอบจริง ๆ ก็คือตอนเริ่มโตแล้วครับ เริ่มโตมาก็รู้ว่าชอบ เข้าใจภาพยนตร์ เข้าใจที่เขาจะสื่อ อะไรเงี้ย และก็จากที่ชอบของเล่นเกี่ยวกับเทคโนโลยีอะไรพวกนี้ ก็ไปชอบพวกยานอวกาศในนั้น พวกดาบเลเซอร์ ปืนบาสเตอร์ ในภาพยนตร์ก็เริ่มจากจุดนั้น ไม่มีเงินเยอะที่พอที่จะซื้อของเล่น ก็ชอบถึงขั้นที่ก็อยากไปดูแต่ไม่ได้ไปดูได้ทุกภาคอะไรเงี้ยครับ ก็จะเน้นแบบว่าเออรอดูทีหลัง ส่วนของเล่นก็ไม่ได้มีเก็บขนาดนั้นครับ เพราะว่าไม่ได้มีเงินเพื่อที่จะไปซื้อเครื่องเล่นซะทีเดียวอะไรเงี้ย ก็เริ่มจาก ของเล่นที่เก็บจริง ๆ คือตอนหลังจากทำงานแล้วเลย”

เริ่มจาก LIGHTSABER ก่อนเลย เพราะว่าตอนนั้นมันจะมีlightsaber ประเภทหนึ่งที่มันมีไฟได้ ซึ่งก่อนหน้านี้จะยังไม่มีไฟ แล้วพอมันเริ่มมีไฟได้ก็เลยทำให้รู้สึกว่าอยากได้ มันเจ๋งดี แต่ว่าก็ยังไม่ถึงขั้นเดียวกับที่มีในปัจจุบันนี้“ตอนแรกมันแค่มีไฟ เหวี่ยงมีเสียง แล้วตอนเหวี่ยงมันก็ยังแบบช้า ๆ อยู่ ไฟก็ยังไม่ได้แรงมาก อะไรเงี้ยครับ เพราะว่าตอนนั้นมันก็เป็นของเล่นช่วงปี 2012ก็นานมาก ๆ แล้ว ก็ซื้ออันนั้นมาเล่นก่อน เริ่มจากสั่งฝากเพื่อนสั่งซื้อที่อเมริกาครับ”

lightsaber จากในภาพยนตร์ STAR WARS ภาคต่าง ๆ ที่มีการเก็บสะสมกัน


ต้องชอบเบอร์ไหนถึงได้เป็นอาชีพ?
แอดเย่ เล่าให้ฟังอีกว่า เก็บเองก่อนสนองความต้องการของตัวเอง เริ่มจากซื้อหัวที่เป็นหัวสตาร์วอร์สของเล่นตัวเล็ก ๆ พวกตุ๊กตุ่น และก็พวกดาบ“พอซื้อมาเรื่อย ๆ เงินผมเริ่มหมด (หัวเราะ) แล้วผมก็เหมือนกับว่า ซื้อมาแล้วเก็บก็ซื้อมาอีกส่วนหนึ่งเพื่อขายอะไรเงี้ย เพื่อที่จะไปซื้ออันอื่นต่อ(หัวเราะ) อะไรเงี้ย ก็กลายเป็นว่าเริ่มจากขายของเล่นสตาร์วอร์สก่อน จากการที่ซื้อ 2 เก็บ 1 ขาย 1 อย่างเงี้ยครับ แล้วของเล่นก็ขายดีมากเลยช่วงนั้น เพราะว่าคนเขาก็แบบไอ้นี่มันไปหาของพวกนี้มาจากไหน ซึ่งผมก็ไปหาตามแบบ ตามอเมริกาตอนนั้นคือแบบของมันเยอะมาก แล้วคนไทยเขาไม่รู้ว่ามันมี” แอดเย่บอกว่าการขายในช่วงนั้นจะมีกลุ่มเพจเล็ก ๆ ที่เป็นเกี่ยวกับการขายของเล่นสตาร์วอร์สโดยเฉพาะ ตอนนั้นก็ยังมีอยู่แค่ไม่กี่กลุ่ม


“หลังจากนั้นผมก็มาเปิดเพจ: LIGHTSABER Thailand เพราะว่าหลังจากขายของเล่นเสร็จ แล้วไอ้ดาบ lightsaber มันมีตัวใหม่ออกมาพอดี ผมก็เออสนใจไหน ๆ ก็ชอบอันนี้แล้ว ชอบมากกว่า แล้วก็เปิดเพจรอไว้เลย”

สู่งาน Customize ฝีมือคนไทย
คนเริ่มรู้จักมากขึ้น
ประมาณช่วงปี 2014 ก่อน ที่มีข่าวมาว่า STAR WARS ภาคใหม่ (EPISODE 7) จะมา แล้วตอนนั้นเพจที่เปิดเอาไว้อยู่ ๆ ก็มีคนมาติดตามขึ้นเป็นหลักหมื่น“อยู่ ๆ เพจผมมันก็มีคนมาLIKE ขึ้นแบบเป็นหลัก1000 แล้วก็หลักหมื่นอะไรอย่างเงี้ยครับ เพราะว่ามันเว้นช่วงไปนานแบบตั้งแต่ปี2000 หนังมันก็ไม่ได้ทำออกมาอีก จนมาถึงปี2014-2015 เนี่ยถึงจะมีภาค7 มา แล้วบังเอิญผมไปทำเพจอันนี้ไว้ แล้วก็โพสต์พวกนี้ไว้ด้วย กลายเป็นว่าเออคนเขาก็เห็นว่ามันมีไอ้อย่างเงี้ยอยู่ อย่างเงี้ยครับ เพราะว่าในหนังมันมีดาบไลท์เซเบอร์ แล้วเขาก็เห็นจากผมโพสต์ก่อนหน้านั้น ว่ามันมี lightsaber อันนี้ เขาก็มากดตามเยอะเลย”


จากพ่อค้าสู่ “ช่างซ่อม” ด้วย!
ตอนนั้นก็ยังทำงานประจำอยู่ พอสั่งของเข้ามาเรื่อย ๆ แบ่งเวลาไปทำของและขาย lightsaber ด้วย ปรากฏว่าก็เริ่มมี lightsaber ที่มันเสีย ซึ่งบางคนเขาเคยซื้อมานานมากแล้ว เป็นผู้ใหญ่เขาเคยเก็บ เขาเคยเล่น แล้วเขาก็มาบอกว่า lightsaber อันนี้มันเสียซ่อมให้หน่อยได้ไหม? “แล้วผมก็แบบชอบรื้อชอบแงะอะไรอยู่แล้ว อย่างซื้อมาผมก็แบบแงะดูแล้วมันเป็นยังไง ประจวบกับตอนนั้นในกลุ่มต่างประเทศมี customize lightsaber แล้ว แต่ว่าตอนนั้นยังมีแค่แบบนับคนได้ ไม่ถึงสิบคนอะไรเงี้ยครับ แล้วผมก็ตอนนั้นผมก็ยังไม่รู้ภาษาอังกฤษไม่ได้เก่งอะไรมาก ก็แค่เข้าไปสุงสิงอยู่ในนั้น ไปดูว่าเขาทำยังไงอะไรอย่างเงี้ย กล้าถามก็ไม่กล้าถาม ได้แต่แบบว่าดูว่าเขาทำยังไง เราก็ทำตามอะไรอย่างเงี้ย ประมาณนั้นผมก็เริ่มทำจากตรงนั้นมาเรื่อย ๆ จนเริ่มเข้าใจ ว่าอ๋อ! มันต้องมีวงจรนะ วงจรเสร็จต่อลำโพงต่อถ่าน ต่อปุ่มต่อไฟ แล้วก็ต้องดูสายว่าไอ้สายนี้มันออกจากไหน ไปโผล่ไหนแล้วเป็นอะไร ก็เริ่มจากตรงนั้น ไปขอดูขอไดอะแกรมเขา บางทีแบบว่าภาพมันจะมีภาพที่แบบเป็นวงจรแล้วก็เป็นสายต่อออกมา ว่าเป็นอะไรอย่างเงี้ย ผมก็ไป save พวกนั้นมาดูอะไรเงี้ย แล้วก็มานั่งแปล translate เอา ประมาณนั้น แต่กลุ่มนี้เขาดีครับเหมือนกับว่าเป็นกลุ่มพาะคนทำ แล้วเขาจะแบบมีอะไรเขาจะแชร์กัน มีปัญหาอะไรเขาก็จะถามได้ แล้วเขาก็จะมาบอกว่าจะต้องทำอย่างงั้นอย่างนี้ ๆ อะไรเงี้ย กลายเป็นเรียนรู้จากตรงนั้น เสร็จก็กลายเป็นแบบว่า เริ่มซื้อจากเขาก่อนเสร็จแล้วก็มาแงะดูว่าทำยังไง และก็พอเริ่มทำเป็นเสร็จก็ทำของตัวเอง พอทำของตัวเองเสร็จอย่างมีคนให้ซ่อม ผมก็ทำได้อย่างเงี้ยครับ ก็กลายเป็นเริ่มจากตรงนั้น ก็กลายเป็นว่าใครมี lightsaber ซื้อไปแล้วมันเสีย หรือใครมีก่อนหน้านี้ หรือจะไปหาได้จากไหนก็ตามแต่อย่างเงี้ย พอมีปัญหาอะไรก็ส่งมาที่ผมคนเดียวเลย และก็ทำจนมันรู้ทุกอย่างแล้ว”


จุดเปลี่ยน...ที่มีแค่รู้สึกว่า มันทำได้!
แอดเย่บอกว่า ประมาณ 7 ปีแล้วที่เข้ามาสู่อาชีพนี้ แต่ว่าก่อนหน้าก็คือทำควบคู่มากับงานประจำอยู่ประมาณเกือบ ๆ 3 ปี โดยตอนนั้นทำงานอยู่ในบริษัทด้านโปรดักชันเฮ้าส์ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ก่อนจะลาออกมาเพื่อเดินหน้าอย่างเต็มตัวกับงานที่ทำอยู่ในปัจจุบันจากที่ผมเคยทำตัดต่อแบบเร็วมากและก็ไวและก็แบบแก้งานได้แบบทันท่วงทีมาก แต่พอมาแบ่งเวลามาทำอันนี้คือกลายเป็นว่า ช้าไปเลยอะไรเงี้ย แล้วก็มาสาย จนแบบออฟฟิศเขาแบบเออไม่ไหวแล้ว(หัวเราะ)ก็เขาเตือนหลายรอบครับ มันก็ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วผมแค่รู้สึกเฉย ๆ ว่าเออ ออกก็ได้ออกดีกว่า แล้วก็เดี๋ยวมาทำอันนี้เอาอะไรเงี้ย แต่มันมีความรู้สึกบางอย่าง นิดหนึ่งที่แบบว่ามันทำได้!”


เริ่มต้นกิจการใหม่ แปลงของเล่นที่มีเป็น “ทุน”
ทั้งที่ตอนนั้นก็ยังไม่มีเครื่องมืออะไรเลย มีแค่เครื่องเจาะหรือตัวไวริ่งมีอุปกรณ์อยู่แค่ชิ้นสองชิ้น เครื่องที่ทำงานอยู่ข้างล่าง
(ที่ทำงานในช่วงเวลากลางคืนของแอดเย่) ก็ยังไม่มี“ผมขายของเล่นที่มีอยู่ ดาบที่เก็บไว้ ของเล่นที่มีอยู่ทั้งหมดเลย แบบมันก็มีอยู่จำนวนหนึ่ง แล้วผมก็ขายทั้งหมดได้ประมาณเงินมาก้อนหนึ่ง(แสนกว่าบาท) แล้วก็เอาไปซื้อเครื่องข้างล่างนั้นหมดเลย เริ่มทำจากตรงนั้นหลังจากนั้น ก็ทำแบบเต็มตัวว่าเออจากที่ทำด้าม แค่ให้มันมีเสียงมีไฟผมก็เลยทำ ข้างในมันด้วยเลยอะไรเงี้ย คือตั้งใจอยากมีอยู่แล้วกะว่าทำเก็บ ทำชิ้นแรกเก็บเลย พอทำเสร็จผมก็ไปโพสต์ในกลุ่ม/เพจต่างชาติ ที่มีกลุ่มคนฝรั่งเขาทำอยู่ ซึ่งตอนนั้นมันยังมีคนไม่กี่คน พอชิ้นที่1 เสร็จชิ้นที่2 แล้วก็อยู่ ๆ ก็มีคนมาขอซื้อชิ้นที่ 1 กับชิ้นที่ 2 ราคาตอนนั้น ราคามันดีมาก ผมไม่กะว่าไม่ได้ตั้งขายแบบจริงจัง แต่แบบเหมือนเขาเสนอมา2000 ดอลลาร์ ใช่ครับ แล้วตอนนั้นคือมันหาคนทำยากมาก มันแรก ๆ มันหาคนทำยากมาก ผมก็เลยเออขายเลย”

ดูงานศิลปินที่ทำด้ามของ lightsaber
แอดเย่บอกด้วย การทำ lightsaber คือจะอิงมาจากไอเดียของสตาร์วอร์สอยู่แล้วว่า ใน lightsaber 1 ด้าม มันประกอบไปด้วย
ไคเบอร์คริสตัลที่เป็นตัวจ่ายพลังงาน ให้ออกมาเป็นลำแสงเลเซอร์ แล้วแสงเลเซอร์แต่ละสีนั้นมันเกิดจาก “คริสตัล” ข้างใน โดยตอนนั้นก็จะมีเพียงหนังสือที่เกี่ยวกับสตาร์วอร์สพวกนี้ ที่เขาจะบอกว่ารายละเอียดของ lightsaber มันเป็นอย่างไร จะมีการหั่น/ผ่ามาให้ดู แต่ว่ามันก็จะเป็นการสมมุติขึ้นมา ยังไม่มีคนทำ“ตอนนั้นก็เปลี่ยนเลย 2000 ดอลลาร์ก็ขายเลย กลายเป็นรู้สึกว่าเฮ้ยมันขายได้!อะไรเงี้ยครับ ซึ่งในกลุ่มมันก็จะมีเรทมีแร้งค์ของมันอยู่ อย่างเช่นว่า เรทที่สำหรับงานประเภทนี้ ก็จะราคานี้ งานประเภทที่มี “คริสตัล” ก็จะอีกราคาหนึ่ง และก็เรทราคาที่แบบศิลปินเก่ง ๆ ที่ทำรายละเอียดเยอะจริง ๆ ก็ขึ้นไปอีก มันจะมีแพงกว่านี้อีกครับ แต่ของผมก็จะอยู่ประมาณระดับกลาง ๆ ในตอนนั้น”


สู่งาน CUSTOMIZE ฝีมือคนไทยที่ต่างชาติให้การยอมรับ
เกิดจากการที่ตัวที่มีขายอยู่ตามท้องตลาด มันไม่ถูกใจ ไม่พอใจ ของคนที่ซื้อมาเก็บ ก็จะมารื้อ “ไส้” เอาออกหมดเลยแล้วก็เปลี่ยนเป็นวงจรของ customize เปลี่ยนใหม่ เอาเข้าไปในเปลือกอันเดิม ระบบไฟก็จะดีขึ้น เริ่มมาจากตรงนั้น เพราะว่าตอนนั้นยังไม่มีคนทำ “ด้าม” ด้านนอกยังมีไม่เยอะเท่าในปัจจุบันนี้ แล้วตัวละครยังมีตัวหายากอยู่ ยังมีตัวที่ใช้เครื่องมือเยอะถึงจะทำได้แล้วบางด้ามตอนนั้นก็หายากและราคาสูง คนส่วนใหญ่ก็จะไปเอาตัว “ของเล่น” ไปได้จากไหนมาไม่รู้ มือ1 มือ2 มาแล้ววงจรไม่พอใจ ก็ไปเอาออก เปลี่ยนใหม่ เพื่อที่จะใส่วงจรที่มันใหม่ขึ้น แต่ยังคงความ Original เดิม ๆ อยู่“แต่ว่าก็จะผลิตในกลุ่มเล็ก ๆ แบบเหมือนเขาทำเอง ว่าเนี่ยผมอยากได้ตัวละครเนี้ย เออผมทำให้เลย อะไรเงี้ยเขาก็จะทำตัวละครด้านนอกมาให้พอทำด้ามด้านนอกเสร็จ ก็ยังไม่จบนะยังไม่มีไฟ ก็ไปให้คนที่ทำเรื่องไฟทำให้ต่อ คนทำวงจรก็พัฒนาไปแล้วก็ส่งให้ เหมือนเป็นคอมมูนิตี้เป็นกลุ่ม ด้ามหนึ่งมันจะจบได้โดยที่มาจาก 3-4 คนถึงมาจบได้ที่ผมคนสุดท้ายอะไรเงี้ย”


แอดเย่บอกด้วย คนที่พัฒนาเรื่องวงจรก็คือจะเป็นคนอเมริกา บางคนก็เป็นอังกฤษ ส่วนคนที่ทำด้ามเก่ง ๆ ก็อย่างเช่น คนญี่ปุ่น แล้วก็มีคุยกับคนฮังการีด้วย“ซึ่งเป็นศิลปินที่แบบตอนแรก เขาอยู่สูงสำหรับผมมาก เพราะว่าเขาเป็นเหมือนไอดอลของผมเลย ดูงานแล้วผมอยากได้ของเขาผมก็เลย เกิดจากการที่แบบอยากจะซื้อแต่ซื้อไม่ไหว! เพราะว่าเขาขายแบบ 3000 ดอลลาร์อย่างเงี้ย 5000 ดอลลาร์ ซึ่งโหดมาก แล้วผมก็แบบเออทำเองก็ได้วะ! อะไรเงี้ยและก็เพราะว่าเรามีเครื่องมือแล้วเราใจเรามาสาย Crafting อยู่แล้ว ก็เลยทำเอง ทำจนแบบว่าโพสต์จนเขาเห็นพัฒนาการผม แบบว่าเอ้ยงานคุณดีขึ้น คุณมี skill เก่งขึ้นนะอะไรเงี้ย จนเขาแบบเริ่มมาคุยกับผมแล้ว กลายเป็นว่าเขาเริ่มมาคุยกับเราก่อนอะไรเงี้ย แล้วจากคนที่ซื้องานเราไปเขามาแชร์ แชร์จนแบบคนเริ่มรู้จักเยอะขึ้น จนกลายเป็นแบบว่าในกลุ่มต่างชาติรู้จักชื่อผม”


มีคิวงานจองกันข้ามปี!
ลูกค้าที่เป็นคนไทยก็มี แอดเย่บอกว่าจะเป็นแบบ “นักสะสม” สายฮาร์ดคอร์ ก็จะเก็บแบบนี้เหมือนกัน อย่างน้อยก็มีสักตัวหนึ่งที่ส่งมาให้ตนเองทำให้ แต่ว่าในส่วนของที่เป็น “คนทำ” แบบที่ตนเองทำอยู่ในบ้านเรายังไม่มี แต่ก็จะมีน้องคนหนึ่งทำเหมือนกัน
เขาชอบเหมือนกัน ซึ่งเขาก็มาหามาบอกว่าเขาได้แรงบันดาลใจมาจากเราที่ทำอยู่ก่อน

“ใน 1 ด้ามที่ทำจะใช้เวลา เมื่อก่อนเป็นเดือน แล้วมันเริ่มเร็วขึ้น งานก็อัดเยอะขึ้นด้วยเราก็เริ่มเร็วขึ้น หลัง ๆ ก็ประมาณสองอาทิตย์ ผมเคยหาคนช่วยแล้วครับแต่ว่าไม่ได้เลย แบบมันไม่ใช่ว่าเขาทำไม่เป็นหรืออะไร แต่ว่าบางทีบางอย่างด้ามแต่ละด้ามมันมีเป็นร้อย ๆ แบบ อย่างเงี้ย แล้วแบบแต่ละแบบข้างในมันมีสเกลเล็ก/ใหญ่ไม่เท่ากัน มันต้องทำจากความรู้สึกด้วย ความรู้สึกที่จะแบบว่าไอ้ในส่วนนี้มันต้องยื่นมาประมาณนี้นะ มันถึงจะสวย หรือว่าเราจะพอมันถ้าเกิดมันใส่ไม่ได้เราจะแก้ข้างในยังไง อย่างเงี้ย ผมไม่สามารถไปนั่งบอกเขาได้ว่า เออมันต้องทำอย่างเงี้ยทุกขั้นตอน คือบอกอย่างนั้นไม่ได้เลย มันต้องทำเอง ถ้าเกิดเขาจะเป็นเขาก็ต้องด้วยตัวเอง มันต้องรู้สึกอิน ใช่มันเลยบอกไม่ได้ แล้วผมก็สอนไม่ได้ด้วย ผมไม่รู้ว่าจะพูดยังไงให้เขาเข้าใจ ซึ่งไม่ใช่ว่าตัวเองพูดไม่รู้เรื่องหรือว่าหวงไม่หวงเลย แต่ต้องให้เขามาดูว่าแบบ เนี่ยมันต้องทำแบบนี้ทำให้ดู ว่ามันต้องทำอย่างนี้ แล้วถ้าด้ามอื่นมันมีปัญหาอีก ผมก็ต้องบอกอีกอย่างเงี้ย ซึ่งพวกนี้มันเกิดจากการทำบ่อย ๆ มันเกิดจากการที่แบบพอเราทำแล้วเรารู้เลยว่า อ๋อด้ามนี้ต้องแก้อย่างเงี้ยแล้ว ถ้าด้ามใหม่มาก็ต้องนั่งคิดใหม่ว่าต้องแก้ยังไง”

สำหรับผลงานที่ผ่านมา แอดเย่บอกว่าถ้าเป็นงานซ่อมก็เยอะมาก จำนวนเป็นหลักร้อยขึ้น ส่วนถ้าเป็นงาน “คริสตัล” ก็เกิน 50 เพราะว่าทำแล้วก็ปล่อยเลย แต่ว่าตอนนี้ไม่ค่อยมีเวลาทำของตนเองแล้ว“เขาส่งด้ามมา แล้วก็เหมือนกับว่าเขามีด้ามมาอยู่แล้ว เขาก็แค่อยากได้ข้างในใหม่ เขาก็ส่งมาที 2-3 อัน คนเดียวส่งมาทีครั้งละหลายด้าม ตอนนี้ก็แบบยาวเลย คิวงานที่รอทำอยู่มียาวไปจนถึงข้ามปีเลย”


“ความสำเร็จ” ที่มากกว่ารายได้
เราอดที่จะถามถึงเรื่องของ “รายได้” ไม่ได้ว่า แล้วมันจะเยอะถึงขนาดไหนกัน! ซึ่งแอดเย่เองก็ตอบให้ฟังไว้อย่างน่าสนใจเดือนหนึ่งผมก็เอาว่าขายแค่ด้ามเดียว ผมก็อยู่ได้ทั้งเดือนแล้ว ใช่! แต่ว่ามันจะเรื่องของแบบว่า มันไม่ใช่แค่ทำอันนี้ให้เขา แต่มันมีซ่อมมีอะไรกะจุ๊กกะจิ๊กเยอะแยะไปหมดเลย จนแบบว่าเดือนหนึ่งผมทำได้แค่1-2 ด้าม แล้วรายได้ก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้น หรืออย่างค่าเซอร์วิสก็คือจะแบ่งออกเป็นงานเป็นแต่ละประเภท ๆ ไป อย่างเช่นงานซ่อมก็จะดูตามหน้างานว่า เป็นอะไรมา อะไรเสีย เราก็จะคิดไปตามนั้น ไม่ได้แบบไม่ได้เก็บเยอะแบบไม่ได้ชาร์จเยอะ เพราะว่ามันไม่รู้ผมแค่รู้สึกว่า ผมก็ไม่ใช่แบบหัวธุรกิจขนาดนั้น หรือว่าผมสามารถแบบเอา lightsaber เข้ามาขายแบบเป็นธุรกิจได้ แต่ผมไม่ทำ ผมแค่รู้สึกว่า เออผมทำอย่างเงี้ยผมโอเค ผมชอบที่จะแบบว่าได้คุยกับเขาแล้วเขาแบบเขาชอบเหมือนกัน แล้วพอมีอะไรมาเขาก็มาหาผมอย่างเงี้ย เหมือนชอบอยากมีเพื่อนอย่างนั้นมากกว่า”


แอดมินเย่-ธนวัฒน์ ใจกล้า จากเพจ: LIGHTSABER Thailand บอกว่า ตนเองก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าอาชีพนี้มันจะอยู่ต่อไปอีกได้นานสักแค่ไหน แต่ก็คงอยู่ต่อไปพร้อมกับภาพยนตร์เรื่องSTAR WARS ที่ยังมีทำอยู่ เราก็ยังทำอยู่ คนต้องการเรา เราก็ยังอยู่ ก็จะเป็นประมาณนั้น

มันก็มีที่รู้สึกว่าล้าเหมือนกัน มันรู้สึกเหมือนกันตอนทำ แต่ทำเสร็จมันฟิน! ถามว่าตอนแรกก็ปวดหัวเหมือนกันพอเจอโจทย์ยาก ๆ แล้วแบบ ต้องแก้อย่างงั้นอย่างงี้แล้ว โอะ!งานหนักอีกแล้ว เหนื่อยอีกแล้วอะไรเงี้ย ท้ออีกแล้วอะไรเงี้ย แต่พอมันไฟท์เสร็จมันสู้เสร็จแล้วมันฟิน แล้วมันสำเร็จแล้วเขาพอใจ มันฟิน!”

ทำในสิ่งที่รักคืออิสระ รักในสิ่งที่ทำคือ “ความสุข” ขอบคุณแรงบันดาลใจดี ๆ อีกหนึ่งเรื่องที่ทรงพลัง จากเพจ
: LIGHTSABER Thailand



* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *


กำลังโหลดความคิดเห็น