เส้นทางชีวิตของ ผู้หญิงเก่ง ชื่อว่า นางสาวขวัญชนก ทวนวิจิตร (น้องแป้ง) ประธานบริษัท วิ้งค์ไวท์ พานาเซีย จำกัด จากลูกชาวนา แม่ขายข้าวแกงตลาดนัด ในวัยเด็กต้องช่วยเหลือครอบครัวทำงานทุกอย่าง แม้แต่งานที่เด็กผู้หญิงทั่วไปไม่อยากออกไปทำ คือ การที่ต้องออกไปตากแดดเลี้ยงวัว การไม่ได้มีต้นทุนชีวิตเหมือนคนอื่นๆ ทำให้เธอต้องลุกขึ้นสู้ ตั้งแต่วัยเรียน เพียงแค่ให้มีรายได้ดูแลครอบครัว และคนรอบข้าง เริ่มแค่ให้มีกินในแต่ละวัน แต่ความสำเร็จของผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ ส่งให้เธอมีมากกว่าแค่มีกินไปวันๆ เพราะเธอกลายเป็นเศรษฐีป้ายแดง ที่มีรายได้หลักหมื่นล้านบาท กับโรงงานผลิตเครื่องสำอาง 3 แห่ง
เส้นทาง 11 ปี ทุ่มเททำงาน จากเด็กเลี้ยงวัว กลายเป็นเศรษฐีหมื่นล้าน วัย 30 ปี
วันนี้ พามารู้จัก กับผู้หญิงเก่ง คนนี้กันอีกครั้ง “ขวัญชนก” เจ้าของผลิตภัณฑ์ความงาม “Wink White” ระยะเวลา 11ปี บนเส้นทางธุรกิจสร้างแบรนด์ Wink White วันนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะการโหมทำตลาดอย่างหนัก บนแพลตฟอร์มออนไลน์ และบวกกับทีมตัวแทนจำหน่าย ที่แข็งแกร่ง แต่เหนือสิ่งอื่นใด ความสำเร็จในวันนี้ ของ Wink White มาจาก ผู้หญิงคนนี้ “ขวัญชนก” บอกว่า แม้วันนี้ใครมองเข้ามา ว่า เธอประสบความสำเร็จอย่างมาก การันตีได้จากยอดขายหลักหมื่นล้านบาท แต่กว่าจะมีวันนี้ เธอต้องทุ่มเททำงานอย่างหนัก ทุกอย่างต้องผ่านการตัดสินใจ และลงมือทำด้วยตัวของเธอเอง ถึงวันนี้จะมีพนักงานหลายร้อยคน ที่เข้ามาช่วยทำงานแต่เธอก็ยังขอลงมือทำด้วยตัวเอง
ด้วยเหตุนี้ ทำให้ “ขวัญชนก” คุณแป้ง แม่ค้าขายสบู่ ทางโลกออนไลน์เริ่มต้นทำธุรกิจ จากการแบ่งเงินกู้ กยศ.เพื่อใช้สำหรับการเรียน นำมาต่อยอดซื้อสบู่มาขายเพื่อนๆ ในมหาวิทยาลัย จากเงินกู้ กยศ.ได้มาหลักพันบาท กลายเป็นเงินหลักหมื่น และ เพิ่มเป็นหลักแสนบาท ทำให้เธอเรียนจบแบบสบาย แม้ว่าจะไม่มีเงินของทางบ้านมาช่วยเหลือเลย แต่ทางกลับกัน เธอกลายเป็นเสาหลักของครอบครัว ตั้งแต่อยู่ในวันเรียนที่มีอายุเพียง 20 ปี และได้จับเงินร้อยล้าน ในวัย 25 ปี ผ่านมา 5 ปี การสร้างแบรนด์ Wink White แม้จะมีคู่แข่งในตลาดมากมาย ทุกคนต้องการจะเป็นเหมือนกับเธอ แต่ก็ไม่ได้ส่งกระทบต่อยอดขายของวิ้งค์ไวท์ แต่อย่างใด เพราะวันนี้ ไม่ว่าจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ตัวไหน ลูกค้าก็ยังคงเชื่อใจ และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของเธอ วัดได้จากยอดขายเพิ่มขึ้นในช่วง 4 ปีหลัง ที่เธอมียอดขายหลายพันล้านบาท มีการลงทุนทำโรงงานของตัวเอง ถึง 3 แห่ง มีทีมวิจัย R&D ของตัวเอง ใช้เงินลงทุนทำโรงงานไปกว่า 300 ล้านบาท เป้าหมาย คือ การมุ่งไปสู่การเป็นมหาชน ในตลาดหลักทรัพย์ เพราะความหวังของแป้ง คือ อยากให้ทุกคนมาเป็นส่วนร่วม และเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ Wink White เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน
“สำหรับรายได้ของ วิ้งค์ไวท์ ปัจจุบัน ยังคงมาจากการทำตลาด ผ่านตัวแทนจำหน่าย ในสัดส่วนเกือบ 100% โดยแบ่งเป็นตัวแทนขายในประเทศ 80% และต่างประเทศ 20% โดยในต่างประเทศมีตัวแทนในกลุ่มประเทศAEC ทุกประเทศ และได้ขออย.ในแต่ละประเทศด้วย รวมถึงการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องทั้ง 10 ประเทศ ในส่วนของโรงงาน ในตอนนี้ ยังคงผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ของ Wink White เพียงอย่างเดียว เนื่องจากกำลังการผลิตยังไม่พอกับยอดจำหน่าย ซึ่ง ในอนาคตมีแผนที่ขยายไลน์การผลิตโดยรับจ้างผลิตให้กับตัวแทนที่สนใจ ต้องการจะสร้างแบรนด์ของตัวเอง ซึ่งที่ผ่านมา มีดารานักแสดงหลายคนสนใจ ต้องการให้แป้งเข้าไปช่วยสร้างแบรนด์ให้ ก็เป็นขั้นตอน ต่อๆไป ของการทำงาน”
“ ส่วนสาเหตุที่แป้งเลือกที่จะทำโรงงานเอง ทั้งที่เมืองไทยมีโรงงานผลิตเครื่องสำอางคุณภาพที่พร้อมจะผลิตให้เรา ส่วนหนึ่ง และส่วนสำคัญ คือ แป้งต้องการมีสูตรที่มาจากทีมวิจัยของเราเอง และการมีโรงงานของเราเอง ทำให้เรารู้ว่าเราอยากจะใส่อะไรลงไปเท่าไหร่ เราทำได้เต็มที หรือในอนาคต สินค้าจะต้องมีเรื่องของนวัตกรรมเข้ามาช่วยถึงจะสามารถแข่งขันได้ ถ้าเรามีโรงงานเอง ทีมวิจัยเอง ทำให้การทำงานของเราง่ายและรวดเร็วขึ้น และที่สำคัญลูกค้าจะได้สิ่งที่ดีที่สุดที่เราเลือกให้ แต่ถ้าเราจ้างโรงงานอื่นๆ ผลิต แป้งไม่มั่นใจว่าเขาจะควบคุมคุณภาพให้กับเราได้อย่างที่เราต้องการ หรือไม่ นั่นคือ เหตุผลที่เรากล้าลงทุนทำโรงงานถึง 3 แห่ง และการที่เรามีสินค้าคุณภาพ ตัวแทนเขาก็ยังคงอยู่กับเรา ไม่ไปขายยี่ห้ออื่นๆ”
“วิ้งค์ไวท์” มาถึงเป้าหมายยอดขายเฉียดหมื่นล้าน ได้อย่างไร
ขวัญชนก เล่าถึง ความสำเร็จของวิ้งค์ไวท์ ว่า ช่องทางขายหลักของวิ้งค์ไวท์ คือ การทำตลาดออนไลน์ ปัจจุบันการแข่งขันบนโลกออนไลน์ สูงมากทุกคนหันมาพึ่งตลาดออนไลน์ ในส่วนของ วิ้งค์ไวท์เอง ก็เราไม่คิดว่าจะทำตลาดออฟไลน์ เพราะจากสถานการณ์โควิด ทำให้รู้ว่าตลาดออนไลน์มันคือทางรอด และทำให้เราเติบโตได้ แม้ช่วงวิกฤติโควิด ถ้าเราสามารถหาวิธีการเข้าถึงลูกค้าในโลกออนไลน์ได้ โอกาสประสบความสำเร็จมีสูงมาก
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา จะต้องทำให้ Wink White สามารถเข้าถึง ลูกค้าให้ได้ในทุกๆ แพลตฟอร์ม ทำให้คนได้เห็น ได้รู้จัก รวมถึงการสร้างกระแส ให้คนจดจำ และได้เห็นเราให้บ่อยที่สุด ต้องยอมรับว่า แป้งเองทุ่มงบไปกับการทำตลาดออนไลน์ ปีหนึ่งไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท เพราะหน้าที่ของเรา คือ ต้องช่วยสร้างการรับรู้ เพื่อช่วยซัพพร็อตทีมตัวแทนขาย ในส่วนของตัวแทนจำหน่ายเองก็จะต้องทำอย่างไรให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ เราจะไม่ปล่อยให้ตัวแทนทำงานเพียงลำพัง เราจัดอบรมให้ความรู้ตัวแทนต่อเนื่อง
"อย่างไรก็ดี ความสำเร็จบนโลกออนไลน์ ไม่ได้มาง่าย แม้ตัวแทนจะผ่านการอบรมขนาดไหน ต้องอย่าลืมว่าแบรนด์อื่นทำเช่นเดียวกับเรา ถ้าพูดถึง ในปัจจุบัน การทำตลาดบนออนไลน์ ทุกคนหันให้ความสำคัญ กับการสร้างคอนเท็น รวมถึงวิ้งค์ไวท์ และคอนเท็นที่ทำแล้วปัง ก็ต้องเลือกทำกับพรีเซ็นเตอร์ เพราะจุดกระแสได้เร็ว ส่วนหนึ่งพรีเซ็นเตอร์ ก็จะมีคนติดตามและมีแฟนคลับ พรีเซ็นเตอร์ที่เราเลือก็ต้องกระแสแรงมากๆ ด้วย ล่าสุด เราก็เลือกใช้ “อิงฟ้า” และ “ชาล็อต” จากเวทีมิสแกรนด์ คู่จิ้นที่กำลังโด่งดังบนโลกออนไลน์ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ให้กับเซรั่ม ตัวใหม่ของ วิ้งค์ไวท์ Wink White Intensive Serum (วิงค์ไวท์ อินเทนซีฟ เซรั่ม) หรือที่ใครๆ เรียกว่า “เซรั่มอิงล็อต วันที่เราเปิดตัวเซรั่ม ไม่ผิดหวัง เพราะมีแฟนคลับมาให้กำลังใจ อิงฟ้า และชาร็อต แบบห้างแทบแตกเลย ”
วิกฤตโควิด อีกหนึ่งโอกาสผปก.เล็ก ช่องทางออนไลน์
ในส่วนของแพลตฟอร์ม ที่เลือกใช้ประสบความสำเร็จ ได้ยอดขายเยอะๆ ล่าสุด แป้งหันมาบุกช่องทางการขายผ่าน แพลตฟอร์มของ Tiktok ที่เลือก Tiktok เพราะเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในขณะนี้ เนื่องจากเป็นคลิปสั้นๆ คนชอบดูอะไรสั้นๆ ไม่ต้องยาวมาก ด้วยเวลาที่มีจำกัด จะนั่งดูยูทูป ยาว ๆ ก็ต้องใช้เวลามาก ทำให้หลายคนหันมาเล่น Tiktok และทำคลิปดีๆ ออกมาเป็นจำนวนมาก แจ้งเกิด ดาว Tiktok จำนวนมาก เช่นกัน และTiktok ก็ยังทำให้เกิดนักขายหน้าใหม่ และแบรนด์เล็ก แจ้งเกิดกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งถ้าไม่มี ช่องทางโซเชียลฯ เราคงจะไม่ได้เห็นการแจ้งเกิดของผู้ประกอบการเล็ก แบบอย่างแป้ง แน่นอน วิ้งค์ไวท์เป็นตัวอย่าง ที่เราแจ้งเกิดได้เพราะโลกออนไลน์ ซึ่งการทำงานของเราทุกแพลตฟอร์ม ส่วนหนึ่งต้องการจะซัพพร็อตทีมตัวแทนขายให้เขาขายได้เยอะๆ และอยู่กับเราไปนานๆ ที่ผ่านมา ตัวแทนขายของเรา ประมาณ 40,000 ราย มีการเปลี่ยนแปลงเข้าออก เช่นเดียวกัน แต่ในหลายพันราย เลือกจะขายวิ้งค์ไวท์ และที่หลายเพจ มีคนติดตามเป็นหลักแสน ไปจนถึงหลายแสน และเป็นลูกค้าประจำที่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของวิ้งค์ไวท์ ทั้งหมดเป็นเหตุผลที่ทำให้วิ้งค์ไวท์เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ขวัญชนก (แป้ง) กล่าวว่า พอถึงจุดนี้ 11 ปี “แป้ง” เริ่มทำงาน และสร้างแบรนด์ วิ้งค์ไวท์มาตั้งแต่อายุไม่ถึง 20 ปี ทุกอย่างไม่ได้มาง่าย เราต้องเรียนรู้ และทำด้วยตัวเอง แม้ใครมองว่า เรามีรายได้มากขนาดนี้ เราน่าจะสบายหรือทำน้อยลง แต่ไม่ใช่เราก็ยงคงทำงานหนักเพราะด้วยกิจการใหญ่ขึ้น การทำงานหนักขึ้น แลกมากลับรายได้เพิ่มขึ้น “แป้ง” เริ่มได้จับเงินพันล้าน เมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมา และช่วง 4ปี ที่ทุกคนต้องเผชิญกับโควิด ในส่วนของเราเอง กลับสวนกระแส เพราะทำให้เราสามารถมีรายได้เพิ่มขึ้น มีการขยายงาน สร้างโรงงานเพิ่มอีก 3 แห่ง ก็เกิดขึ้นในช่วง 4 ปีนี้ และผลักดันให้เราเติบโตจนมีรายได้หมื่นล้านในวันนี้
คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEsผู้จัดการ”รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด
SMEs manager