อาชีพลงทุนหลักหมื่น ขายได้วันละ 15,000 ถึงแตะ 2 หมื่น! ต่อเนื่องมากว่า 3 ปีแล้ว อดีตเซลส์รถมือดีจับทางผู้บริโภคได้ตรงใจ หันขายซีฟู้ดพรีเมียมนำเข้าจากหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์สู่ “ปลาแซลมอนย่างเนย” ในราคาที่เข้าถึงได้!
“ก่อนหน้านี้อุ๊ขายซีฟู้ดย่างเป็นพวกหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ ขายอยู่ที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยมก่อนแล้วจึงย้ายมาอยู่ที่ ฟู้ดวิลล่า ถนนราชพฤกษ์ ซึ่งที่นี่เขามีเปิดขายตอนเย็นด้วย ก็เลยเปลี่ยนเป็น “ปลาแซลมอนย่าง”ลองดูช่วงที่ย้ายมาเป็นเพราะว่าเจอโควิดฯ เลยทำให้ตลาดน้ำฯ ต้องปิดไป พอลองขายดูปรากฏว่าก็ขายได้และดีมาเรื่อย ๆ จนถึงตอนนี้”
คุณอุ๊-อรวรรณ ทองตัน เจ้าของร้าน “ปลาแซลมอนย่าง” by คุณอุ๊ เล่าถึงที่มาของอาชีพปัจจุบันพร้อมกับย้อนอดีต “คนเคยทำงานประจำ” ให้ฟังด้วยว่า ก่อนจะมาเป็นแม่ค้าซึ่งจริง ๆ แล้วตนก็ไม่ได้อยากจะเป็นแม่ค้าเลย(หัวเราะ) แต่เพราะความที่เป็นคนมีอัธยาศัยไมตรีดีชอบคุยชอบพบปะกับผู้คน ซึ่งเป็นพื้นฐานเดิมมาจากงานเก่า คือ ตนเองเคยเป็นเซลส์ขายรถยนต์ฮอนด้ามานานกว่า 10 ปี แล้วจึงเปลี่ยนมาทำมาร์เก็ตติ้งสายงานตรงตามที่ตนเองเรียนจบ ป.ตรี มา อยู่ในบริษัทไฟแนนซ์ของญี่ปุ่นอีก ราว 7 ปี ก่อนที่ชีวิตหลังจากนั้นมีการเปลี่ยนผ่านมาแล้วหลากหลายพอสมควรในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนกระทั่งวันหนึ่งได้ไปเที่ยวหาเพื่อนที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยมและนำมาสู่อาชีพใหม่ การเป็นแม่ค้าในธุรกิจอาหาร ซึ่งก็ไม่น่าเชื่อว่าตนเองพอมาจับทำอะไรก็ขายได้ ขายดีเลย! มาตั้งแต่ร้านแรกที่เริ่มต้นการขายซีฟู้ดมา
“ปลาแซลมอนย่างเหตุผลที่เลือก ปลาแซลมอน เพราะว่าไปนั่งกินตามร้านอาหารที่ค่อนข้างจะราคาสูง เราก็มีความรู้สึกว่า ถ้าเราเอามาทำในราคาที่ต่ำกว่าในห้างฯ คนต้องชอบ ก็เลยแค่นี้เอง! ก็เลยว่าเอามาลองย่างดูไหม คนชอบแน่นอน เพราะว่าส่วนใหญ่เรากิน คนจะกินซาซิมิ ปลาดิบ อะไรแบบนี้ ราคามันก็สูง แล้วกินแบบนี้มันก็ 50 /40 คนก็กินได้แล้วค่ะ แต่ถ้าคนจะไปกินซาซิมิราคานี้มันกินไม่ได้ ต่ำ ๆ คือ 100 อัพ ๆ ถึงอยากจะกินน้อยก็ต้องซื้อ 100 กว่า ถึงจะไปซื้อในห้างค้าส่งใหญ่ ๆ ก็เป็น 100 ถึงอยากจะกินน้อยถูกไหมคะ แต่ถ้าสมมุติวันนี้อยากกินไม้เดียว 40 บาท มากินที่อุ๊ก็ได้”
ในความเหมือนที่แตกต่าง คุณอุ๊เล่าว่า ความใส่ใจ รสชาติปลาอาจจะเหมือนกัน แต่ที่ร้านจะมีการทอดปลาให้กรอบเพื่อจะรีดเอาน้ำมันปลาออกให้มันแห้งที่สุด สินค้าก็เลยไม่เหมือนใคร ทำให้ลูกค้าชอบ และอีกอย่างคือมีสูตร “น้ำจิ้มซีฟู้ด” รสชาติจะเผ็ด ๆ อร่อยกว่าร้านอื่น โดยจะย่างปลาให้กรอบ ๆ ส่วนเนื้อปลาก็จะมีการคัดสรรแต่ที่ “คุณภาพ” จริง ๆ แล้วนำมาจำหน่ายในราคาที่ไม่สูงมากนัก ซึ่งก็จะมีขายอยู่ 2 แบบ คือ แบบท้อง ก็จะติดมันหน่อย ราคาไม้ละ 40 บาท และก็แบบเนื้อ (เนื้อล้วน) ราคาไม้ละ 50 บาท ที่นำมาเสียบไม้ ซึ่งไซส์ที่ให้ไปขนาดนี้ลูกค้าทานกับข้าว1 ไม้ ซื้อข้าว 10 บาท ก็ทานอิ่มท้องเลย ปลาก็จะทอดกับเนยเยอะ ๆ ซึ่งทำให้น้ำมันที่ออกจากปลาทำให้ปลากรอบหนังกรอบ รสชาติดีขึ้นน่าทานมากขึ้นไปอีก
คุณอุ๊ ยังบอกด้วย การใช้วัตถุดิบเป็น “ปลาแซลมอน” แบบนี้ คนอาจจะคิดว่าต้นทุนสูง แต่สำหรับที่ร้านเองอาศัย “จำนวน” มากและได้ “กำไร” ในปริมาณก็เลยทำให้พออยู่ได้ เมื่อคิดเป็นต่อไม้ ซึ่งหลัก ๆ จะไปซื้อวัตถุดิบมาจากแหล่ง/ห้องเย็น ครั้งหนึ่ง ๆ ซื้อมาเป็นแบบยกลัง หรือเรียกอีกอย่างว่าเป็นเบ้า ๆ ละ 20 กก. อย่างน้อยก็ 10 เบ้า/รอบขึ้นไป เพราะต้องไปซื้อไกลถึงมหาชัยก็เลยทำให้มีค่าน้ำมันเป็นต้นทุนเพิ่ม อย่างช่วงนี้น้ำมันแพงก็ต้องไปให้น้อยครั้งได้จะดีที่สุด ซึ่งพอทำมากว่า 3 ปีแล้ว ก็เริ่มมีตู้แช่สำหรับการเก็บสต็อกวัตถุดิบเอาไว้ด้วย อาจจะเพิ่มต้นทุนคือค่าไฟฟ้าขึ้นมาอีกนิด แต่ว่าก็ยังพอบริหารจัดการได้อยู่
สำหรับการขายและยอดขายต่อวัน คุณอุ๊บอกว่า ที่นี่ในส่วนของตลาดเย็นจะเปิดขายตั้งแต่เวลา 16.00 น.- 21.00 น. ทุกวัน การเตรียมของเพื่อสำหรับการออกขายต่อวันก็จะมี เนื้อปลาแซลมอนเสียบไม้ จำนวน 150 ไม้ กับท้องปลาแซลมอนเสียบไม้ จำนวน 200 ไม้ หรือคิดเป็นยอดขายก็ประมาณ 15,500 บาท หลัก ๆ ก็จะเตรียมอยู่ในจำนวนเท่านี้ต่อวัน เน้นขายได้หมดไม่มีปลาเหลือตกค้าง และเพื่อความสดใหม่เสมอ ซึ่งก็สามารถขายได้หมดทุกวัน เพราะลูกค้าที่นี่ค่อนข้างจะให้การตอบรับดีมีการซื้อซ้ำ เวลาจะซื้อก็จะมาสั่งเอาไว้ก่อนแล้วพอเดินตลาดเสร็จก็จะมารับกลับบ้าน ทำให้การขายยังคงสามารถขายได้เรื่อย ๆ ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องขายไม่ออกเลยสำหรับที่นี่
การลงทุนและอุปกรณ์หลัก ๆ ที่ต้องใช้ นอกจากเรื่องวัตถุดิบคือ “ปลาแซลมอน” แล้ว คุณอุ๊บอกว่าการลงทุนหลัก ๆ ของการทำร้านปลาแซลมอนย่างก็จะมี หน้าร้านหรือ “รถเข็น” ซึ่งแบบที่ตนเองใช้อยู่ราคาก็ประมาณ 2 หมื่น-2 หมื่นสี่ กับมี “เตากริล” หรือเตาสำหรับการใช้ย่างเนย ราคาก็อยู่ประมาณ3-4 พันบาท/เตา แค่นี้เอง ถ้าคนที่ต้องการรถเข็นแบบนี้การลงทุนที่ต้องใช้ก็อาจจะสูงหน่อย แต่ถ้าไม่มีรถเข็นการลงทุนทำร้านก็อาจจะแค่หมื่นเศษ ๆ ก็เปิดขายได้แล้ว ที่เหลือก็เป็นพวกวัตถุดิบในการทำซอสหวาน (คล้าย ๆเทอริยากิ) กับน้ำจิ้มซีฟู้ด ซึ่งต้องยอมรับว่าราคาทุกอย่างตอนนี้ขยับแพงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็น พริกขี้หนู ผักชี มะนาว ฯลฯ หรือแม้แต่ปลาแซลมอนเองอย่างบางช่วงของก็มีน้อยทำให้ราคาสูงขึ้นด้วย แต่ทางร้านเองก็ยังคงยืนหยัดในราคาเดิมอยู่ ยังไม่คิดที่จะขึ้นราคาขายแพงกว่านี้ในช่วงนี้
ไม่มีแฟรนไชส์แต่ถ้าใครสนใจก็มาปรึกษาได้ พอหลังจากมีโอกาสได้ออกสื่อไปหลายต่อหลายรายการ คุณอุ๊เล่าว่าทำให้มีคนสนใจติดต่อเข้ามาขอซื้อแฟรนไชส์เพื่อไปทำร้านบ้าง ซึ่งส่วนตัวมองว่าการทำแฟรนไชส์แล้วถ้าตนเองทำไม่ได้ดี มันก็จะมาเสียที่ตัวเราเอง สู้ว่าถ้าลูกค้าอยากกินก็มาหาตนเองที่นี่ได้ มาปรึกษาหรือใช้คำว่า ทดลองขายดีกว่า ลูกค้าจะได้แบบว่าจับต้องได้ เพราะตนเองก็เคยซื้อแฟรนไชส์มาก่อน หลักหมื่น (5-6 หมื่น) แต่พอไปขายแล้วไม่ประสบความสำเร็จ ก็ต้องเสียเงินทิ้งไป และเข้าใจคนที่อยากขายของ ซึ่งหากตนตั้งราคาขายเป็นแฟรนไชส์ สมมุติว่า 19,000 คนมาซื้อไปแล้วเขาขายไม่ได้ ทำเลไม่ได้ และเขาทำสินค้าไม่ได้ ขายปลาไม่ได้ เก็บ(สต็อก)ปลาไม่ได้ ฯลฯ พอเขาเสียหายก็ยิ่งทุกข์หนักไปอีก สู้มาติดต่อมาถามตนเองดีกว่าว่า ทำอย่างไร ขายอย่างไร คุณมีแหล่งที่ขาย ดี ๆ ไหม อะไรแบบนี้คือมาปรึกษากัน แล้วคุณไม่ต้องมาเสียค่าแฟรนไชส์
ร้าน “ปลาแซลมอนย่าง” by คุณอุ๊ ตลาดฟู้ดวิลล่า ถนนราชพฤกษ์ เปิดขายทุกวัน ตั้งแต่เวลา 16.00 น. – 21.00 น. หรือสอบถามเพิ่มเติมโทร. 089-697-1441
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *
