xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป) ขนมครกสูตรชาววังความหวังใหม่สู้วิกฤต “ตกงาน”! ไม่ใส่ไส้ ลูกค้าชอบแบบนี้ ขายดีมากว่า 30 ปีแล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“แต่ลูกค้าบอกว่าเอาหน้าเปล่า ๆ เราก็เลยแบบพอดีน้องเขาแยกไปอีกสาขาหนึ่ง อยู่คนเดียวเลยยุ่ง ๆ หน้าธรรมดาเราก็ยังขายดีอยู่ก็เลยไม่ได้ใส่หน้าปล่อยเลยก็ยังขายดี แป้งจะกรอบ และก็หน้ากะทิก็จะเข้มข้น เราอาศัยความเข้มข้น หวาน มัน เค็ม”


หากนับรวมมาถึงตอนนี้ก็กว่า 30 ปีแล้วสำหรับ “ขนมครกสูตรต้นตำรับชาววัง” ที่แม่ประคองหรือ นางประคอง วงษ์บุตรดีในวัย58 ปีได้บุกเบิกทำอาชีพนี้มาพร้อมกับ “น้องสาว” ซึ่งเดิมตั้งร้านขายอยู่ตรงนี้มาก่อนแล้ว สถานที่ทำเลทองของการค้าขายสำคัญ คือ หน้า ธ.กรุงเทพ สาขาสามแยกไฟฉาย แม่ประคองบอกว่าปักหลักขายอยู่ที่นี่กันมาตลอด และยังอยู่ใกล้กับโรงเรียน(โรงเรียนนฤมลทิน ธนบุรี) จะมีฐานของลูกค้าที่เป็นผู้ปกครองมารับ-มาส่งบุตรหลานที่โรงเรียน คอยให้การสนับสนุนอุดหนุนขนมครกแสนอร่อยกันมาอย่างไม่ขาดอีกด้วย จริง ๆ งานนี้ต้องยกเครดิตให้กับผู้ปกครองรายหนึ่งด้วยที่ได้กรุณาช่วยแนะนำกับทางทีมงาน โดยบอกว่าให้มาชิมขนมครกเจ้านี้ลองดูสิ แล้วก็ไม่ทำให้ผิดหวังจริง ๆ เพราะนอกจากเรื่องรสชาติความอร่อยสมกับที่ลูกค้าประจำติดใจกัน เรื่องราวการทำมาหากินของแม่ประคองเองก็ยังนับได้ว่า เป็นอีกแรงบันดาลใจที่ดีให้กับคนที่กำลังมองหาอาชีพเพื่อเริ่ม “ชีวิตใหม่” ในการก่อร่างสร้างตัวอีกครั้ง เป็นตัวอย่างหนึ่งได้!

เทคนิคสำคัญที่ช่วยให้แป้งกรอบด้วย ต้องเกลี่ยหรือเขย่ากระทะให้แป้งกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอกันดี
ขนมครกสูตรชาววัง ความหวังใหม่สู้วิกฤต “ตกงาน”!
จากคนที่ขี้อายมาก ๆ ในชีวิตนี้ไม่เคยคิดว่าจะมาเป็นแม่ค้าเลย แม่ประคองบอกกับเราว่า แต่ด้วยสถานการณ์ที่มันบังคับ! ในช่วงนั้นย้อนไปเมื่อปี 2540 ตนเองตกงานอยู่จากภาวการณ์ทางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ตอนนั้น ก็เลยมาขายของช่วยน้องสาวลองดูซิ เพราะว่าน้องเปิดร้านขนมครกขายอยู่ตรงนี้มาก่อนได้สักพักใหญ่แล้ว “จริง ๆ น้องสาวขายก่อนเราตกงานเราก็เลยมาช่วยน้อง ว่าเออรองานใหม่อยู่ค่ะ แล้วคราวนี้พอมาก็เออเห็นน้องขายดีเนาะเราก็แบบในชีวิต ไม่เคยคิดจะเป็นแม่ค้าเลย เพราะว่าขี้อายมากแค่ลูกค้ามองนี่ก็สั่นแล้ว แต่พอมาลองขายดูก็เออมันเห็นตังค์! ขายดี แล้วได้เงินทุกวันด้วยเนาะ เราก็เลยโอ้โห ไม่อยากไปแล้วทำงาน เป็นแม่ค้าดีกว่า”

พอสุกดีแล้วจะได้ขนมครกแสนอร่อยหน้าตาแบบนี้
สูตรจากญาติให้มา แล้วปรับปรุงพัฒนาเพิ่มใหม่
ก็ญาติ ๆ กันญาติให้สูตรการทำขนมครกชาววังมา แต่ว่าในช่วงแรก ๆ สูตรก็ยังไม่ค่อยลงตัว เราก็มาปรับปรุงเองเรื่อย ๆ เพื่อให้ออกมาแบบได้กรอบ! ได้รสชาติแบบนี้

แม่ประคองบอกว่าลูกค้าชอบแบบนี้ หน้าเปล่าๆ ไม่มีไส้แต่เน้นกะทิเข้มข้น หวานมัน เค็ม
“ก็น้องสาวขายก่อนตกเกือบ 30 ถึงตอนนี้ก็ 30 ปีแล้ว แต่ว่าน้องสาวเขาย้ายไปเปิดขายอยู่ที่แถว ๆ ลาดกระบังค่ะ ก็ขายดีของน้องเขาไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงจะทำแบบเดิม ๆ แต่ของเรานี้เปลี่ยนแปลงเพิ่ม “แป้ง” มาอีกตัวหนึ่ง มันจะทำให้มีความกรอบขึ้น” ก็มีการพัฒนา แต่ว่าเอกลักษณ์ก็คือไม่แต่งหน้า(ไม่ใส่ไส้) เท่านั้นเอง เน้นความเข้มข้นของกะทิอย่างเดียวพอ “ลอง ๆ พอลูกสาวมาจะลองใส่หน้าดูอีกรอบหนึ่งก็ ลูกค้าก็ยังเอาเปล่า ๆ เอาเปล่า ๆ อยู่เหมือนเดิม ลูกค้าไม่เอาแบบใส่ไส้ ลูกค้าชอบแบบนี้” ก็เลยกลายเป็นขนมครกแม่ประคองต้องหน้าตาแบบนี้มาตลอด

บางจังหวะที่แคะรอไว้ก็จะอังความร้อนจากฝาปิดกระทะช่วยอุ่นไปในตัวด้วย
ขนมครกต้องใช้เวลา ทำสดใหม่ของหมดวันต่อวันพอ!
ปัจจุบันร้านขนมครก(รถเข็น)ของแม่ประคองที่เปิดขายอยู่ บนทางฟุตบาทซึ่งมีการอนุญาตใช้พื้นที่ได้จากทาง กทม.(แบบจ่ายค่าเช่าที่) ถนนใหญ่จรัญสนิทวงศ์ช่วงพิกัดที่ตั้งร้านคือ หน้า ธ.กรุงเทพ สาขาสามแยกไฟฉาย ใครผ่านไป-มาสามารถแวะซื้อได้สะดวกซึ่งเราเองก็เห็นว่ามีลูกค้า คาดเดาน่าจะเป็นลูกค้าประจำกันเดี๋ยวก็แวะ ๆ มาจอดรถเรียกซื้อขนมครกอยู่ตลอด จากราคาขาย 1 กล่อง 20 บาท(มี 6 คู่) ตอนนี้แม่ค้ามี 2 คนก็พอที่จะรับมือไหวกับงานขายแล้ว ถามเจ้าของร้านว่าตอนแรกเลยมีหลายเตาแบบนี้ไหม เพราะจากที่เห็นอยู่ในร้านมีทั้งหมด5 เตาด้วยกัน ก็ได้รับคำตอบมาว่า “ก็เท่านี้ล่ะค่ะลองเพิ่มแล้วแต่ว่า เข็นไม่ไหว เคยลองเพิ่มแล้วเอาไม่ทันด้วย! เอาไม่ทันเวลาสุกแล้วทำไม่ทันเลย ตอนนั้นลูกยังไม่มาช่วย”

น้องส้ม ผู้ช่วยคนเก่งของแม่โชว์กล่องขนมที่ร้านขายอยู่กล่องละ 20 บาท ราคามหาชนมาก ๆ
ถามต่ออีกว่าแล้วการลงทุนเป็นอย่างไรบ้าง “ก็เราจะสั่งแป้งมาทีเยอะ ๆ เลยค่ะ แล้วก็ต่อวันเราก็จะจ่ายเฉพาะค่ากะทิอย่างเดียว
แป้งกับน้ำตาลเราจะสั่งมาไว้ กะทิก็วันหนึ่ง ๆ ใช้ประมาณ 
14กก. เป็นหัวด้วยและก็หางของกะทิจะใช้ทั้งสองอย่างเลย อย่างละครึ่ง ซึ่งก็จะต้องขายให้หมดต่อวันไปเลย ใช้ให้หมด แป้งเราก็ใช้ต่อวัน 3 หม้อเนาะ หม้อหนึ่งก็ 2 โลประมาณ 2 กิโลครึ่ง ใช้วันหนึ่งก็ 3 หม้อครึ่ง”


ขนมครกยกถาดในราคาเพีบง 55 บาท/กล่อง
เริ่มออกมาขายตั้งแต่ประมาณตี 5 บางทีก็ตี 5 ครึ่ง ถ้าสายหน่อย พอสักประมาณ 06.30 น. เริ่มแคะขายได้ ก็จะเรื่อยไปตลอดทั้งวันจนกว่าของจะขายหมด ประมาณ 17.00-18.00 น. แต่ว่าบางทีของก็ขายหมดก่อนตั้งแต่บ่าย 2 กว่าหรือบ่าย 3 ประมาณนี้ก็มี เพราะว่าขนมครกมันจะต้องใช้เวลาอย่างเช่น การหยอดต่อ1 กระทะใช้ระยะเวลากว่าจะสุกดีก็ราว ๆ 15-20 นาที ถ้าราคาขายก็จะได้อยู่ที่ 47 บาท/1 กระทะ หรือถ้าขายแบบชุดขนมครกยกถาดที่ลูกสาวทำอยู่ราคาก็ 55 บาท/กล่อง


มีลูกค้าประจำเหนียวแน่น อาชีพนี้ส่งลูกเรียนและได้บ้าน2 หลัง!!!
จากที่ได้ยินลูกค้าประจำของร้านบอกเล่ามา รวมกับที่แม่ประคองเล่าให้ฟังด้วยว่ามีลูกค้าเก่า ๆ กันที่ย้ายไปที่อื่นก็พอผ่านมาตรงนี้ ก็จะมาแวะหาด้วย ซึ่งร้านจะหยุดเฉพาะวันจันทร์วันเดียวส่วนนอกนั้นใครแวะผ่านไป-มาก็จะเจอตลอด ถามแม่ประคองว่าได้อะไรบ้างแล้วจากการทำอาชีพนี้? เราเคยได้ทราบข้อมูลจากแม่มาก่อนหน้าแล้วคือเจ้าตัวเป็น “คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว” ต้องรับบทในการดูแลเลี้ยงดูลูก ๆ ทั้ง2 คนมาโดยลำพังจนถึงตอนนี้ จากเคยอยู่บ้านเช่า“ก็ได้บ้านน่ะค่ะได้บ้าน2 หลัง แล้วก็ส่งลูกเรียนด้วย ลูกสาวทั้ง2 คนสามารถส่งเสียให้เรียนจนจบปริญญาตรีได้ อย่างตอนนี้คนโตก็กลับมาช่วยแม่ แต่ส่วนคนเล็กตอนนี้ก็ทำงานแล้ว”

แม่ประคองยังบอกด้วยว่า อาชีพนี้ตั้งแต่เริ่มทำมาจนกระทั่งถึงตอนนี้ ตนเองโชคดีมาก ๆ ที่ไม่เคยมีปัญหาหรืออุปสรรคใด ๆ เลย ขายได้ตลอดหรือเรียกได้ว่า ขายดีมาตลอดอย่างไม่เคยสะดุดอะไรเลย และถึงแม้ว่าในยุคนี้ที่ข้าวของอะไร ๆ โดยเฉพาะค่าวัตถุดิบต่าง ๆ ขึ้นราคาแพงกว่าแต่ก่อนค่อนข้างมาก ทว่าการขายสำหรับที่ร้านแม่ประคองยังยืนยันว่า ก็ไม่ได้ปรับราคาให้แพงขึ้นตามหรือว่าลดต้นทุนในเรื่องของวัตถุดิบที่ใช้อยู่ ไม่มีอะไรที่ลดลงไปจากเดิมทั้งสิ้น ยังคงไว้คือรสชาติที่เข้มข้นอย่างที่ลูกค้าคุ้นเคยกัน ได้กำไรน้อยลงหน่อย แต่อาศัยว่า “บ้าน” ไม่ต้องเช่าแล้วเพราะตอนนี้เรามีเป็นของตนเอง ก็เลยเอาตรงส่วนนี้มาชดเชยกันเพื่อให้ลูกค้าที่อุดหนุนกันมานานยังคงได้กินของอร่อย และราคาก็ไม่แพงจนเกินด้วย


ส่งต่ออาชีพจากรุ่นสู่รุ่น ว่าที่คุณครูสู่อาชีพค้าขาย
ด้าน นางสาวลัญช์รัตน์ วงษ์บุตรดี หรือน้องส้มลูกสาวของแม่ประคองก็บอกด้วย พอเรียนจบ ม.ราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา คณะครุศาสตร์ สาขาจิตวิทยาและการแนะแนว ไปทำงานแล้วแต่ว่าเจอปัญหาเยอะกอปรกับหลาย ๆ สิ่งหลาย ๆ อย่าง ตอนนั้นคิดเพียงว่าเราจบใหม่ก็อยากที่จะทำงานในสิ่งที่ตนเองเลือกเรียนมา รักในอาชีพนั้นก่อน แต่ทีนี้พอหลัง ๆ มาเริ่มเจอปัญหาเยอะหลายอย่าง แล้วรายได้ที่ได้มันไม่พอที่จะเลี้ยงคนอื่นได้เราก็เลยรู้สึกว่าเออพอแม่เค้าแบบว่า ไม่ไหวแล้ว คือเขาอายุเยอะแล้วค่ะ แล้วเราเองคือจะช่วยแม่มาตลอดนะคะตั้งแต่สมัยเรียน ก็คือหนูก็จะช่วยเตรียมของแล้วก็มาช่วยขาย พอเลิกจากเรียนหนังสือก็มาช่วย พอทำงานเสร็จหนูกลับจากที่ทำงานหนูก็ต้องมาช่วยแม่เตรียมของ ล้างของให้แม่ค่ะ คือช่วยมาตลอดซึมซับมาตลอดค่ะ จนแบบว่าเราที่ออกมาเลย ที่ตัดสินใจออกมาเลยเพราะว่า คือแม่เขาไม่ไหวแล้วอย่างเงี้ยค่ะ คืออายุเยอะแล้วด้วย แล้วหนูก็เลยออกมาเลยแล้วก็มาช่วยตรงนี้ แล้วก็คือพอเราทำไปได้สักพักเราก็เห็นว่า รายได้มันดีกว่าที่เราทำงานประจำอีกนะ!เรารู้สึกว่าเราตัดสินใจช้าไปด้วยซ้ำ ที่จะแบบเออทำไมเราไม่มาช่วยแม่ตั้งแต่แรกอะไรอย่างเงี้ยค่ะ”


อิสระและรายได้ ที่คุ้มค่ากว่า!
น้องส้มบอกว่า ก็จะทำร่วมกันกับคุณแม่ เวลามีอะไรก็คือต้องปรึกษากันก่อน เพราะว่าแม่เขาจะมีประสบการณ์มาก่อน ทุกครั้งจะถามแม่ก่อนว่าโอเคมั้ย แล้วก็จะลองดูก่อนว่าเป็นอย่างไร ลูกค้าเขาโอเคมั้ยคือเวลาที่ลูกค้าแนะนำเราก็ไปปรับปรุงพัฒนานะคะ
อย่างส่วนใหญ่กลุ่มลูกค้าหนูจะชอบกรอบ ๆ ค่ะ และก็ไม่มีไส้ เราก็เลยโอเคเราปรับเปลี่ยนสูตร จากที่เราสูตรที่เราได้มาเราก็มาพัฒนาเป็นของเรา ส่วนใหญ่ลูกค้าจะเป็นลูกค้าที่แบบว่ากินทุกวัน กินประจำ กินยันครอบครัวเลยค่ะ ตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่รุ่นลูกรุ่นหลาน คือแบบว่าเขาย้ายไปแล้ว แล้วทีนี้เขาผ่านเส้นจรัญฯ เนี่ยเขาต้องแวะกิน เขาบอกว่ากินที่ไหนก็ไม่อร่อยสู้ของแม่ อันนี้คือแล้วแต่กลุ่มลูกค้านะคะ แต่ว่ากลุ่มลูกค้าหนูจะพูดเสียงเดียวกันว่า กินที่ไหนก็ไม่อร่อย คือแบบว่านิ่มแล้วเย็นแล้วก็ยังกินได้ แป้งไม่แข็งแล้วก็กะทิเข้มข้น อร่อย ค่ะ”


ถามน้องส้มว่าคิดอย่างไรกับการเปลี่ยนอาชีพครั้งนี้ในมุมมองของคนรุ่นใหม่ ส้มบอกว่า“ส้มว่าอยู่ที่เรานะคะถ้ากล้าตัดสินใจ คือถ้าเราแบบว่ามีความตั้งใจจริงยังไงก็สำเร็จค่ะ มีคนถามว่าทำไมถึงมาเป็นแม่ค้า ร่ำเรียนจบมาถึงปริญญาตรีอะไรอย่างเงี้ยค่ะ ตอนแรก ๆ มาขายก็โดนลูกค้าถามแบบนี้เหมือนกัน แต่ว่าบางคนเขาเข้าใจนะคะ บางคนก็เขาก็ดีที่แบบว่าเออมาช่วยแม่อะไรอย่างเงี้ยค่ะ แต่บอกได้เลยว่าหนูภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกแม่ ลูกแม่ค้าขนมครกค่ะ” ในอนาคตน้องส้มยังบอกด้วย ก็จะยังอยู่ในอาชีพนี้ต่อไปในอนาคตอาจจะขยายสาขาเพิ่มด้วย แต่ว่าตอนนี้ด้วยสภาวะเศรษฐกิจด้วยประกอบกับอะไรหลาย ๆ อย่างก็เลยยังไม่อยากเสี่ยง ขออยู่แบบพอเพียงเพื่อรอดูสถานการณ์ต่าง ๆ ให้แน่ใจก่อน เพราะว่าตอนนี้ก็มีกลุ่มลูกค้าของเราเองอยู่แล้ว

ต้องขยันและอดทนอย่างมาก ๆ แต่พอเห็นรายได้แล้วก็หายเหนื่อย!
ก่อนจบบทสนทนาในครั้งนี้เราถามเจ้าของร้านขนมครกแม่ประคองว่า มีเคล็ดลับที่เป็นหัวใจความสำเร็จคืออะไรบ้างแม่ประคองบอกกับเราว่า“เคล็ดลับเหรอคะก็ ขยันและก็ประหยัด อดทน อดทนมาก! คือแบบไม่ค่อยอยากหยุดน่ะเนาะมันเห็นตังค์แล้วมันสู้! ค่ะ หายเหนื่อย เหนื่อยแค่ไหนก็สู้”

“ขยัน ประหยัด และอดทน” คาถาพิชิตความจนนำพาสู่ความร่ำรวย! ขอบคุณข้อมูลแห่งแรงบันดาลใจดี ๆ จากร้านขนมครกแม่ประคอง สอบถามเพิ่มเติมโทร.061-724-1564



* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *


กำลังโหลดความคิดเห็น